มีใครเคยทำงานมาหลายปี ยอมทุ่มเทเต็มที่กับงาน แต่กลับไม่ได้เลือนตำแหน่ง โดนมองข้ามไป

อันเนื่องมาจากผมทำงานที่คลังสินค้าสนามบินมา8-9ปีแล้ว ผมก็อยู่มา3-4บริษัท แต่บริษัทที่ผมลาออกมาทำมาได้4ปีแล้ว ก็มีประสบการณ์ทั้งขาดเข้า(Import)และขาออก(Export) ก็พอตัวครับ ผมเป็นแมสเซนเจอร์มานานก็ทำงานแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตัวเองมาตลอดโดยที่ไม่พึ่งพาคนอื่นถ้าไม่จำเป็น เข้าเรื่องกันเลยนะครับ อันเนื่องมาจากงานในคลังสินค้าก็มักจะเอาคนที่มีประสบการณ์วุฒิการศึกษาเป็นเรื่องรองลงมา ด้ววความที่ว่างานของผมนั้นเป็นงานสินค้าขาออก(Export) ผมเป็นตำแหน่งวิ่งส่งเอกสาร เก็บใบชั่งสินค้า มาจัดเอกสารส่งให้แอร์ไลน์บริษัทเอกชน ผมทำแบบนี้มาอย่างด้วยความอดทนและอดกลั้น จนบางครั้งก็แบบร้องไห้คนเดียว บางวันฝนตกปอยๆผมก็ลุยฝนไปรับเอกสารที่ออฟฟิคของบริษัทของผม และยอมตากแดดตากลม ทำงานเอาสังขารแลกกับงาน โดยที่ไม่พึ่งรถสแตนบายเป็นบางครั้ง ยอมบากหน้ากับพนักงานบริษัทเอกชนกะพนักงานoutsourceที่พูดจาไม่ดี คืออดทนมาตลอด มีครั้งนึงพนักงานข้างบนก็คือตำแหน่งคอนโซลคนขาดเพราะบางคนนั่นลาออก เค้ามักจะดึงพนักงานLoadหน้าคลังขึ้นไปทำหรือบางครั้งดึงแมสเซนเจอร์ไปทำด้วย มีอยู่ปีนึงมีคอนโซลลาออกไป คอนโซลคนเก่าก่อนที่เค้าจะลาออกไป เค้าก็สอนงานผมเหมือนว่าเค้าจะให้ผมขึ้นไปทำ แต่สุดท้ายโดนตัดหน้า เพราะพนักงานเด็กLoadรุ่นพี่หน้าคลังไปเสนอตัวบอกกับผู้จัดการ(ขาออก)(ซึ่งปัจจุบันได้เกษีณไปแล้ว เมื่อสิ้นปีธันวาคมที่ผ่านมาผ่านมา) ผมต้องรู้สึกผิดหวังและเสียใจ หน้าชาไป เค้าเอาคนพนักงานLoadรุ่นพี่คนนี้ขึ้นไป ตอนนั้นผมไม่ได้คุยกับเค้ามาพักนึง ต่อมาก็ทำใจได้แล้ว ทุกอย่างก็ปกติ ก็ยอมรับก้มหน้าทำงานตามหน้าที่กันไปเพราะรุ่นพี่เค้าอยู่มานานแล้วแต่ก็เข้าใจกันดี แล้วปีนั่นก็ทำงานกันไปเรื่อยๆปกติ จนกระทั่งผ่านไป1ปี ผมกลับต้องช็อคและเสียใจที่หัวหน้าของผมที่ผมรักมากและเคารพเหมือนพ่อ ต้องลาออกไปช่วงกลางเดือนเมษา และต่อมารุ่นพี่คอนโซลอีก1คนต้องลาออกไปช่วงสิ้นเดือนเมษา เอาแล้วสิพนักงานขาดทางบริษัทประกาศรับคนมาแทน มีคนมาสมัครหลายคน แต่สุดท้ายเอาแค่คนเดียว ผมก็พอมีลุ้นในใจล่ะ แล้วพี่หัวหน้าคอนโซลก็มาถามผมว่า"เออ ได้ยินว่าเอ็ง อยากเป็นคอนโซลเหรอ" ผมก็ตอบ"ใช่พี่ แล้วเค้าได้คนแล้วใช่มั้ย) เค้าก็ตอบว่า"ใช่ แต่ไม่เป็นไรนะ ครั้งหน้ายังมี" สักพักเค้าก็ตบไหล่ เมื่อได้ยินคำตอบแต่ในใจผมร้องไห้แล้วนะ แต่ช่วงนั้นก็ได้ยินมาบ้างแล้วว่าได้คนมาเพิ่มแล้ว ตอนนั้นผมก็สงสัยว่าใครนะ คนบริษัทไหนเนี่ย ด้วยความที่ว่าคลังสินค้าสนามบินบริษัทเอเย่นต์เยอะมาก ก็คนเข้าออกวนเวียนในวงการนี้ สัปดาห์นึงผ่านไปก็เจอแจ๊คพ็อตแอนด์เดอะเซอร์ไพรส์เล่นผมน้ำตาแตกในใจเลยคือเค้าเอาเด็กLoadรุ่นน้องขึ้นมา ซึ่งประสบการณ์ในคลังสินค้านี่น้อยกว่าผมมาก เค้าอยู่มาได้แค่1ปีเอง แต่กลับเอาขึ้นไปเหนือผม แต่มีคนเล่าให้ฟังว่าโฟร์แมนหน้าคลังซึ่งเป็นพี่ชายของเค้าไปบอกผู้จัดการ(ขาออก)ว่าให้ดันน้องชายของเค้าไปทำคอนโซล ซึ่งวินาทีที่ผมเห็นหน้าเค้าขึ้นมาทำคอนโซล รู้สึกเสียใจ ท้อ อ่อนแรง วันทั้งวันผมไม่มีแรงอยากจะทำงานเลย คำพูดในใจที่ผมนึกขึ้นมาและพร้อมความรู้สึกเสียใจนั่นคือคำว่า ลาออกมาตลอดทั้งวัน แต่พอช่วงพักเที่ยงพนักงานบนออฟฟิคก็ลงไปทานข้าวกันมาก เหลือพนักงานแค่10กว่าคนรวมทั้งขาเข้า-ขาออก ผมก็เดินดิ่งไปหาฝ่ายHR ขอใบลาออก แต่พี่เค้าบอกว่าต้องขอใบจากน้า(ผู้จัดการขาออก)ให้ก่อน ผมถึงจะมารับใบลาออกกับพี่เค้าได้ เพราะผู้จัดการ(ขาออก)ไม่อยู่ไปพักเที่ยง โอเควินาทีนั่น ก็ไม่เป็นไร รอช่วงเย็นแล้วกัน พอถึงช่วงเย็นเลิกงาน ผมก็ไปรับใบลาออกจากฝ่ายHR มาเขียนที่บ้านเพราะตอนนั้นไม่ทันส่งแล้ว กลับมาถึงบ้านกับใบลาออกแผ่นกระดาษ1แผ่น ผมร้องไห้น้ำตานองหน้าเหมือนเด็กน้อยทรมานใจเหมือนโดนทารุณ ร้องไห้พร้อมกับมองใบลาออก นึกในใจ ทำไมถึงต้องโดนกระทำแบบนี้ ไม่มีใครผลักดันผมเลย ทำงานทุ่มเททุกๆอย่างเต็มที่ ยอมเอาสังขารแลกกับงาน ยอมตากแดดตากฝนลุยงานอย่างไม่คิดชีวิต ยอมแก้ไขปัญหาของงานด้วยวิธีของด้วยเองมาตลอด มิหนำซ้ำยังต้องมาเจอพนักงานCSคีย์ตั๋วขาออกพวกผู้หญิงที่คอยเขม้นผม ทั้งๆที่ผมก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เค้าเลย เช้าต่อมาผมก็ยื่นใบลาออกไว้ที่โต๊ะฝ่ายHRหลังจากนั้นพนักงานหน้าคลังต่างก็พากันรู้เรื่องที่ผมลาออก ต่างก็พากันถามผม ผมก็ได้แต่บอกว่าได้งานใหม่ จนมาถึงช่วงตอนเย็นเลิกงานผู้จัดการขาออกเรียกผมคุย ถามว่าจะลาออกทำไม ผมก็ได้แต่บอกว่า ได้งานใหม่ครับนั่นนี่ แล้วเค้าก็ถามผมอีกว่า เงินเดือนที่ได้มันน้อยใช่มั้ย ผมก็ได้ตอบว่า เงินเดือนไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แค่ผมได้งานใหม่ก็แค่นั่นเองครับ สักพักผมก็รีบปลีกตัวเดินหนีกลับไปสแกนนิ้วกลับบ้าน คือบริษัทผมต้องลาออกล่วงหน้า15วัน เหลืออีก15วันที่ผมต้องทนอยู่และต้องทนหดหู่ มีแต่คนยื้อรั้งอยากให้ผมอยู่ต่อทำต่อแม้กระทั่งคอนโซลในทีมเดียวกันกับผมก็รั้งก็ยื้อผมเช่นกัน และอีกอย่างจะมีคนถามบางคนเท่านั้นที่ผมถึงจะบอกว่าเหตุผลที่แท้จริงๆลาออกเพราะอะไร แล้ว3-4วันต่อมาผู้จัดการขาออกก็โทรหาผมในขนาดที่ผมอยู่ในคลังสินค้ากำลังทำงานอยู่ ก็โทรมาถามผมว่า เออได้ยินว่าอยากทำคอนโซลเหรอ ยังรับอีกคนนะ ผมก็ตอบกลับไปว่า อ่อน้า ผมไม่หวังตำแหน่งคอนโซลแล้วครับน้า ไม่เป็นไรครับน้า แล้วเค้าก็ถามว่า จะลาออกจริงๆเหรอเนี่ย ผมก็ตอบว่า ลาออกจริงครับน้า ก็เพราะได้งานใหม่ครับ หลังจากนั้นก็จบสนทนากันไป ต่อมาเมื่อประมาณ2-3ทุ่ม ตอนหลังจากเลิกงานตอนเย็นแล้ว มีพี่คอนโซลคนเดิมที่เคยคุยกันถามไถ่เรื่องรับคนเพิ่ม(ปัจจุบันเป็นผู้จัดการขาออก) เค้าได้โทรไลน์มาหาผม แต่ผมตัดสายแล้วพิมพ์ในไลน์บอกพี่เค้าว่า ให้พิมพ์ในไลน์ดีกว่าไม่สะดวกคุย แล้วพี่เค้าถามว่า ลาออกทำไมเหรอ น้อยใจอะไรหรือเปล่า ผมก็ตอบกลับบอกว่า เปล่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น แล้วเค้าถามอีกว่า แล้วลาออกเพราะอะไรเหรอ ไม่อยากให้ลาออกเลย อยากให้อยู่ต่อ ผมก็ตอบว่า เพราะได้งานใหม่ก็แค่นั้นเอง 
ในใจตอนนั้นผมไม่ไว้ใจพี่เค้าและผู้จัดการขาออก แม้กระทั่งคนในบริษัท เพราะในที่นั่นมันไม่น่าไว้ใจ เพราะมันเหมือนเป็นคำถามเชิงหลอกถามเพื่อให้ผมบอกความจริงให้หมด ถ้าผมบอกความจริงทั้งหมด เค้าก็จะรู้ความจริงที่แท้จริงและจะหลอกให้ผมอยู่ต่อและจะหลอกให้ความหวังกับผม จนสุดท้ายเค้าก็เชือดผมให้ตายทีหลัง อย่างที่เคยๆโดนมา โดยการเอารุ่นน้องที่ประสบการณ์การน้อยมาข้ามหัวผม ผมไม่ยอมอยู่ให้เป็นของเล่นให้พวกเค้าหลอกใช้ผมหรอก หลังจากนั้นผมก็ลาออกไปทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนึง แต่ก็ทำไม่นานแค่2-3เดือนก็ลาออก หลังจากนั้นจนกระทั่งผมตกงานมา2-3เดือนอยู่ที่บ้านเพื่อนมาตลอด ชีวิตตอนนั้นผมดิ่งลงมากๆ ด้วยความที่ไม่มีงานทำ ก็เลยตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด ทำงานรับจ้างรายได้อาจจะไม่เยอะแบบครั้งก่อนก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นทำงานเต็มที่และทุ่มเทแต่ไปทำผิดที่ ทำไปแล้วไม่ได้ดีเลย 
มีใครเคยประสบการณ์แบบผมบ้างไหมครับ ขอความคิดเห็นและกำลังใจหน่อยนะครับ.
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่