ผมได้รับมอบหมายให้ชี้แจงและตอบข้อคำถามแก่สมาชิก จะขออนุญาตโพส แต่เนื่องจากเรื่องยาว จึงขอแบ่งเป็นหลายๆตอน ท่านที่มีข้อสงสัย ต้องการสอบถามหรือขอข้อมูล ผมจะพยายามหามาให้นะครับ
1 เริ่มมีข่าวเกี่ยวสหกรณ์จำนวนหนึ่งที่ถือหุ้นกู้การบินไทย รวมถึงสอรพ ตร. ซึ่งมีหุ้นกู้ 700+ล้าน เป็นอันดับที่13
จริงๆแล้วข้อมูลเพจดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนพอสมควรทั้งสาระและตัวเลข แต่ขอไม่เขียนถึงเพราะจะยาวเกินไป
เราลงทุนในหุ้นกู้การบินไทยมาหลายปีพอควร ครั้งแรกน่าจะเกือบ10 ปีแล้ว ด้วยเหตุว่า การบินไทยเป็น1 ในรัฐวิสาหกิจ ซึ่งงกฏหมายอนุญาตให้สหกรณ์ลงทุนได้ ในขณะที่หุ้นกู้เอกชนอื่น ลงทุนได้จากประกาศกระทรวง เพราะกฏหมายมองว่ารัฐวิสาหกิจมีความมั่นคงเพราะเป็นกิจการรัฐ ไม่สามารถปล่อยให้ล้มละลายโดยผิดนัดชำระหนี้ได้ ซึ่งจะส่งความเสียหายต่อภาพลักษณ์รัฐบาล ตัวอย่างรัฐวิสาหกิจที่ผลประกอบการไม่ดี เช่นขสมก รฟท. เป็นต้น รัฐก็ช่วยเหลือแม้กระทั่งค้ำประกันเงินกู้ คณะกรรมการในอดีตจึงลงทุนในหุ้นกู้การบินไทย โดยมีการซื้อสะสมหลายครั้ง ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดปัญหา ได้รับดอกเบี้ยและเงินต้นมาตลอด
เรามีแนวคิดอย่างนึงว่า สินทรัพย์ที่เราไปลงทุน จะไม่เกินทุนสำรอง เข่นหุ้นกู้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง หรือเงินให้สหกรณ์ที่ใดที่หนึ่ง เพราะหากคิดแบบเลวร้ายที่สุดเกิดสูญเงิน ความเสียหายจะถูกรับไว้ด้วยทุนสำรองซึ่งเป็นเงินกองกลาง ไม่ใช่เงินหุ้นหรือเงินฝากซึ่งเป็นของสมาชิก
2. ทันทีที่มีข่าวเรารู้แล้วว่าจะมีเรื่องของความตื่นตระหนกและการถอนเงิน ขึ้นกับว่าความชัดเจนของการบินไทยจะเป็นอย่างไร ยิ่งเร็วเรื่องก็จบเร็ว
ขอพูดเรื่องการบินไทยก่อน บทสรุปจริงๆมี 3 ทาง
1เลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นกู้จะต้องไปขอเฉลี่ยทรัพย์ ซึ่งคงได้น้อยมาก หรือไม่ได้เลย อันนี้คือแย่สุด แต่อย่างที่เรียนตอนต้นคือลงทุนไม่เกินทุนสำรอง ดังนั้นผู้ฝากผู้กู้ไม่เดือดร้อน
2 เข้ากระบวนการล้มละลาย ล้มละลายไม่ใช่เจ๊ง แต่เป็นกระบวนการที่เขาเอาบริษัทผู้ถือหุ้นเจ้าหนี้มาคุยกัน ว่าขอปรับแก้อะไรได้ไหมเพราะถ้าไม่ปรับมันจะไม่รอดกลายเป็นข้อ1คือเลิกกิจการ สิ่งที่ต้องไปคุยกัน เช่น เจ้าหนี้ลดดอกเบี้ยได้ไหม ผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนได้ไหม บริษัทลดคนลดเงินเดือน ปรับแผนได้ไหม วิธีนี้ เจ้าหนี้กระทบบ้าง แต่ไม่มาก เช่นอาจไม่ได้ดอกเบี้ยซัก 2 ปี แต่เงินต้นได้คืนครบ สมมุติไม่ได้ดอกเบี้ย 2 ปี ก็รายได้ลดปีละ20ล้นซึ่งไม่กระทบปันผลเลยด้วยซ้ำ( ปีที่แล้วเรากำไรประมาณ 260 ล้านจ่ายปันผล 100 ล้าน)
แบบ3 คือรัฐอุ้ม ค้ำเงินกู้ เพิ่มทุน อันนี้ไม่เดือดร้อนเจ้าหนี้เลย
ดูแล้วอะไรก็ไม่ได้แย่ สิ่งที่แย่ที่สุดคือความไม่แน่นอน ว่าจะเอายังไง ซึ่งเรากลัวสุด
ตอนที่ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหนนี่ยากสุด เราก็ต้องเตรียมรับความตระหนก สหกรณ์มีสินทรัพย์สภาพคล่อง เงินสด เงินpn การลงทุนที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้มากพอควร ที่เปลี่ยนไม่ได้เลยน่าจะมีอย่างเดียวคือเงินให้สมาชิกกู้ เพราะเราคงไม่เรียกเงินกู้สมาชิกคืน
สินทรัพย์อื่นเปลี่ยนเป็นเงินมารับการถอนได้หมดทั้ง18000ล้านบาท โดยทฤษฎีจึงไม่น่ามีอะไรต้องกังวล แต่ในทางปฏิบัติ การเปลี่ยนเป็นเงินสดของสินทรัพย์บางอย่างใช้เวลา ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ
ทันทีที่มีข่าว เราประเมินว่า เรามีเงินให้ถอนได้เรื่อยๆ แต่เงินก้อนใหญ่ที่จะมาก็คือประมาณสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ถ้าไม่ตื่นตระหนกมาก ถึงตอนนั้นก็สบายขึ้นแล้ว หรือถ้าแนวทางการบินไทยชัดเจน ก็น่าจะดีขึ้น
เราประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ทุกวัน และพบว่ามีประเด็นปัญหาสำคัญ 2อย่างที่ทำให้เราต้องมีมาตรการที่ไม่เคยใช้มาก่อน และคงต้องมาอธิบายในที่นี้
3. การปิดระบบเงินatm แต่เดิมเรามีเงินฝากATMคือสมาชิกไปถอนได้ที่ตู้ ระบบคือสหกรณ์จะใส่เงินไว้ในบัญชีธนาคาร พอสมาชิกกดเงินก็จะตัดบัญชีไปเรื่อยๆ
ปัญหาคือ นอกเวลาทำการหรือเสาร์อาทิตย์ เมื่อมีคนถอนมากขึ้นหากเงินหมด ก็จะกดเงินไม่ได้ จะทำให้สมาชิกตื่นตระหนกและเป็นเวลากลางคืนไม่มีใครอธิบายตอบคำถาม ซึ่งเราเจอเหตุการณ์ดังกล่าว และคิดว่า คงต้องปิดระบบแล้วมาใช้บริการที่เคาน์เตอร์สหกรณ์แทน
4.มาตรการจำกัดการถอน แม้ว่าเราจะเตรียมเงินพอสมควร แต่เราไม่สามารถคาดเดาปริมาณการถอนได้ หากเกิดมีการถอนมากขึ้น และเงินที่เตรียมไว้หมดก่อนปลายเดือนซึ่งสินทรัพย์ก้อนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นเงินสดหลักพันล้าน
เรากลัวว่าถ้าเงินหมดแล้วหากมีสมาชิกต้องการใช้เงิน ก็จะเดือดร้อน จึงออกมาตรการว่า เราจ่ายให้คนละ3 แสนทุกวันจนครบยอดถอน เพื่อที่จะมีเงินพอจนถึงสิ้นเดือนและคนที่จำเป็นต้องถอนจริงๆ ไม่ใช่เพราะตื่นตระหนก จะไม่ต้องเสียหายจากการนี้
ท่านที่มาถอนในสัปดาห์ที่แล้วจะทราบว่า เจ้าหน้าที่จะถามว่ามีเรื่องเร่งด่วนไหม ถ้ามี และมีหลักฐานเราก็ยืนดีที่จะให้ถอน เราตรวจหลักฐานอย่างละเอียดและประเมินว่าถ้าเขาไม่ได้เงินก้อนนี้เขาจะเดือดร้อนจริงๆ ซึ่งมีไม่กี่ราย
การตื่นตระหนกถอนเงินเป็นเรื่องปกติ เรามีหน้าที่ที่ต้องหาเงินมาให้สมาชิกถอน แต่ถ้ามีความเดือดร้อนจำเป็นจริงๆ เราก็คงไม่สามารถดูดายได้
5.ในภาพข่าวจะเห็นว่ามีคนมาถอนมากพอควร แต่ในข้อเท็จจริงคือ มีสมาชิกหลายรายที่ฟังคำชี้แจงก็เปลี่ยนใจ บางรายตั้งใจมาถอน ฟังเสร็จไปโอนเงินมาฝากสหกรณ์อีกเป็นหลักล้านบาทซึ่งเราก็ไม่คิดว่าจะมีน้ำใจในช่วงนี้ (น้องเจ้าหน้าที่น้ำตาซึมเลย)
คณะกรรมการเข้าใจดีถึงความตื่นตระหนกและสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หลายๆคน ทั้งในและนอกรพ.ยังให้กำลังใจสหกรณ์อย่างล้นหลาม สิ่งที่กรรมการจะทำให้คนที่ยังมั่นคงและไม่หวั่นไหวคือการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประเภทATMและออมทรัพย์พิเศษ เป็น3.75% โดยมีผลวันจันทร์นี้
เราไม่ได้หวังว่าเอาดอกเบี้ยมาล่อคนที่ถอนไปแล้ว แต่กับคนที่เชื่อมั่นกับเราในวันที่ฝนตก เราก็มีให้ได้เท่านี้ครับ (เดี๋ยวรอประกาศจากประธานจะเอามาแปะครับ)
6 พูดมาเยอะมาก คือเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นี้จะแจ้งว่า เราจะทำอะไรต่อไป
จริงๆแล้วช่วงเวลาที่สำคัญที่พยายามบอกคือต้นเดือน เพราะว่า เราได้เรียกคืนเงินกู้จากสหกรณ์ต่างๆ กว่า60 สหกรณ์ที่กู้ยืมเรา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดี ค่าดว่าเงินจะกลับมาในล้อตแรก 1-2 พันล้านบาท และตามมาเรื่อยๆ จนครบ 7 พันล้านบาท(จริงๆเราขึ้นดอกเบี้ยด้วยเพื่อเร่งการตัดสินใจ)
เรายังมีตราสารหนี้อีกในportประมาณ1000ล้านบาทที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ (วันศุกร์มีสมาชิกหลายท่านก็สนใจซื้อ เพราะrating Aขึ้นไปทั้งนั้น)
ในส่วนของสมาชิกในรพ. ทุกคนที่ทราบข่าวก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ เราเลยเปิดโครงการซื้อหุ้นคนละ7แสนบาท (ปกติเราไม่ได้เปิดโครงการบ่อยนัก)
พอประเมินตัวเลขอละแนวโน้มแล้ว ก็เลยไปปรับมาตรการ ที่เราทำไว้ดังต่อไปนี้ (ต่อ)
7. เรื่องการถอนเงิน
เรานับจำนวน การคาดการณ์เรื่องเงินเข้าเงินออกแล้ว ขออนุญาตเป็นดังนี้นะครับ
ผู้ที่ถอนสัปดาห์หน้า (25พค....)จะได้เงินวันละ5 แสนจนครบยอด
ผู้ที่ถอนวันที่ 1 มิถุนายน จะได้ยอดเต็มจำนวนตามปกติ (เดี๋ยวเอาประกาศมาแปะครับ) ขออนุญาตให้ทนนิดนึงนะครับ อย่างที่บอกว่าเราอยากมีเงินพอจนถึงต้นเดือนให้คนที่เดือดร้อน
8. เงินฝากATM เราจะเริ่มกลับมาใช้ระบบอีกครั้งต้นเดือนมิถุนายนครับ ก็เหมือนเดิมทุกอย่าง
ต้องขอโทษจริงๆครับคือเงินฝากATMเนี่ย ทำให้สหกรณ์สะดวกมาก ไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ พอปิดระบบเลยวุ่นวายไปหมด เลยขอเพิ่มดอกเบี้ยเป็น3.75% เพื่อเป็นคำขอโทษครับ
มีเพื่อนสมาชิกถามว่าขึ้นดอกเบี้ยช่วงนี้ดีเหรอ
1 คนที่อยู่ ไม่ถอนบางคนเขาให้กำลังใจว่าพี่เชื่อ ยังไงก็ไม่ถอน คือถ้าสหกรณ์ไม่ตอบแทนอะไรให้นี่ ผมจะรู้สึกผิดมาก
2 ผลกำไรเรา ปีนีผ่านไป7เดือน ได้ 170 ล้าน น่าจะพอตามเป้าแล้ว คิดว่าตอบแทนผู้ฝากบ้างก็ดีครับ
9. ตกไปข้อนึง มีสมาชิกผู้ฝากเงินบางส่วนที่อยู่กับเราเพราะฝากประจำ ถอนไม่ได้อยู่แล้ว เราเลยจัดโครงการเงินฝาก ดอกเบี้ย4.5%ระยะเวลา6 เดือนให้ รายละเอียด คนที่ฝากเงินอยู่เดี๋ยวรอประกาศครับ
โพสต์สุดท้าย (แต่ยังตอบคำถามอยู่นะครับ และจะเข้ามาทุกวัน)
ผมขอโทษจริงๆที่เกิดความขลุกขลัก และลำบากให้สมาชิกทุกท่าน พวกเราระลึกเสมอว่าเงินของสมาชิกๆ ต้องได้รับความมั่นคงและสะดวกสบาย มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และ สิ่งที่เราเตรียมไว้เพื่อรับมือ มันยังไม่ดีพอจึงทำให้เกิดความยุ่งยาก สมาชิกที่ถอนเงินหรือลาออก เราไม่เคยโกรธหรือน้อยใจเลย แค่รู้สึกว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ส่วนทานที่ยังอยู่ เราก็คงดูแลกันไป
ถ้าจะบอกว่าอีก2 อาทิตย์ไม่มีอะไรแล้ว คงไม่ใช่ มันยังคงอาจจะขลุกขลักอยู่บ้าง แต่เดือนหน้าเมื่อไหร่ เราพร้อมที่จะให้บริการเต็มที่เหมือนที่ทำมาตลอด17ปีครับ
สรุปรวมสิ่งที่เกิดขึ้นที่สหกรณ์โรงพยาบาลตำรวจ
1 เริ่มมีข่าวเกี่ยวสหกรณ์จำนวนหนึ่งที่ถือหุ้นกู้การบินไทย รวมถึงสอรพ ตร. ซึ่งมีหุ้นกู้ 700+ล้าน เป็นอันดับที่13
จริงๆแล้วข้อมูลเพจดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนพอสมควรทั้งสาระและตัวเลข แต่ขอไม่เขียนถึงเพราะจะยาวเกินไป
เราลงทุนในหุ้นกู้การบินไทยมาหลายปีพอควร ครั้งแรกน่าจะเกือบ10 ปีแล้ว ด้วยเหตุว่า การบินไทยเป็น1 ในรัฐวิสาหกิจ ซึ่งงกฏหมายอนุญาตให้สหกรณ์ลงทุนได้ ในขณะที่หุ้นกู้เอกชนอื่น ลงทุนได้จากประกาศกระทรวง เพราะกฏหมายมองว่ารัฐวิสาหกิจมีความมั่นคงเพราะเป็นกิจการรัฐ ไม่สามารถปล่อยให้ล้มละลายโดยผิดนัดชำระหนี้ได้ ซึ่งจะส่งความเสียหายต่อภาพลักษณ์รัฐบาล ตัวอย่างรัฐวิสาหกิจที่ผลประกอบการไม่ดี เช่นขสมก รฟท. เป็นต้น รัฐก็ช่วยเหลือแม้กระทั่งค้ำประกันเงินกู้ คณะกรรมการในอดีตจึงลงทุนในหุ้นกู้การบินไทย โดยมีการซื้อสะสมหลายครั้ง ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดปัญหา ได้รับดอกเบี้ยและเงินต้นมาตลอด
เรามีแนวคิดอย่างนึงว่า สินทรัพย์ที่เราไปลงทุน จะไม่เกินทุนสำรอง เข่นหุ้นกู้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง หรือเงินให้สหกรณ์ที่ใดที่หนึ่ง เพราะหากคิดแบบเลวร้ายที่สุดเกิดสูญเงิน ความเสียหายจะถูกรับไว้ด้วยทุนสำรองซึ่งเป็นเงินกองกลาง ไม่ใช่เงินหุ้นหรือเงินฝากซึ่งเป็นของสมาชิก
2. ทันทีที่มีข่าวเรารู้แล้วว่าจะมีเรื่องของความตื่นตระหนกและการถอนเงิน ขึ้นกับว่าความชัดเจนของการบินไทยจะเป็นอย่างไร ยิ่งเร็วเรื่องก็จบเร็ว
ขอพูดเรื่องการบินไทยก่อน บทสรุปจริงๆมี 3 ทาง
1เลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นกู้จะต้องไปขอเฉลี่ยทรัพย์ ซึ่งคงได้น้อยมาก หรือไม่ได้เลย อันนี้คือแย่สุด แต่อย่างที่เรียนตอนต้นคือลงทุนไม่เกินทุนสำรอง ดังนั้นผู้ฝากผู้กู้ไม่เดือดร้อน
2 เข้ากระบวนการล้มละลาย ล้มละลายไม่ใช่เจ๊ง แต่เป็นกระบวนการที่เขาเอาบริษัทผู้ถือหุ้นเจ้าหนี้มาคุยกัน ว่าขอปรับแก้อะไรได้ไหมเพราะถ้าไม่ปรับมันจะไม่รอดกลายเป็นข้อ1คือเลิกกิจการ สิ่งที่ต้องไปคุยกัน เช่น เจ้าหนี้ลดดอกเบี้ยได้ไหม ผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนได้ไหม บริษัทลดคนลดเงินเดือน ปรับแผนได้ไหม วิธีนี้ เจ้าหนี้กระทบบ้าง แต่ไม่มาก เช่นอาจไม่ได้ดอกเบี้ยซัก 2 ปี แต่เงินต้นได้คืนครบ สมมุติไม่ได้ดอกเบี้ย 2 ปี ก็รายได้ลดปีละ20ล้นซึ่งไม่กระทบปันผลเลยด้วยซ้ำ( ปีที่แล้วเรากำไรประมาณ 260 ล้านจ่ายปันผล 100 ล้าน)
แบบ3 คือรัฐอุ้ม ค้ำเงินกู้ เพิ่มทุน อันนี้ไม่เดือดร้อนเจ้าหนี้เลย
ดูแล้วอะไรก็ไม่ได้แย่ สิ่งที่แย่ที่สุดคือความไม่แน่นอน ว่าจะเอายังไง ซึ่งเรากลัวสุด
ตอนที่ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหนนี่ยากสุด เราก็ต้องเตรียมรับความตระหนก สหกรณ์มีสินทรัพย์สภาพคล่อง เงินสด เงินpn การลงทุนที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้มากพอควร ที่เปลี่ยนไม่ได้เลยน่าจะมีอย่างเดียวคือเงินให้สมาชิกกู้ เพราะเราคงไม่เรียกเงินกู้สมาชิกคืน
สินทรัพย์อื่นเปลี่ยนเป็นเงินมารับการถอนได้หมดทั้ง18000ล้านบาท โดยทฤษฎีจึงไม่น่ามีอะไรต้องกังวล แต่ในทางปฏิบัติ การเปลี่ยนเป็นเงินสดของสินทรัพย์บางอย่างใช้เวลา ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ
ทันทีที่มีข่าว เราประเมินว่า เรามีเงินให้ถอนได้เรื่อยๆ แต่เงินก้อนใหญ่ที่จะมาก็คือประมาณสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ถ้าไม่ตื่นตระหนกมาก ถึงตอนนั้นก็สบายขึ้นแล้ว หรือถ้าแนวทางการบินไทยชัดเจน ก็น่าจะดีขึ้น
เราประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ทุกวัน และพบว่ามีประเด็นปัญหาสำคัญ 2อย่างที่ทำให้เราต้องมีมาตรการที่ไม่เคยใช้มาก่อน และคงต้องมาอธิบายในที่นี้
3. การปิดระบบเงินatm แต่เดิมเรามีเงินฝากATMคือสมาชิกไปถอนได้ที่ตู้ ระบบคือสหกรณ์จะใส่เงินไว้ในบัญชีธนาคาร พอสมาชิกกดเงินก็จะตัดบัญชีไปเรื่อยๆ
ปัญหาคือ นอกเวลาทำการหรือเสาร์อาทิตย์ เมื่อมีคนถอนมากขึ้นหากเงินหมด ก็จะกดเงินไม่ได้ จะทำให้สมาชิกตื่นตระหนกและเป็นเวลากลางคืนไม่มีใครอธิบายตอบคำถาม ซึ่งเราเจอเหตุการณ์ดังกล่าว และคิดว่า คงต้องปิดระบบแล้วมาใช้บริการที่เคาน์เตอร์สหกรณ์แทน
4.มาตรการจำกัดการถอน แม้ว่าเราจะเตรียมเงินพอสมควร แต่เราไม่สามารถคาดเดาปริมาณการถอนได้ หากเกิดมีการถอนมากขึ้น และเงินที่เตรียมไว้หมดก่อนปลายเดือนซึ่งสินทรัพย์ก้อนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นเงินสดหลักพันล้าน
เรากลัวว่าถ้าเงินหมดแล้วหากมีสมาชิกต้องการใช้เงิน ก็จะเดือดร้อน จึงออกมาตรการว่า เราจ่ายให้คนละ3 แสนทุกวันจนครบยอดถอน เพื่อที่จะมีเงินพอจนถึงสิ้นเดือนและคนที่จำเป็นต้องถอนจริงๆ ไม่ใช่เพราะตื่นตระหนก จะไม่ต้องเสียหายจากการนี้
ท่านที่มาถอนในสัปดาห์ที่แล้วจะทราบว่า เจ้าหน้าที่จะถามว่ามีเรื่องเร่งด่วนไหม ถ้ามี และมีหลักฐานเราก็ยืนดีที่จะให้ถอน เราตรวจหลักฐานอย่างละเอียดและประเมินว่าถ้าเขาไม่ได้เงินก้อนนี้เขาจะเดือดร้อนจริงๆ ซึ่งมีไม่กี่ราย
การตื่นตระหนกถอนเงินเป็นเรื่องปกติ เรามีหน้าที่ที่ต้องหาเงินมาให้สมาชิกถอน แต่ถ้ามีความเดือดร้อนจำเป็นจริงๆ เราก็คงไม่สามารถดูดายได้
5.ในภาพข่าวจะเห็นว่ามีคนมาถอนมากพอควร แต่ในข้อเท็จจริงคือ มีสมาชิกหลายรายที่ฟังคำชี้แจงก็เปลี่ยนใจ บางรายตั้งใจมาถอน ฟังเสร็จไปโอนเงินมาฝากสหกรณ์อีกเป็นหลักล้านบาทซึ่งเราก็ไม่คิดว่าจะมีน้ำใจในช่วงนี้ (น้องเจ้าหน้าที่น้ำตาซึมเลย)
คณะกรรมการเข้าใจดีถึงความตื่นตระหนกและสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หลายๆคน ทั้งในและนอกรพ.ยังให้กำลังใจสหกรณ์อย่างล้นหลาม สิ่งที่กรรมการจะทำให้คนที่ยังมั่นคงและไม่หวั่นไหวคือการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประเภทATMและออมทรัพย์พิเศษ เป็น3.75% โดยมีผลวันจันทร์นี้
เราไม่ได้หวังว่าเอาดอกเบี้ยมาล่อคนที่ถอนไปแล้ว แต่กับคนที่เชื่อมั่นกับเราในวันที่ฝนตก เราก็มีให้ได้เท่านี้ครับ (เดี๋ยวรอประกาศจากประธานจะเอามาแปะครับ)
6 พูดมาเยอะมาก คือเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นี้จะแจ้งว่า เราจะทำอะไรต่อไป
จริงๆแล้วช่วงเวลาที่สำคัญที่พยายามบอกคือต้นเดือน เพราะว่า เราได้เรียกคืนเงินกู้จากสหกรณ์ต่างๆ กว่า60 สหกรณ์ที่กู้ยืมเรา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดี ค่าดว่าเงินจะกลับมาในล้อตแรก 1-2 พันล้านบาท และตามมาเรื่อยๆ จนครบ 7 พันล้านบาท(จริงๆเราขึ้นดอกเบี้ยด้วยเพื่อเร่งการตัดสินใจ)
เรายังมีตราสารหนี้อีกในportประมาณ1000ล้านบาทที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ (วันศุกร์มีสมาชิกหลายท่านก็สนใจซื้อ เพราะrating Aขึ้นไปทั้งนั้น)
ในส่วนของสมาชิกในรพ. ทุกคนที่ทราบข่าวก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ เราเลยเปิดโครงการซื้อหุ้นคนละ7แสนบาท (ปกติเราไม่ได้เปิดโครงการบ่อยนัก)
พอประเมินตัวเลขอละแนวโน้มแล้ว ก็เลยไปปรับมาตรการ ที่เราทำไว้ดังต่อไปนี้ (ต่อ)
7. เรื่องการถอนเงิน
เรานับจำนวน การคาดการณ์เรื่องเงินเข้าเงินออกแล้ว ขออนุญาตเป็นดังนี้นะครับ
ผู้ที่ถอนสัปดาห์หน้า (25พค....)จะได้เงินวันละ5 แสนจนครบยอด
ผู้ที่ถอนวันที่ 1 มิถุนายน จะได้ยอดเต็มจำนวนตามปกติ (เดี๋ยวเอาประกาศมาแปะครับ) ขออนุญาตให้ทนนิดนึงนะครับ อย่างที่บอกว่าเราอยากมีเงินพอจนถึงต้นเดือนให้คนที่เดือดร้อน
8. เงินฝากATM เราจะเริ่มกลับมาใช้ระบบอีกครั้งต้นเดือนมิถุนายนครับ ก็เหมือนเดิมทุกอย่าง
ต้องขอโทษจริงๆครับคือเงินฝากATMเนี่ย ทำให้สหกรณ์สะดวกมาก ไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ พอปิดระบบเลยวุ่นวายไปหมด เลยขอเพิ่มดอกเบี้ยเป็น3.75% เพื่อเป็นคำขอโทษครับ
มีเพื่อนสมาชิกถามว่าขึ้นดอกเบี้ยช่วงนี้ดีเหรอ
1 คนที่อยู่ ไม่ถอนบางคนเขาให้กำลังใจว่าพี่เชื่อ ยังไงก็ไม่ถอน คือถ้าสหกรณ์ไม่ตอบแทนอะไรให้นี่ ผมจะรู้สึกผิดมาก
2 ผลกำไรเรา ปีนีผ่านไป7เดือน ได้ 170 ล้าน น่าจะพอตามเป้าแล้ว คิดว่าตอบแทนผู้ฝากบ้างก็ดีครับ
9. ตกไปข้อนึง มีสมาชิกผู้ฝากเงินบางส่วนที่อยู่กับเราเพราะฝากประจำ ถอนไม่ได้อยู่แล้ว เราเลยจัดโครงการเงินฝาก ดอกเบี้ย4.5%ระยะเวลา6 เดือนให้ รายละเอียด คนที่ฝากเงินอยู่เดี๋ยวรอประกาศครับ
โพสต์สุดท้าย (แต่ยังตอบคำถามอยู่นะครับ และจะเข้ามาทุกวัน)
ผมขอโทษจริงๆที่เกิดความขลุกขลัก และลำบากให้สมาชิกทุกท่าน พวกเราระลึกเสมอว่าเงินของสมาชิกๆ ต้องได้รับความมั่นคงและสะดวกสบาย มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และ สิ่งที่เราเตรียมไว้เพื่อรับมือ มันยังไม่ดีพอจึงทำให้เกิดความยุ่งยาก สมาชิกที่ถอนเงินหรือลาออก เราไม่เคยโกรธหรือน้อยใจเลย แค่รู้สึกว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ส่วนทานที่ยังอยู่ เราก็คงดูแลกันไป
ถ้าจะบอกว่าอีก2 อาทิตย์ไม่มีอะไรแล้ว คงไม่ใช่ มันยังคงอาจจะขลุกขลักอยู่บ้าง แต่เดือนหน้าเมื่อไหร่ เราพร้อมที่จะให้บริการเต็มที่เหมือนที่ทำมาตลอด17ปีครับ