สวัสดีครับ ผม R (นามสมมติ)
2 ปีก่อนผมโดนรถชน ไม่กี่วันนี้เป็นวันครบรอบเหตุการณ์นั้น และโอกาสนี้ผมจะมาบอกเล่าเหตุการณ์ที่ผมได้ไปเจอมากับตัวเองให้ฟังกัน
ตอนนั้นผมเป็นนักศึกษาระดับ ปวส.ปี 1 ของวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ เลยคิดว่าจะหาหางานทำหารายได้ช่วงปิดเทอม ก็ได้เป็น พนง.รายวันของร้านสะดวกซื้อใกล้ๆวิทยาลัย
ผ่านไปสองเดือน อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอมแล้ว และในวันนั้นเอง วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2561 ผมเลิกงานก็เริ่มดึกแล้ว ประมาณสี่ทุ่ม ก็ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านตามปกติ
ผมขับมาถึงซอยหน้าบ้านแล้ว ผมกลับรถเพื่อเข้าซอยและสิ่งที่ผมระวังมาตลอดก็เกิดขึ้น!! ผมโดนรถเก๋งชนเข้าเต็มๆ (ถ้าดูจากกล้องหน้ารถเก๋ง ผมกับรถของผมลอยหายไปจากกล้องหน้ารถเลย)
ผมสลบไปแบบภาพตัดไปเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สักพักผมตื่นขึ้นมา นอนอยู่กลางถนน ไม่มีความเจ็บ ไม่รู้สึกตัวอะไรทั้งนั้น ตามองไปบนท้องฟ้า บ่นพรึมพรำในใจว่า "นี่กุยังขับไม่ถึงบ้านอีกหรอวะ?"
จากนั้นได้ยินเสียงคนโวยวายอยู่ไม่ไกล กับแสงไซเรนวิบวับๆ กู้ภัยนั่นเอง ผมรู้ตัวได้ทันทีว่าที่ผมมานอนอยู่ตรงนี้มันไม่ปกติ เกิดอุบัติเหตุกับผมแน่ๆ ตอนนั้นผมมีสติดีอยู่ไม่ตกใจอะไร เหมือนร่างกายบอกกับผมว่าถ้าผมหลับตาลงผมจะหลับไป ก่อนที่ความรู้สึกจะกลับมาและผมจะเจ็บ ผมจึงหลับตาลง
ไม่นานนัก ผมได้ไปยืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ลักษณะเป็นห้องกระจกที่ลอยอยู่บนฟ้า อยู่สูงจนมองไม่เห็นพื้นดิน (หรือไม่มีพื้นก็ไม่รู้) มีกลุ่มเมฆล้อมรอบเต็มไปหมด เป็นตอนกลางวันแม้ตอนนั้นจะดึกมากแล้ว นี่มันที่ไหนกัน?
สักพัก มีเสียงเสียงหนึ่งสื่อเข้ามาหาผม เป็นเสียงที่ไม่ได้พูดเป็นภาษาใดภาษาหนึ่ง แต่เราเข้าใจในเสียงสื่อนั้น (ลักษณะคล้ายๆสิ่งที่เรียกกันว่าโทรจิตไรงี้ปะ?) และมองไม่เห็นเจ้าของเสียงนั้นด้วย
สิ่งนั้นบอกกับผมประมาณว่า ผมประสบอุบัติเหตุนะ สภาพร่างกายที่เขาเห็นก็ ขาหัก อาการสาหัสระดับนึง ผมมีสติดีอยู่และผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไงต่อ
*ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นผมเป็นคนที่ไม่นับถือศาสนา Irreligion เชื่อว่าตายแล้วดับสูญ ไม่มีอื่นใด แต่ได้มาเจอเหตุการณ์นี้แล้วผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เลย
สิ่งนั้นมีตัวเลือกให้ผมเลือกสองอย่าง คือ จะไปกับเขา จากนั้นมีประตูที่ไม่มีบานประตูปรากฏลอยขึ้นมา มีแสงสว่างส่องออกมาจนมองไม่เห็นหลังประตูนั่น
หรืออีกตัวเลือกนึงคือ เลือกที่จะกลับไป ใช้ชีวิตต่อ แต่จะต้องใช้ชีวิตไปกับโชคชะตาอันโหดร้าย
จากนั้นทุกอย่างสว่างวาบ "ผมจำไม่ได้ว่าเลือกอะไรไป แต่การที่ผมยังมีชีวิตอยู่นี้ ได้มาเล่าเรื่องนี้ มันคือคำตอบแล้ว"
เหตุการณ์นี้เปลี่ยนความคิดของผมไปมากเลยจริงๆ
ผมตื่นขึ้นและพบว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่สิ่งนั้นบอกจริงๆ ขาผมหักจริงๆ ในสภาพที่มีเหล็กใขน็อตติดกัน อย่างกะเสาอากาศโทรทัศน์เลย มีแผลที่เป็นร่องรอยของการที่กระดูกหน้าแข้งมันหักแล้วทิ่มออกมา ผมคิดว่าไม่น่าจะกลับมาเดินได้อีกแล้วแหละ 😓😓
ผมใช้เวลารักษาตัวอยู่ประมาณ 10 เดือน และผมดีใจมากที่สุดในชีวิตเลย ด้วยความพยายามของผม ผมกลับมาเดินได้แล้ว 😊😊 ผมได้ไปงานบวชเพื่อนในวัยเด็ก ได้กลับไปหาพระอาจารย์ที่เลี้ยงดูผมมา ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้ทำอีกแล้ว
ผมกลับไปเรียนต่อปี 2 อีกแค่ปีเดียว เอาให้จบ และผมก็ได้ค้นพบตัวเองว่าผมเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมากแบบกลายเป็นคนละคนเลย ก่อนจะเรียนจบ ผมได้ไปฝึกงานที่จังหวัดอุดรธานี และมันทำให้ผมรู้ว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ผมได้รับความรัก กำลังใจ แบบที่ไม่เคยได้รับมันมาก่อนในชีวิตห่วยๆของผม เป็นแรงบันดาลใจให้ผมผ่านพ้นช่วงชีวิตอันโหดร้ายมาได้ ✌✌
ในช่วงเวลาไม่กี่ปีนี้ ผมได้ผ่านอะไรมาเยอะเหลือเกิน และมันได้เปลี่ยนผมไปเยอะจริงๆ 😘😘
ผมไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันมีปรากฏในพระคำภีร์ของศาสนาใดบ้าง และผมควรทำอย่างไงต่อ ถ้ามีใครรู้ก็ช่วยคอมเมนต์บอกผมหน่อยนะ
ผมไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับผมหรือเปล่า หรือเรื่องนี้ไปขัดความคิดความเชื่อของใครบ้าง แต่อยากให้เปิดใจยอมรับในเรื่องราวของผมด้วย ผมไม่มีเจตนากล่าวว่าความเชื่อใครผิดถูก แต่นี่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่ผมได้ไปเจอมา จริงหรือไม่ผมไม่สามารถพิสูจน์ให้ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ และอย่าลืมใช้จักรยานในการเสพสื่อด้วยนะครับ 😇
ปล.ในคลิปอาจจะเป็นปี 2017 แต่อันที่จริงเป็นปี 2018 เพราะเจ้าของรถตั้งเวลาผิดไป
เชื่อหรือไม่เชื่อโหวดได้เลย 👇👇
ประสบอุบัติเหตุรถชน แลัวไปที่ไหนสักที่? เป็นห้องกระจกลอยฟัา สูงจนมองไม่เห็นพื้น!!
2 ปีก่อนผมโดนรถชน ไม่กี่วันนี้เป็นวันครบรอบเหตุการณ์นั้น และโอกาสนี้ผมจะมาบอกเล่าเหตุการณ์ที่ผมได้ไปเจอมากับตัวเองให้ฟังกัน
ตอนนั้นผมเป็นนักศึกษาระดับ ปวส.ปี 1 ของวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ เลยคิดว่าจะหาหางานทำหารายได้ช่วงปิดเทอม ก็ได้เป็น พนง.รายวันของร้านสะดวกซื้อใกล้ๆวิทยาลัย
ผ่านไปสองเดือน อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอมแล้ว และในวันนั้นเอง วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2561 ผมเลิกงานก็เริ่มดึกแล้ว ประมาณสี่ทุ่ม ก็ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านตามปกติ
ผมขับมาถึงซอยหน้าบ้านแล้ว ผมกลับรถเพื่อเข้าซอยและสิ่งที่ผมระวังมาตลอดก็เกิดขึ้น!! ผมโดนรถเก๋งชนเข้าเต็มๆ (ถ้าดูจากกล้องหน้ารถเก๋ง ผมกับรถของผมลอยหายไปจากกล้องหน้ารถเลย)
ผมสลบไปแบบภาพตัดไปเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สักพักผมตื่นขึ้นมา นอนอยู่กลางถนน ไม่มีความเจ็บ ไม่รู้สึกตัวอะไรทั้งนั้น ตามองไปบนท้องฟ้า บ่นพรึมพรำในใจว่า "นี่กุยังขับไม่ถึงบ้านอีกหรอวะ?"
จากนั้นได้ยินเสียงคนโวยวายอยู่ไม่ไกล กับแสงไซเรนวิบวับๆ กู้ภัยนั่นเอง ผมรู้ตัวได้ทันทีว่าที่ผมมานอนอยู่ตรงนี้มันไม่ปกติ เกิดอุบัติเหตุกับผมแน่ๆ ตอนนั้นผมมีสติดีอยู่ไม่ตกใจอะไร เหมือนร่างกายบอกกับผมว่าถ้าผมหลับตาลงผมจะหลับไป ก่อนที่ความรู้สึกจะกลับมาและผมจะเจ็บ ผมจึงหลับตาลง
ไม่นานนัก ผมได้ไปยืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ลักษณะเป็นห้องกระจกที่ลอยอยู่บนฟ้า อยู่สูงจนมองไม่เห็นพื้นดิน (หรือไม่มีพื้นก็ไม่รู้) มีกลุ่มเมฆล้อมรอบเต็มไปหมด เป็นตอนกลางวันแม้ตอนนั้นจะดึกมากแล้ว นี่มันที่ไหนกัน?
สักพัก มีเสียงเสียงหนึ่งสื่อเข้ามาหาผม เป็นเสียงที่ไม่ได้พูดเป็นภาษาใดภาษาหนึ่ง แต่เราเข้าใจในเสียงสื่อนั้น (ลักษณะคล้ายๆสิ่งที่เรียกกันว่าโทรจิตไรงี้ปะ?) และมองไม่เห็นเจ้าของเสียงนั้นด้วย
สิ่งนั้นบอกกับผมประมาณว่า ผมประสบอุบัติเหตุนะ สภาพร่างกายที่เขาเห็นก็ ขาหัก อาการสาหัสระดับนึง ผมมีสติดีอยู่และผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไงต่อ
*ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นผมเป็นคนที่ไม่นับถือศาสนา Irreligion เชื่อว่าตายแล้วดับสูญ ไม่มีอื่นใด แต่ได้มาเจอเหตุการณ์นี้แล้วผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เลย
สิ่งนั้นมีตัวเลือกให้ผมเลือกสองอย่าง คือ จะไปกับเขา จากนั้นมีประตูที่ไม่มีบานประตูปรากฏลอยขึ้นมา มีแสงสว่างส่องออกมาจนมองไม่เห็นหลังประตูนั่น
หรืออีกตัวเลือกนึงคือ เลือกที่จะกลับไป ใช้ชีวิตต่อ แต่จะต้องใช้ชีวิตไปกับโชคชะตาอันโหดร้าย
จากนั้นทุกอย่างสว่างวาบ "ผมจำไม่ได้ว่าเลือกอะไรไป แต่การที่ผมยังมีชีวิตอยู่นี้ ได้มาเล่าเรื่องนี้ มันคือคำตอบแล้ว"
เหตุการณ์นี้เปลี่ยนความคิดของผมไปมากเลยจริงๆ
ผมตื่นขึ้นและพบว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่สิ่งนั้นบอกจริงๆ ขาผมหักจริงๆ ในสภาพที่มีเหล็กใขน็อตติดกัน อย่างกะเสาอากาศโทรทัศน์เลย มีแผลที่เป็นร่องรอยของการที่กระดูกหน้าแข้งมันหักแล้วทิ่มออกมา ผมคิดว่าไม่น่าจะกลับมาเดินได้อีกแล้วแหละ 😓😓
ผมใช้เวลารักษาตัวอยู่ประมาณ 10 เดือน และผมดีใจมากที่สุดในชีวิตเลย ด้วยความพยายามของผม ผมกลับมาเดินได้แล้ว 😊😊 ผมได้ไปงานบวชเพื่อนในวัยเด็ก ได้กลับไปหาพระอาจารย์ที่เลี้ยงดูผมมา ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้ทำอีกแล้ว
ผมกลับไปเรียนต่อปี 2 อีกแค่ปีเดียว เอาให้จบ และผมก็ได้ค้นพบตัวเองว่าผมเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมากแบบกลายเป็นคนละคนเลย ก่อนจะเรียนจบ ผมได้ไปฝึกงานที่จังหวัดอุดรธานี และมันทำให้ผมรู้ว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ผมได้รับความรัก กำลังใจ แบบที่ไม่เคยได้รับมันมาก่อนในชีวิตห่วยๆของผม เป็นแรงบันดาลใจให้ผมผ่านพ้นช่วงชีวิตอันโหดร้ายมาได้ ✌✌
ในช่วงเวลาไม่กี่ปีนี้ ผมได้ผ่านอะไรมาเยอะเหลือเกิน และมันได้เปลี่ยนผมไปเยอะจริงๆ 😘😘
ผมไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันมีปรากฏในพระคำภีร์ของศาสนาใดบ้าง และผมควรทำอย่างไงต่อ ถ้ามีใครรู้ก็ช่วยคอมเมนต์บอกผมหน่อยนะ
ผมไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับผมหรือเปล่า หรือเรื่องนี้ไปขัดความคิดความเชื่อของใครบ้าง แต่อยากให้เปิดใจยอมรับในเรื่องราวของผมด้วย ผมไม่มีเจตนากล่าวว่าความเชื่อใครผิดถูก แต่นี่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่ผมได้ไปเจอมา จริงหรือไม่ผมไม่สามารถพิสูจน์ให้ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ และอย่าลืมใช้จักรยานในการเสพสื่อด้วยนะครับ 😇