ทริปฮอกไกโดหน้าร้อน 3 วันที่ผ่านมา หวังว่าจะมีประโยชน์และพอจะเป็นไกด์ไลน์สำหรับใครที่อยากลองไปเที่ยวฮอกไกโดในฤดูร้อนแบบเรานะคะ
สามารถรับชมรีวิวย้อนหลังได้ที่นี่เลยจ้าาาาาา
<Day 1> https://ppantip.com/topic/39887675
<Day 2> https://ppantip.com/topic/39894187
<Day 3: Part 1> https://ppantip.com/topic/39903217
<Day 3: Part 2> https://ppantip.com/topic/39905918

วันนี้ก็เข้าสู่ทริปวันที่ 4 ของเราในฮอกไกโดแล้ว เราจะไปเที่ยวกันที่ Hakodate พร้อมแล้วไปชมกันเล้ยยยย

---- Day 4: วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2562 ----

...บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอนถ้ามองจากตรงนี้ เดี๋ยวก็มืดแล้วก็สว่าง...  เมื่อมีวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส วันต่อไปอาจมีเมฆฝนก็เป็นได้ และมันก็คือวันที่เรามาเยือน "ฮาโกดาเตะ" วันนี้นั่นเอง

เช้านี้ที่ซัปโปโรอากาศแจ่มใส ไม่มีใครรู้เลยว่าอีก 4 ชั่วโมงข้างหน้า ฝนจะกระหน่ำจนทำให้แพลนเราล่ม !!!

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะใช้ "Hokkaido Rail Pass" ซึ่งเราได้ทำการจองที่นั่งสำหรับไป Hakodate ไว้ตั้งแต่วันแรกที่ซื้อพาสค่ะ

จากซัปโปโร เราจะนั่งรถไฟ LTD. EXPRESS HOKUTO 4 ไปลง Hakodate


และแน่นอนว่า ถ้าได้นั่งรถไฟยาวๆ หลายชั่วโมงแบบนี้ (นอกจากการนอนหลับแล้ว) การรับประทาน Ekiben หรือข้าวกล่อง เป็นกิจกรรมที่เราชื่นชอบมาก มันได้ feel แบบคนญี่ปุ่นดี กล่องนี้ราคา 850 เยน

ด้านในดูดีมากๆ ชอบเม็ดบ๊วยที่อยู่ตรงกลางข้าว กินกับข้าวญี่ปุ่นแล้วสุโก้ย

จัดการข้าวกล่องเสร็จแล้ว ก็ชมวิว ถ่ายรูปเพลินๆ แล้วก็งีบกันยาวๆ

10.38 น. ก็มาถึงสถานี Hakodate ตรงเวลา

นี่คือหน้าตาของเจ้ารถไฟ LTD. EXPRESS HOKUTO 4 ที่พาเรามาที่นี่ค่ะ ทันทีที่ก้าวลงจากรถไฟ แต้มบุญของเราได้หมดลง ฝนเจ้ากรรมก็กระหน่ำแบบไม่ปรานี 4 ชั่วโมงที่ดั้นด้นมา เราตั้งใจจะไปขึ้นกระเช้าเพื่อชมวิวบนภูเขาฮาโกดาเตะ แต่ด้วยสภาพอากาศแบบนี้ คิดว่าขึ้นไปตอนนี้คงไม่ได้เห็นวิวอะไรแน่ๆ นอกจากหมอกและสายฝน จำใจต้องเปลี่ยนแผนกันหน้างานค่ะ

เราจึงตัดสินใจไปที่ "หอคอยโกเรียวคาคุ" (Goryokaku Tower) กันก่อน จากสถานี JR Hakodate เราจะเดินไปขึ้นรถรางกันที่ป้าย Hakodate Ekimae เพื่อไปลงที่ป้าย Goryokaku-Koen-Mae จากนั้นเดินต่อไปยัง Goryokaku Tower อีก 700 เมตรค่ะ


หน้าตาของรถราง Hakodate Tramway No.2 for YUNOKAWA ค่ะ

รถรางที่นี่จ่ายได้ทั้ง IC Card / เงินสด / หรือจะใช้เป็น One day pass ก็ได้ค่ะ ขึ้นมาแล้วให้กดตั๋วจากตู้กดที่อยู่ข้างประตูทางขึ้น และชำระเงินตอนลงค่ะ

ถึงแล้ว "หอคอยโกเรียวคาคุ" (Goryokaku Tower) มีความสูง 90 เมตร (ไม่รวมสายล่อฟ้า) มีจุดเด่นตรงอาคารด้านบนที่เป็นรูปห้าเหลี่ยม ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองฮาโกดาเตะแบบ 360 องศา และเป็นจุดชม “ป้อมดาวห้าแฉก” อีกด้วย

เข้ามาแล้วจะเจอกับส่วนจำหน่ายขนม ของฝาก ของที่ระลึก ให้เดินทะลุเข้าไปด้านในจะมีเคานท์เตอร์จำหน่ายตั๋วเพื่อขึ้นชมบนหอคอยค่ะ ราคาผู้ใหญ่ 900 เยน เด็กมัธยม 680 เยน และเด็กประถม 450 เยน (ถ้ามาเป็นกลุ่มก็จะถูกลงไปอีกค่ะ) ส่วนเด็กอายุไม่ถึง 5 ปี เข้าชมฟรี

พนักงานจะถามเราว่ามาจากประเทศอะไร เพื่อเป็นการเก็บข้อมูล แล้วเค้าจะแจกโบรชัวร์เป็นภาษานั้นๆ ให้เราค่ะ

พร้อมแล้วลุยยยยยย

ขึ้นลิฟท์ไปยังจุดชมวิวกันค่ะ (พอดีขาขึ้นเราลืมถ่ายภาพด้านในลิฟท์ ขอเอาภาพตอนขาลงมาลงแทนนะคะ) แต่ทั้ง 2 รอบจะมีการฉายภาพบนผนังลิฟท์แบบนี้เหมือนกันค่ะ

ขึ้นมาแล้ว จะเห็นวิว "ป้อมดาวห้าแฉก"

"ป้อมโกเรียวคาคุ (Fort Goryokaku)" สร้างขึ้นเมื่อ 100 กว่าปีก่อน เพื่อป้องกันเมืองจากการรุกรานของมหาอำนาจตะวันตก ปัจจุบันได้กลายเป็นสวนสาธารณะ และเป็นจุดที่คนญี่ปุ่นนิยมมาชมซากุระกัน

 
เดินมาอีกฝั่งจะเป็นจุดชมวิวเมือง Hakodate ได้แบบเต็มตา



มีพื้นกระจกใสชมวิวด้านล่างด้วย

อีกอย่างที่ห้ามพลาดเมื่อมาที่นี่ นั่นคือการชิม "ซอฟท์ครีมนมฮอกไกโด" ราคา 330 เยน อร่อยมากๆ


หลังจากที่กดชัตเตอร์กันรัวๆ ได้เวลาไปจุดหมายต่อไปแล้ว ระหว่างเดินไปป้ายรถราง เจอฝาท่อนี้พอดี ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย

เดินกลับป้ายรถราง Goryokaku-Koen-Mae ไปลงที่ป้าย Jujigai แล้วเดินต่อไปยัง "Hachiman-Zaka Slope"


จากป้าย Jujigai เดินอีก 800 เมตร ไปยัง Hachiman-Zaka Slope ชมวิวเพลินๆ ระหว่างทาง ไม่นานก็ถึง



ถึงแล้ว "เนินฮาจิมัง" (Hachiman-Zaka Slope) เป็นอีกไฮไลท์สำคัญที่ต้องไม่พลาดเมื่อมาเยือนฮาโกดาเตะ จุดนี้เป็นเนินยาวๆ มองเห็นไปถึงท่าจอดเรือในทะเล


มองไปบนยอดเขา ยังคงมีหมอกปกคลุม และตอนนี้ฝนก็เริ่มตกอีกครั้ง เราต้องตัดใจกับการขึ้นกระเช้าไปชมวิวบนภูเขาฮาโกดาเตะแล้วจริงๆ 

ไปหาอะไรอร่อยๆ กินปลอบใจกันดีกว่า จากเนินฮาจิมัง เดินไป 400 เมตร

จะเจอกับร้าน "Lucky Pierrot - Bay Area" (ลัคกี้พีเอโร่) เป็นร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังของเมืองฮาโกดาเตะ หน้าร้านสีสันสดใสสะดุดตา ร้านนี้มีหลายสาขาทั่วฮาโกดาเตะเลยค่ะ

เข้ามาแล้วจะเจอกับเคานท์เตอร์สั่งอาหาร

ติดๆ กันจะเป็นตู้กดน้ำดื่มเย็นๆ ฟรี และเป็นที่สำหรับเก็บถาดอาหารหลังรับประทานเสร็จ

เมนูมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย ทั้งคาวและหวาน


เลือกเมนู และชำระเงินเรียบร้อย จะได้กระดาษหมายเลขคิว จากนั้นรออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะค่ะ

ระหว่างรอก็ไปกดน้ำดื่มเย็นๆ ชื่นใจ และกดซอสมาเตรียมไว้เลย

เมนูที่สั่งมาแล้ววววว

ท๊าดาาาาาา

เริ่มกันที่ชิ้นแรก "Chinese Chicken Burger" ราคา 350 เยน เป็นเมนู "ยอดนิยมอันดับ 1" ของทางร้าน มาแบบชิ้นใหญ่มาก ผักก็อัดแน่นจนทะลัก เนื้อไก่ก็ชิ้นใหญ่ กรอบนอกนุ่มใน ตัวซอสเป็นซอสไตล์จีนเปรี้ยวๆ หวานๆ

ชิ้นต่อมาเป็น "Lucky Cheese Burger" ราคา 390 เยน เป็นเมนูยอดฮิตอันดับ 4 เนื้อชิ้นใหญ่มากกกกก ชีสก็เต็มปากเต็มคำ ที่ชอบที่สุดคือซอสเยิ้มๆ ที่ใส่มาอารมณ์คล้ายๆ ซอสบาร์บีคิวเข้มข้น รวมๆ แล้วลงตัวมาก เราชอบชิ้นนี้มากกว่าชิ้นแรกซะอีก ส่วนเฟรนช์ฟรายส์ (Size L ราคา 270 เยน) ทอดมาสีเหลืองทอง กรอบนอกนุ่มใน เค็มนิดๆ จิ้มกับซอสมะเขือเทศหรือจะกินเพียวๆ ก็สุโก้ยยยยยยยยยย ถ้ามาฮาโกดาเตะครั้งหน้า รับรองว่าจะต้องมาโดนอีกแน่นอน

จุดหมายต่อไป เราตั้งใจจะไปเดินเล่นกันที่ "Kanemori Red Brick Warehouse" หรือโกดังอิฐสีแดงที่ตั้งอยู่ริมอ่าว Hakodate

ก่อนจะไปถ่ายรูปด้านหน้าโกดัง ขอเดินอ้อมไปชมวิวอ่าวด้านหลังซะหน่อย ระหว่างที่ชมวิวเพลินๆ ฝนก็กระหน่ำลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว ให้มันได้อย่างนี้เซ่ !!! วันนี้มันวันอะไรของช้านนนนน

เราเลยตัดสินใจกลับไปสถานี Hakodate เพื่อขึ้นรถไฟกลับซัปโปโร พอมาถึงสถานีฝนก็หยุดตก ท้องฟ้าแจ่มใสทันที ให้มันได้ยังงี้ ><"

เราจะขึ้นรถไฟ LTD. EXPRESS HOKUTO 17 กลับไปยังซัปโปโร และต่อรถไฟใต้ดินไปลง Susukino เพื่อกลับที่พักและหาราเมงทานแถวนั้นค่ะ วันนี้หมดแรงกับการเดินทางแล้ว...บ๊ายบาย "ฮาโกดาเตะ" แล้วเราจะกลับมาเยือนอีกครั้ง หวังว่าครั้งหน้าเราจะได้ไปเยือนภูเขาฮาโกดาเตะ โกดังอิฐแดง และหุบเขานรกที่ Noboribetsu นะ



  
--- รับชมทริปฮอกไกโดหน้าร้อน ก.ค. <Day 5> เที่ยว 1 วันในซัปโปโร...ได้ที่นี่ค่ะ >>> https://ppantip.com/topic/39925606 ---