ศาสนาควรเป็นสิทธิที่เด็กจะได้เลือกด้วยตนเอง 🙏

วันนี้เราจะมาขอพูดถึงเรื่องศาสนาในมุมมองและประสบการณ์ที่เคยอยู่ร่วมกับคนหลายศาสนาและความเชื่อโปรดใช้สติในการอ่านและคอมเม้นนะครับ

พูดถึงศาสนาต้องย้อนกันไปถึงอดีตตอนที่ยังไม่มีอะไรเลย คนยังนับถือไฟนับถือธรรมชาติด้วยความกลัวหรือความไม่รู้ก็ดี ต่อมาคนก็ได้รังสรรค์ความเชื่อขึ้นมาแล้วสุดท้ายก็กลายเป็นศาสนาในที่สุด โดยมีจุดยึดเหนี่ยวจิตใจคือพระเจ้า แต่ในบางศาสนาเกิดจากความคิดวิเคราะห์จนเกิดความรู้ขึ้นมาเลยไม่มีพระเจ้า ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีก็มีจุดมุ่งหมายให้คนอยู่ในหลักปกครองที่นำไปสู่ความสงบ

แต่ๆ เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่เกิดความเสื่อมขึ้นด้วยความคิดที่จะปกครองผู้คนให้เชื่อมากขึ้น ขยายศาสนามากขึ้นด้วยเหตุผลทางการเมืองการปกครองก็ดีหรือผลประโยชน์ส่วนกลุ่มก็ดี จุดสังเกตุคือศาสนามันก็คล้ายกับลัทธิการปกครองเช่นเดโมเครซีหรือคอมมิวนิสที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกครองมนุษย์เช่นกัน หากมองผ่านอดีตลัทธิการปกครองก็มีการสาดโคลนกันโจมตีกันเช่นเดียวกับสงครามศาสนาในอดีต ยกตัวอย่างในประเทศเกาหลีเหนือ ที่ไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวถือคำสอนศาสนาอื่นเข้ามาเพราะมันก็คือหลักปกครองส่วนบุคคล โชคดีที่ศาสนาเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่คนสามารถเปลี่ยนได้ตามศรัทธา ดังนั้นทุกคนควรมีสิทธิที่จะเปลี่ยนหรือไม่นับถือได้โดยชอบธรรม ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเซิฟอยู่

ประเด็นมันอยู่ที่ ในบางพื้นที่ศาสนามันยังเปื้อนอยู่ด้วยการบิดเบือนให้เกิดประโยชน์แอบแฝง บางความเชื่อก็ถูกนำมาผสมกับศาสนาจนคนส่วนใหญ่ลืมไปเลยว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่หลักที่แท้จริง ด้วยการปฏิบัติและเชื่อต่อๆกันมาอย่างไร้คำถาม และในโลกปัจจุบันหลักปฏิบัติบางอย่างก็ดูจะล้าสมัยและคนรุ่นใหม่ก็เลิกปฏิบัติไป คำถามคือแท้จริงแล้วมันดีหรือไม่การเปลี่ยนแบบนี้มันจะบิดเบือนหรือไม่ เราว่าอยู่ที่จุดประสงค์ของหลักนั้น ผู้ปฏิบัติควรวิเคราะห์ด้วยตนเองว่ามันจะทำคนอื่นเดือดร้อนมั้ย หากไม่คงไม่ผิดหากเราจะเปลี่ยน เพราะก่อนที่จะมาถึงทุกวันนี้ศาสนาก็เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ดังนั้นอย่าไปกังวล อย่าไปเบื่อศาสนา ด้วยเหตุที่มีหลักปฏิบัติบางอย่างมันไม่ตอบโจทย์กับชีวิต มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลและความศรัทธาจะไม่ทำก็ได้

เราเคยเห็นคนสงสัยเรื่องนรกและสวรรค์กันหากคนละศาสนามันก็ต้องอยู่คนละเซิฟกันหรอ หากมองดีๆความเชื่อนี้มันถูกสร้างมาเพื่อแค่ให้มนุษย์กลัวเท่านั้น มันดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเลย ส่วนตัวนับถือพุทธแท้ สาเหตุที่กล่าวคำว่าแท้เช่นนี้เพราะทุกอย่างเราวิเคราะห์ด้วยเหตุผลก่อนจะเชื่อทั้งสิ้น ในสังคมไทยคนส่วนใหญ่ยังหลงทางอยู่มาก ด้วยการกระทำเพื่อให้เกิดความสบายใจเพียบชั่วขณะ การไม่เคยวิเคราะห์อะไรเลยก่อนจะเชื่อ และหนำซ้ำบางวัดยังมีหลักฮินดูมาผสมอีกเช่นการห้ามผู้หญิงเดินขึ้นเจดีย์ เราสงสัยเหลือเกิดว่าพระไม่รู้เลยหรือแยกแยะไม่ออกหรือว่าแท้จริงเพียงเพื่อสร้างศรัทธาด้วยการห้ามแบบนี้กันแน่ ซึ่งแน่นอนเราไม่เชื่อและคิดว่าทุกเพศควรมีสิทธิเท่ากันในประเด็นนี้

บางคนอาจตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับพระเจ้ามาอีก มันคือศรัทธาของผู้คน
เอาจริงๆพุทธก็มีไว้ว่าคนเราเกิดมาด้วยกายและจิต ดับไปจิตสลายทิ้งเพียงกายไว้ เพียงมันช่างสอดคล้องกันเหลือเกิดกับหลักวิทยาศาสตร์และการทดลองที่คนตายมวลจะลดลง
หากเรามองถึงศาสนาอื่นหรือหลักการอื่นเช่นว่าจิตเป็นเพียงพลังงานเมื่อพลังงานหมดมันก็ย่อยถึงจุดดับสิ้น แต่พลังงานไม่สามารถหมดได้แค่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น ดังนั้นหากจะบอกว่าพลังงานหรือจิตคนแปลงไปเป็นพลังงานอีกรูปแบบที่รวมๆกันหรือแยกกันก็แล้วแต่ หากจะบอกว่าพลังงานกลุ่มใหญ่คือพระเจ้าแล้วจิตต่างๆก็โดยดูดไปรวมกับพระเจ้าก็ดูเป็นเหตุเป็นผลเช่นกัน ดังนั้นเห็นเลยว่าไม่ว่าพุทธหรือศาสนาอื่นล้วนคล้ายๆกันแต่ต่างกันที่การยิบยกจุดร่วมศรัทธามาให้คน

สุดท้ายหากจะให้เด็กเกิดใหม่ไร้ศาสนาแล้วให้เลือกเองตอนโต โดยผู้ปกครองก็ไม่ควรไปยัดเหยียดให้เชื่อหรือปฏิบัติตามจึงเป็นสิ่งที่ดูว่าเหมาะกว่า คนยุคใหม่จะมีมุมมองใหม่ๆ อาจจะได้เห็นในความต่าง ยอมรับกันต่าง เห็นในความเหมือนกัน เข้าใจกันมากกว่าเก่า สำหรับคนที่กลัวว่าศาสนาตนจะหายนั้นหรือการที่ต้องเปลี่ยนศาสนาตามการแต่งงานนั้น ที่จริงมันคือการเพิ่มประชากรมากขึ้น เหตุผลมันคงเป็นวิธีการเผยแพร่ที่ดูไม่เหมาะเพราะมันคือสิทธิที่ทุกคนจะได้เลือกเองโดยไม่มีข้อแม้ มันคือความศรัทธาที่คนต้องศึกษาเข้าใจ ไม่ใช่การบีบบังคับให้เข้ามาด้วยเหตุอื่น เราไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายอันใด แต่เป็นการชี้แจงว่าบางหลักมันอาจไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของศาสนาเดิมทีเพราะคนที่ให้กำเนิดศาสนาเขาคงบรรลุ เขาคงไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะบังคับจิตใจใครๆ แต่ด้วยการเมืองการปกครองต่างในอดีตศาสนาเป็นเลยถูกแปลเป็นเครื่องมือการขยายอำนาจการขยายความศรัทธาของคนในอาณาจักรนั้นๆ สรุปคือไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือไม่นับถือเลยล้วนไม่ผิดเป็นเป็นสิทธิส่วนบุคคล ขอเพียงอยู่ในสังคมโดยไม่ทำความเดือดร้อนก็เป็นพอแล้ว

ปล. จงอย่าเชื่อเพียงเพราะคนอื่นบอกให้เชื่อ แต่จงตั้งคำถามและวิเคราะห์ด้วยเหตุผลแล้วท่านจะพบว่าทุกอย่างล้วนมีความเป็นมาที่ท่านจะเข้าใจแล้วเห็นทางที่ถูกด้วยตนเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่