คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) วันที่ 21 พ.ค. 2563
การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 21 พฤษภาคม 2563
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม 2563
ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,037 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้นในวันนี้ 3 ราย)
เสียชีวิตรวม 56 ราย (ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 2,897 ราย (95.39%) (เพิ่มขึ้น 9 ราย)
ผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 3 ราย โดย 2 รายมีประวัติเสี่ยงจากไป/ทำงาน หรือในสถานที่ชุมนุมชน โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 1 รายเป็นคนไทยเดินทางกลับจากประเทศฟิลิปปินส์ เข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี (State quarantine)
กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด (1,532 ราย) ตามด้วย ภูเก็ต (225), นนทบุรี (158), ยะลา (125), สมุทรปราการ (115), ชลบุรี (86), ปัตตานี (79), สงขลา (44), เชียงใหม่ (41) และ ปทุมธานี (39) โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระหว่าง state quarantine และในจังหวัดต่างๆ รวม 102 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2796567830468771
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2563
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2563
(หน้า)กากอย่าตก
ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ (21 พ.ค. 63) ไม่ได้เป็นศูนย์อย่างที่หวัง แต่ก็ยังอยู่ในยอดที่พอรับได้ คือกลับขึ้นไปที่ 3 ราย และข่าวดีก็คือ เราไม่มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นเวลา 12 วันแล้ว
โดยผู้ติดเชื้อ 3 รายใหม่นั้น 1 รายมาจากต่างประเทศ (ฟิลิปปินส์) แต่ 2 รายในวันนี้ เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ ซึ่งมี 1 รายที่ติดเชื้อในกทม. หลังจากที่ได้เข้าไปทำกิจกรรมต่างๆในย่านชุมชน รวมถึงการตัดผม
ดังนั้นเคสใหม่ในวันนี้ จึงเป็นเครื่องเตือนใจเราทุกคนว่า เรายังประมาทไม่ได้เด็ดขาด ห้ามคิดว่าโควิดหายไปจากประเทศแล้ว เพราะยังไม่หายไปไหน แต่มีคนจำนวนมากที่ปะปนกันอยู่ในย่านชุมชน และกิจกรรมต่างๆที่เราทำหลังผ่อนปรน ที่ไม่รู้ตัวว่ามีอาการ แต่ติดเชื้อแล้ว และแพร่เชื้อต่อให้คนอื่นได้ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลย
แต่เราป้องกันตัวเองได้ นั่นคือการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และใส่ 100% ตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน อย่าประมาท คิดว่าหายใจลำบาก ขอพักหน้ากาก ให้หน้ากากตกลงมา เปิดจมูก เปิดปาก ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเราได้ เช่นเดียวกับนักรบที่ไม่ถอดชุดเกราะในยามสงคราม หน้ากากอนามัย ก็เป็นเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้กับโควิด
การ์ดไม่ตก และ (หน้า)กาก ก็ต้องไม่ตกด้วยนะคะ เราถึงจะไปต่อกันได้
https://www.facebook.com/ThaiCovidCenter/posts/131145491884702
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.facebook.com/drsuvitpage/posts/1925010047805716
ไขกระบวนการผลิตวัคซีนโควิด-19
คู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
สำหรับประเภทกิจการและกิจกรรม กลุ่มที่ 2
ดาวน์โหลดได้ที่
https://drive.google.com/file/d/1W7jGp1iLtUhePJylek3KQV0HTe2ueWkp/view?fbclid=IwAR0MPqCOkTUUoUr4IhjFBece8-1pBDbtApYEAoTye322OaudBdZj2-fBayM
https://www.facebook.com/ThaiCovidCenter/posts/130828078583110
“คลัง” จ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท สำเร็จแล้ว 99%
http://realnewsthailand.prd.go.th/newsdetail-rnt.php?nid=2788
📣 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยผลการดำเนินการมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 สำเร็จเรียบร้อยแล้วร้อยละ 99
🔴ส่วนที่ยังคงเหลืออีกเพียงร้อยละ 1 คือ การดำเนินการในส่วนที่ยังตกค้างเกี่ยวกับการขอทบทวนสิทธิ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
➡️ มาตรการเยียวยา 5,000 บาท มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 28.8 ล้านราย
➡️ มีการลงทะเบียนซ้ำ 4.8 รายการ
➡️ ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 1.7 ล้านราย
✅✅ ทำให้มีผู้ลงทะเบียนที่เข้าสู่ขั้นตอนการคัดกรองตามหลักเกณฑ์จำนวน 22.3 ล้านราย
➡️ มีผู้ผ่านเกณฑ์ 15 ล้านราย
➡️ ไม่ได้รับสิทธิ 7 ล้านราย
➡️ อยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนสิทธิ 2.4 แสนราย
✅✅ กลุ่มผู้ผ่านเกณฑ์ 15 ล้านราย โอนเงินเยียวยาแล้ว 14.2 ล้านราย
🔴 ส่วนที่เหลือจะโอนเงินเยียวยาได้ครบถ้วนทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ โดยมีรอบการโอนดังนี้
➡️ วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 จำนวน 2.3 แสนราย
➡️ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 จำนวน 4.4 แสนราย
✅✅ ทั้งนี้ บัญชีของผู้รับจะต้องไม่มีปัญหาในเรื่องบัญชีไม่ตรงกับชื่อนามสกุลที่ลงทะเบียน บัญชีถูกปิด หรือไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชน ซึ่งจะเป็นเหตุให้การโอนเงินไม่สำเร็จ
✅✅ สำหรับกลุ่มผู้ผ่านเกณฑ์แล้ว แต่ยังติดขัดเรื่องบัญชีสำหรับรับโอนเงินเยียวยา โปรดดำเนินการผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นช่องทางที่สะดวกที่สุด โดยไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติมอีก กระทรวงการคลังจะมีการตรวจสอบและโอนเงินให้ใหม่เป็นประจำทุกสัปดาห์
🔴 กลุ่มไม่ได้รับสิทธิ 7 ล้านราย จำแนก ดังนี้
➡️ เป็นผู้ไม่ขอทบทวนสิทธิ 4.8 ล้านราย
➡️ ผู้ไม่ผ่านการขอทบทวนสิทธิ 1 ล้านราย
➡️ ผู้ยกเลิกการลงทะเบียนหรือยกเลิกการขอทบทวนสิทธิ 9 แสนราย
➡️ กลุ่มที่ขอข้อมูลการประกอบอาชีพเพิ่มเติม แต่ไม่ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนดประมาณ 3 แสนราย
🔴 กลุ่มที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนสิทธิ 2.4 แสนราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของจำนวนผู้ที่เข้าสู่การคัดกรองตามหลักเกณฑ์ ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1️⃣ กลุ่มที่ 1 ผู้ขอทบทวนสิทธิ 8 หมื่นราย จะได้รับการติดต่อจากทีมผู้พิทักษ์สิทธิเพื่อนัดหมายยืนยันตัวตนและตรวจสอบการประกอบอาชีพตามที่ได้ลงทะเบียนไว้
2️⃣ กลุ่มที่ 2 ประมาณ 1 แสนราย เป็นผู้ขอทบทวนสิทธิซึ่งเคยได้รับการติดต่อจากทีมผู้พิทักษ์สิทธิแล้วแต่ไม่สามารถนัดพบได้หรือที่อยู่จริงในปัจจุบันไม่ตรงกับที่ได้ลงทะเบียนไว้ตอนขอทบทวนสิทธิ ทำให้ผู้พิทักษ์สิทธิไม่สามารถเจอตัวได้
3️⃣ กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ผู้พิทักษ์สิทธิได้พยายามติดต่อไปหาแล้วหลายครั้งแต่ติดต่อไม่ได้จำนวน6 หมื่นราย ผู้ขอทบทวนสิทธิในกลุ่มที่ 2 และ 3 กระทรวงการคลังจะมีการส่ง SMS แจ้งให้ทราบอีกครั้ง และให้ไปติดต่อที่สาขาธนาคารกรุงไทยที่สะดวกที่สุดเพื่อยืนยันตัวตนและการประกอบอาชีพ โดยนำบัตรประชาชนตัวจริง
ไปแสดงพร้อมหลักฐานการประกอบอาชีพได้จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563
☎️ Call Center ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1144
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/685442955621771
"เยียวยา 5,000" ดำเนินการสำเร็จแล้วร้อยละ 99
ความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 ในจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ 15 ล้านคน กระทรวงการคลังโอนเงินเยียวยาให้แล้ว 14 ล้าน 2 แสนคน ส่วนที่เหลือจะโอนให้ครบทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ ถือว่าดำเนินการสำเร็จแล้วร้อยละ 99 ในส่วนที่เหลืออีกเพียงร้อยละ 1 คือส่วนที่ยังตกค้างเกี่ยวกับการขอทบทวนสิทธิ์
การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 21 พฤษภาคม 2563
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม 2563
ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,037 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้นในวันนี้ 3 ราย)
เสียชีวิตรวม 56 ราย (ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 2,897 ราย (95.39%) (เพิ่มขึ้น 9 ราย)
ผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 3 ราย โดย 2 รายมีประวัติเสี่ยงจากไป/ทำงาน หรือในสถานที่ชุมนุมชน โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 1 รายเป็นคนไทยเดินทางกลับจากประเทศฟิลิปปินส์ เข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี (State quarantine)
กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด (1,532 ราย) ตามด้วย ภูเก็ต (225), นนทบุรี (158), ยะลา (125), สมุทรปราการ (115), ชลบุรี (86), ปัตตานี (79), สงขลา (44), เชียงใหม่ (41) และ ปทุมธานี (39) โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระหว่าง state quarantine และในจังหวัดต่างๆ รวม 102 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2796567830468771
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2563
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2563
(หน้า)กากอย่าตก
ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ (21 พ.ค. 63) ไม่ได้เป็นศูนย์อย่างที่หวัง แต่ก็ยังอยู่ในยอดที่พอรับได้ คือกลับขึ้นไปที่ 3 ราย และข่าวดีก็คือ เราไม่มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นเวลา 12 วันแล้ว
โดยผู้ติดเชื้อ 3 รายใหม่นั้น 1 รายมาจากต่างประเทศ (ฟิลิปปินส์) แต่ 2 รายในวันนี้ เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ ซึ่งมี 1 รายที่ติดเชื้อในกทม. หลังจากที่ได้เข้าไปทำกิจกรรมต่างๆในย่านชุมชน รวมถึงการตัดผม
ดังนั้นเคสใหม่ในวันนี้ จึงเป็นเครื่องเตือนใจเราทุกคนว่า เรายังประมาทไม่ได้เด็ดขาด ห้ามคิดว่าโควิดหายไปจากประเทศแล้ว เพราะยังไม่หายไปไหน แต่มีคนจำนวนมากที่ปะปนกันอยู่ในย่านชุมชน และกิจกรรมต่างๆที่เราทำหลังผ่อนปรน ที่ไม่รู้ตัวว่ามีอาการ แต่ติดเชื้อแล้ว และแพร่เชื้อต่อให้คนอื่นได้ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลย
แต่เราป้องกันตัวเองได้ นั่นคือการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และใส่ 100% ตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน อย่าประมาท คิดว่าหายใจลำบาก ขอพักหน้ากาก ให้หน้ากากตกลงมา เปิดจมูก เปิดปาก ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเราได้ เช่นเดียวกับนักรบที่ไม่ถอดชุดเกราะในยามสงคราม หน้ากากอนามัย ก็เป็นเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้กับโควิด
การ์ดไม่ตก และ (หน้า)กาก ก็ต้องไม่ตกด้วยนะคะ เราถึงจะไปต่อกันได้
https://www.facebook.com/ThaiCovidCenter/posts/131145491884702
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.facebook.com/drsuvitpage/posts/1925010047805716
ไขกระบวนการผลิตวัคซีนโควิด-19
คู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
สำหรับประเภทกิจการและกิจกรรม กลุ่มที่ 2
ดาวน์โหลดได้ที่
https://drive.google.com/file/d/1W7jGp1iLtUhePJylek3KQV0HTe2ueWkp/view?fbclid=IwAR0MPqCOkTUUoUr4IhjFBece8-1pBDbtApYEAoTye322OaudBdZj2-fBayM
https://www.facebook.com/ThaiCovidCenter/posts/130828078583110
“คลัง” จ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท สำเร็จแล้ว 99%
http://realnewsthailand.prd.go.th/newsdetail-rnt.php?nid=2788
📣 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยผลการดำเนินการมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 สำเร็จเรียบร้อยแล้วร้อยละ 99
🔴ส่วนที่ยังคงเหลืออีกเพียงร้อยละ 1 คือ การดำเนินการในส่วนที่ยังตกค้างเกี่ยวกับการขอทบทวนสิทธิ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
➡️ มาตรการเยียวยา 5,000 บาท มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 28.8 ล้านราย
➡️ มีการลงทะเบียนซ้ำ 4.8 รายการ
➡️ ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 1.7 ล้านราย
✅✅ ทำให้มีผู้ลงทะเบียนที่เข้าสู่ขั้นตอนการคัดกรองตามหลักเกณฑ์จำนวน 22.3 ล้านราย
➡️ มีผู้ผ่านเกณฑ์ 15 ล้านราย
➡️ ไม่ได้รับสิทธิ 7 ล้านราย
➡️ อยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนสิทธิ 2.4 แสนราย
✅✅ กลุ่มผู้ผ่านเกณฑ์ 15 ล้านราย โอนเงินเยียวยาแล้ว 14.2 ล้านราย
🔴 ส่วนที่เหลือจะโอนเงินเยียวยาได้ครบถ้วนทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ โดยมีรอบการโอนดังนี้
➡️ วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 จำนวน 2.3 แสนราย
➡️ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 จำนวน 4.4 แสนราย
✅✅ ทั้งนี้ บัญชีของผู้รับจะต้องไม่มีปัญหาในเรื่องบัญชีไม่ตรงกับชื่อนามสกุลที่ลงทะเบียน บัญชีถูกปิด หรือไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชน ซึ่งจะเป็นเหตุให้การโอนเงินไม่สำเร็จ
✅✅ สำหรับกลุ่มผู้ผ่านเกณฑ์แล้ว แต่ยังติดขัดเรื่องบัญชีสำหรับรับโอนเงินเยียวยา โปรดดำเนินการผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นช่องทางที่สะดวกที่สุด โดยไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติมอีก กระทรวงการคลังจะมีการตรวจสอบและโอนเงินให้ใหม่เป็นประจำทุกสัปดาห์
🔴 กลุ่มไม่ได้รับสิทธิ 7 ล้านราย จำแนก ดังนี้
➡️ เป็นผู้ไม่ขอทบทวนสิทธิ 4.8 ล้านราย
➡️ ผู้ไม่ผ่านการขอทบทวนสิทธิ 1 ล้านราย
➡️ ผู้ยกเลิกการลงทะเบียนหรือยกเลิกการขอทบทวนสิทธิ 9 แสนราย
➡️ กลุ่มที่ขอข้อมูลการประกอบอาชีพเพิ่มเติม แต่ไม่ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนดประมาณ 3 แสนราย
🔴 กลุ่มที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนสิทธิ 2.4 แสนราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของจำนวนผู้ที่เข้าสู่การคัดกรองตามหลักเกณฑ์ ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1️⃣ กลุ่มที่ 1 ผู้ขอทบทวนสิทธิ 8 หมื่นราย จะได้รับการติดต่อจากทีมผู้พิทักษ์สิทธิเพื่อนัดหมายยืนยันตัวตนและตรวจสอบการประกอบอาชีพตามที่ได้ลงทะเบียนไว้
2️⃣ กลุ่มที่ 2 ประมาณ 1 แสนราย เป็นผู้ขอทบทวนสิทธิซึ่งเคยได้รับการติดต่อจากทีมผู้พิทักษ์สิทธิแล้วแต่ไม่สามารถนัดพบได้หรือที่อยู่จริงในปัจจุบันไม่ตรงกับที่ได้ลงทะเบียนไว้ตอนขอทบทวนสิทธิ ทำให้ผู้พิทักษ์สิทธิไม่สามารถเจอตัวได้
3️⃣ กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ผู้พิทักษ์สิทธิได้พยายามติดต่อไปหาแล้วหลายครั้งแต่ติดต่อไม่ได้จำนวน6 หมื่นราย ผู้ขอทบทวนสิทธิในกลุ่มที่ 2 และ 3 กระทรวงการคลังจะมีการส่ง SMS แจ้งให้ทราบอีกครั้ง และให้ไปติดต่อที่สาขาธนาคารกรุงไทยที่สะดวกที่สุดเพื่อยืนยันตัวตนและการประกอบอาชีพ โดยนำบัตรประชาชนตัวจริง
ไปแสดงพร้อมหลักฐานการประกอบอาชีพได้จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563
☎️ Call Center ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1144
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/685442955621771
"เยียวยา 5,000" ดำเนินการสำเร็จแล้วร้อยละ 99
ความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 ในจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ 15 ล้านคน กระทรวงการคลังโอนเงินเยียวยาให้แล้ว 14 ล้าน 2 แสนคน ส่วนที่เหลือจะโอนให้ครบทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ ถือว่าดำเนินการสำเร็จแล้วร้อยละ 99 ในส่วนที่เหลืออีกเพียงร้อยละ 1 คือส่วนที่ยังตกค้างเกี่ยวกับการขอทบทวนสิทธิ์
แสดงความคิดเห็น
⚃มาลาริน/สถานการณ์แบบนี้ยังมีกังวลก็ต่อพ.ร.ก.ไปอีกค่ะ โควิดวันนี้เพิ่ม 3 ราย น่ากังวลรายกทม.ค่ะ
วันนี้ (21 พ.ค. 2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ก.พ.อ.) ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าจะมีการหารือในประเด็นความเดือดร้อนเร่งด่วน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รวมถึงการรายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
สำหรับช่วงบ่าย เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเปิดโอกาสให้นายมุฮัมมัด ฮุซัยน์ เอ็ม เอ อัลฟัยลากาวี (H.E. Mr. Mohammad Husain Alfailakawi) เอกอัครราชทูตรัฐคูเวตประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นที่น่าสนใจ ในเวลาเวลา 09.30 น. จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อพิจารณาการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่ ตึก สมช. โดยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น เลขาธิการ สมช. จะแถลงผลการประชุม เวลาประมาณ 11.00 น. ที่จะมีการประเมินสถานการณ์หลังผ่อนคลายมาตรการในระยะ 2 ก่อนพิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 ต่อไป
ขณะที่ในเวลา 11.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. จะมีแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และตอบคำถามสื่อมวลชนประจำวัน
https://siamrath.co.th/n/156882
ด่วน!!‘สมช.’ มติต่อพรก.ฉุกเฉิน1เดือน จ่อช่ง‘ครม.’อังคารหน้า
วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 11.07 น.
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สมช. แถลงผลการประชุมเพื่อพิจารณาต่อหรือไม่ต่อพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 พ.ค.63 ว่า
ที่ประชุมมติเห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน สถานการณ์โลกยังน่าเป็นห่วงอยู่ ประเทศไทยแม้จะประสบความสำเร็จแต่การผ่อนคลายแต่ละระยะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการระบาดรอบที่ 2
ทั้งนี้ จะเสนอรายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคติดต่อโคโรน่า 2019 (COVID-19) หรือ ศบค.ในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.63) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคาร ที่ 26 พ.ค.63 ต่อไป
เหตผลที่ต้องต่อไปอีก 1 เดือน เพราะเป็นช่วงที่จะผ่อนคลายระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ในเดือนมิถุนายน จึงต้องมีเครื่องมือในการควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพ
https://www.naewna.com/politic/494121
พบผู้ป่วย‘โควิด’ใหม่ 3 ราย ประวัติเสี่ยงไปรพ.รัฐ-ตัดผม-ห้างสรรพสินค้า
วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 11.25 น.
21 พฤษภาคม 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,037 ราย หายป่วยสะสม 2,897 ราย รักษาหายเพิ่ม 9 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงอยู่ที่ 56 ราย อยู่ระหว่างรักษา 84 ราย
โดยทั้ง 3 รายมีรายละเอียดดังนี้
รายที่ 1 ชายไทย อายุ 72 ปี สัญชาติไทย เป็นโรคเบาหวาน มะเร็งปอด ไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เมื่อ 4 วันที่แล้ว มีประวัติไปตัดผมที่ร้านแถวประชาชื่น ต่อมา วันที่ 18 พฤษภาคม มีอาการ ไข้ ไอมีเสมหะ จึงไปรับการรักษาที่ โรงพยาบาลเอกชน และย้ายมา โรงพยาบาลรัฐที่รักษาตัวอยู่ วันที่ 20 พฤษภาคม
รายที่ 2 ชายอายุ 42 ปี สัญชาติเยอรมัน ไม่มีโรคประจำตัวและไม่มีอาการ มีประวัติไปเยี่ยมญาติที่ จ. ชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.-16พ.ค.63 วันที่ 8 พ.ค. 63 มีญาติ 1 คนมีอาการไข้ คอแห้งแต่ไม่ได้รับการรักษา เดินทางไปห้างสรรพสินค้าในชับภูมิ หลังจากกลับมาได้ไปตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน วันที่ 18 พ.ค. ผลตรวจพบเชื้อเข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใน กทม.
รายที่ 3 เป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และอยู่ใน State Quarantine 1 ราย รายละเอียดพบว่า เป็นหญิงไทยอายุ 25 ปี ไปเรียนภาษาและกลับจากประเทศฟิลิปปินส์ มาวันที่ 13 พ.ค. ก่อนจะตรวจพบเชื้อขณะอยู่ที่ด่านกักกันโรค ในวันที่ 19 พ.ค. แต่ไม่มีอาการที่แสดงถึงอาการป่วยแต่อย่างใด
https://www.naewna.com/local/494117
แบบนี้ยังเฮไม่ออกค่ะ..รายกทม.ยังมีความกังวล แม้จะเป็นเพียงคนเดียว
แบบนี้ยังต้องต่อพ.ร.ก.ไปอีกนะคะ นี่ถ้าเปิดเรียนคงยุ่งพิลึก ร้านตัดผมก็เป็นสถานที่เสี่ยง
ติดตามกันต่อไปค่ะ อดทนไปอีกนะคะ
อย่าประมาทค่ะ ไม่เช่นนั้นจะทุกคนมีโอกาสติดเชื้อ