การเผยแพร่เรื่องเล่าจากนรกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ละอายและเกรงกลัวต่อบาป มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาผลประโยชน์แต่อย่างใด
ขุมนรกแห่งนี้กล่าวได้ว่าแปลกตายิ่งนัก ไร้ซึ่งไฟนรก ไร้ซึ่งเครื่องลงทัณฑ์ ไร้ซึ่งอสูรกาย อย่างที่คุ้นตาในนรกขุมต่างๆ แม้แต่พื้นนรกขุมนี้ก็มิได้ร้อนแต่อย่างใด อีกทั้งอากาศกลับเย็นอย่างประหลาด ขุมนรกแห่งนี้ใช่แปลกตาแค่เพียงสถานที่ เพราะสัตว์นรกในขุมนี้นั่นแทนที่จะเป็นกายผอมแห้งเปลือยเปล่าไร้ซึ่งเครื่องนุ่งห่มกลับกลายเป็นสัตว์นรกที่ห่มผ้ากาสาวพัสตร์
ถึงแม้นรกขุมนี้จะไร้ไฟนรก ไร้เครื่องลงทัณฑ์ ไร้อสูรกาย มีเพียงสัตว์นรกที่ห่มผ้ากาสาวพัสตร์เพียงเท่านั้น หากแต่ภายใต้ผ้ากาสาวพัสตร์ที่อยู่บนกายของสัตว์นรกกลับกลวงโบ๋เหลือแต่กระดูกไม่มีเนื้อของสัตว์นรกอย่างที่ควรจะมี สัตว์นรกต่างร้องโหยหวนอย่างทรมานแต่กลับไม่ถอดผ้ากาสาวพัสตร์บนกายออกแต่อย่างใด
เมื่อสัตว์นรกที่บังเกิดในนรกขุมนี้จะบังเกิดโดยไม่มีผ้ากาสาวพัสตร์ห่มกายแต่จะแย่งชิงผ้ากาสาวพัสตร์กับสัตว์นรกตนอื่นๆ เมื่อแย่งชิงมาได้สำเร็จก็รีบห่มผ้ากาสาวพัสตร์ สัตว์นรกจะบรรจงห่มผ้ากาสาวพัสตร์อย่างประณีต เมื่อห่มผ้ากาสาวพัสตร์เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ผ้ากาสาวพัสตร์บนกายของสัตว์นรกกลับร้อนราวกับลาวาที่เดือดปะทุ ความร้อนจากผ้ากาสาวพัสตร์นั้นร้อนจนเนื้อกายของสัตว์นรกละลายจนเหลือแต่กระดูก
สัตว์นรกเหล่านั้นก็ยังคงห่มผ้ากาสาวพัสตร์และกอดเอาไว้อย่างหวงแหนรักใคร่ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ผ้ากาสาวพัสตร์ของตน กระทั่งความร้อนนั้นหลอมละลายร่างของสัตว์นรกจนไม่เหลือซาก เหลือเพียงแต่ผ้ากาสาวพัสตร์ เมื่อไร้ร่างสัตว์นรกผ้ากาสาวพัสตร์กลับเย็นลงความร้อนสลายไปอย่างรวดเร็ว และสัตว์นรกตนอื่นๆก็ต่างพากันวิ่งเข้ามาเพื่อแย่งชิงผ้ากาสาวพัสตร์ผืนนั้น วนเวียนอยู่เช่นนี้นานแสนนานจนกว่าจะหมดกรรมที่กระทำไว้ในอดีต
ช่างน่าแปลกที่ผ้ากาสาวพัสตร์มีเพียงพอให้สัตว์นรกทุกตนได้สวมใส่โดยที่ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงกันแต่อย่างใด แต่ด้วยความโลภสัตว์นรกเหล่านี้กลับแย่งชิงผ้ากาสาวพัสตร์เอาเป็นของตนให้ได้มากที่สุด ราวกับว่าเมื่อได้มาครอบครองจะมีความสุขยิ่ง
ครานั้นได้ปรากฏภิกษุนิรนามรูปหนึ่ง เปล่งแสงบารมีสว่างไสวไปทั่วบริเวณ เมื่อเหล่าสัตว์นรกเห็นภิกษุนิรนาม หยาดน้ำตาแห่งความปีติได้เอ่อล้นหลั่งไหลออกจากดวงตาใหญ่ถลนน่ากลัวคู่นั้น
ภิกษุนิรนามเปล่งวาจากล่าวกับสัตว์นรกที่ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ว่า
” เราขอบิณฑบาตผ้ากาสาวพัสตร์ของท่านได้รึไม่” เหล่าสัตว์นรกได้ยินดังนั้นจึงค่อยๆเปลื้องผ้ากาสาวพัสตร์บนกายของตนออก หยาดน้ำตายังคงไหลรินไม่หยุด สัตว์นรกเหล่านั้นที่หวงแหนผ้ากาสาวพัสตร์ยิ่งกว่าชีวิตของตน แต่บัดนี้กลับเปลื้องผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากกายค่อยๆบรรจงพับผ้ากาสาวพัสตร์แล้วยกขึ้นด้วยสองมือชูเหนือหัวถวายแด่ภิกษุนิรนามด้วยความเต็มใจและปลื้มปิติหมดทุกตน
ด้วยกุศลที่เหล่าสัตว์นรกตั้งใจถวายผ้ากาสาวพัสตร์ที่ตนรักและหวงแหนแด่ภิกษุนิรนาม บันดาลให้สัตว์นรกเหล่านั้นไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป ล้วนจุติใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่าหมดทั้งสิ้น.
วิบากกรรมของสัตว์นรกขุมนี้เกิดจาก....ใช้ผ้ากาสาวพัสตร์ในการประพฤติชั่ว
เรื่องเล่าจากนรก Ep.2 (ผ้ากาสาวพัสตร์)
ขุมนรกแห่งนี้กล่าวได้ว่าแปลกตายิ่งนัก ไร้ซึ่งไฟนรก ไร้ซึ่งเครื่องลงทัณฑ์ ไร้ซึ่งอสูรกาย อย่างที่คุ้นตาในนรกขุมต่างๆ แม้แต่พื้นนรกขุมนี้ก็มิได้ร้อนแต่อย่างใด อีกทั้งอากาศกลับเย็นอย่างประหลาด ขุมนรกแห่งนี้ใช่แปลกตาแค่เพียงสถานที่ เพราะสัตว์นรกในขุมนี้นั่นแทนที่จะเป็นกายผอมแห้งเปลือยเปล่าไร้ซึ่งเครื่องนุ่งห่มกลับกลายเป็นสัตว์นรกที่ห่มผ้ากาสาวพัสตร์
ถึงแม้นรกขุมนี้จะไร้ไฟนรก ไร้เครื่องลงทัณฑ์ ไร้อสูรกาย มีเพียงสัตว์นรกที่ห่มผ้ากาสาวพัสตร์เพียงเท่านั้น หากแต่ภายใต้ผ้ากาสาวพัสตร์ที่อยู่บนกายของสัตว์นรกกลับกลวงโบ๋เหลือแต่กระดูกไม่มีเนื้อของสัตว์นรกอย่างที่ควรจะมี สัตว์นรกต่างร้องโหยหวนอย่างทรมานแต่กลับไม่ถอดผ้ากาสาวพัสตร์บนกายออกแต่อย่างใด
เมื่อสัตว์นรกที่บังเกิดในนรกขุมนี้จะบังเกิดโดยไม่มีผ้ากาสาวพัสตร์ห่มกายแต่จะแย่งชิงผ้ากาสาวพัสตร์กับสัตว์นรกตนอื่นๆ เมื่อแย่งชิงมาได้สำเร็จก็รีบห่มผ้ากาสาวพัสตร์ สัตว์นรกจะบรรจงห่มผ้ากาสาวพัสตร์อย่างประณีต เมื่อห่มผ้ากาสาวพัสตร์เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ผ้ากาสาวพัสตร์บนกายของสัตว์นรกกลับร้อนราวกับลาวาที่เดือดปะทุ ความร้อนจากผ้ากาสาวพัสตร์นั้นร้อนจนเนื้อกายของสัตว์นรกละลายจนเหลือแต่กระดูก
สัตว์นรกเหล่านั้นก็ยังคงห่มผ้ากาสาวพัสตร์และกอดเอาไว้อย่างหวงแหนรักใคร่ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ผ้ากาสาวพัสตร์ของตน กระทั่งความร้อนนั้นหลอมละลายร่างของสัตว์นรกจนไม่เหลือซาก เหลือเพียงแต่ผ้ากาสาวพัสตร์ เมื่อไร้ร่างสัตว์นรกผ้ากาสาวพัสตร์กลับเย็นลงความร้อนสลายไปอย่างรวดเร็ว และสัตว์นรกตนอื่นๆก็ต่างพากันวิ่งเข้ามาเพื่อแย่งชิงผ้ากาสาวพัสตร์ผืนนั้น วนเวียนอยู่เช่นนี้นานแสนนานจนกว่าจะหมดกรรมที่กระทำไว้ในอดีต
ช่างน่าแปลกที่ผ้ากาสาวพัสตร์มีเพียงพอให้สัตว์นรกทุกตนได้สวมใส่โดยที่ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงกันแต่อย่างใด แต่ด้วยความโลภสัตว์นรกเหล่านี้กลับแย่งชิงผ้ากาสาวพัสตร์เอาเป็นของตนให้ได้มากที่สุด ราวกับว่าเมื่อได้มาครอบครองจะมีความสุขยิ่ง
ครานั้นได้ปรากฏภิกษุนิรนามรูปหนึ่ง เปล่งแสงบารมีสว่างไสวไปทั่วบริเวณ เมื่อเหล่าสัตว์นรกเห็นภิกษุนิรนาม หยาดน้ำตาแห่งความปีติได้เอ่อล้นหลั่งไหลออกจากดวงตาใหญ่ถลนน่ากลัวคู่นั้น
ภิกษุนิรนามเปล่งวาจากล่าวกับสัตว์นรกที่ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ว่า ” เราขอบิณฑบาตผ้ากาสาวพัสตร์ของท่านได้รึไม่” เหล่าสัตว์นรกได้ยินดังนั้นจึงค่อยๆเปลื้องผ้ากาสาวพัสตร์บนกายของตนออก หยาดน้ำตายังคงไหลรินไม่หยุด สัตว์นรกเหล่านั้นที่หวงแหนผ้ากาสาวพัสตร์ยิ่งกว่าชีวิตของตน แต่บัดนี้กลับเปลื้องผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากกายค่อยๆบรรจงพับผ้ากาสาวพัสตร์แล้วยกขึ้นด้วยสองมือชูเหนือหัวถวายแด่ภิกษุนิรนามด้วยความเต็มใจและปลื้มปิติหมดทุกตน
ด้วยกุศลที่เหล่าสัตว์นรกตั้งใจถวายผ้ากาสาวพัสตร์ที่ตนรักและหวงแหนแด่ภิกษุนิรนาม บันดาลให้สัตว์นรกเหล่านั้นไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป ล้วนจุติใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่าหมดทั้งสิ้น.
วิบากกรรมของสัตว์นรกขุมนี้เกิดจาก....ใช้ผ้ากาสาวพัสตร์ในการประพฤติชั่ว