ความเดิม ==>
ตอนที่แล้ว
หลังจากเกิดเหตุลอบยิงเถ้าแก่เส็งในร้านคาราโอเกะ ชายร่วมวงสูงวัยทั้งสี่ มีข้อสรุปว่าจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
ในระหว่างที่รถของเถ้าแก่ฮวด วิ่งออกมาจากร้านคาราโอเกะได้ซักพัก ก็ติดอยู่บนถนนพระราม 3 ซึ่งมีการจราจรที่คับคั่ง โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์ เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ แบบนี้ เถ้าแก่ฮวดจึงเริ่มชวนเถ้าแก่เส็งคุย
เถ้าแก่ฮวด "แผลลื้อเป็งไงบ้างเส็ง ยังเจ็บอยู่มั้ย"
เถ้าแก่เส็งเอามือ ลูบที่แผล คิดซักพัก ก่อนจะตอบว่า "มังรู้สึกแสบๆ แน่งๆ จุกๆ บอกไม่ถูกเหมืองกัง ไม่เคยโดงมาก่อง"
เถ้าแก่ฮวด หัวเราะหึๆ ในลำคอ เพราะขำในคำตอบของเพื่อน "มังก็แน่สิวะ ลื้อเพิ่งถูกยิงครั้งแรก แถมยิงไม่เข้าอีก แต่อั๊วสงสัยนะว่า ลื้อไปเรียงวิชามาจากเหล่าซือที่ไหนหรือเปล่า ถึงได้หนังเหนียวขนากลุกปึงยังยิงลื้อไม่เข้า"
เถ้าแก่เส็งหันไปตอบเพื่อน "อั๊วมี แต่หลวงพ่อเณงคามนี่แหละ จะเคยไปเรียงวิชาจากเหล่าซือที่หนายล่ะ ลื้อก็รู้ว่ากิกจะกางของอั๊วไม่ได้เฮงเหมืองลื้อ แถมช่วงนี้มีภาระต้องส่งลูกเรียงมหาลัยอีกตั้งสองคง ทำงางยุ่งท้างวัง เงิงก็แทบจะหมุงไม่ทังอยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหน ไปเรียงวิชาพวกนี้ อั๊วยังคิกอยู่ว่าจะโทรไปหาเซียงป๋อง ติกต่อให้เช่าหลวงพ่อเณงคามซักเหรียง อั๊วเก็บไว้เหรียงเดียวก็พอแล้ว"
ในที่สุด ก็เข้าประเด็นที่เถ้าแก่ฮวดรอคอย เถ้าแก่ฮวดจึงยื่นข้อเสนอกับเถ้าแก่เส็งแบบตรงไปตรงมา ตามประสาไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
"ลื้อไม่ต้องติกต่อเซียนป๋องหรอกเส็ง"
"อั๊วรู้ว่าช่วงที่ลื้อหลบไปอยู่ที่อึ่ง มังต้องใช้เงิง"
"อั๊วขอเช่าหลวงพ่อเณงคาม 1 เหรียง ที่ล้างห้า"
"ถ้าลื้อตกลง อั๊วเซ็งเช็คให้ลื้อทังทีที่จอกรกหน้าบ้างลื้อ"
"แต่อั๊วขอเหรียงที่ห้อยคอลื้อเหรียงนี้นะ"
เถ้าแก่เส็ง ก้มหน้าลงพร้อมกับประคองเหรียญพระขึ้นมาดู ด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ พร้อมกับถอนหายใจหลายครั้ง โดยไม่พูดอะไร จนในที่สุด เถ้าแก่เส็งก็ เอ่ยปาก "ได้เลยฮวด อั๊วตกลง ถ้าเราไม่ใช่เพื่องกังจริงๆ อั๊วคงไม่ยอมปล่อยที่ราคานี้นะ"
ระหว่างที่ขับรถไปยังถนนเจริญกรุงนั้น เถ้าแก่ฮวดรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องตลอดทาง เพราะเถ้าแก่ฮวดจะได้ครอบครองเหรียญพระหลวงพ่อเณรคาม ที่เค้าเพิ่งจะประจักษ์มากับตา ในเรื่องพุทธคุณด้านคงกระพันชาตรี
ทันที่ที่รถจอดหน้าบ้านเถ้าแก่เส็ง เถ้าแก่ฮวดจึงหยิบเช็คตรงที่เก็บของข้างประตูขึ้นมา เพื่อจะเขียนสั่งจ่ายให้กับเถ้าแก่เส็ง เมื่อเขียนเช็คเรียบร้อยเถ้าแก่ฮวดก็ฉีก และยื่นให้กับเถ้าแก่เส็งทันที พร้อมกับพูดว่า "ลื้อลองตรวกดูชื่อว่า ตรงกับชื่อบังชีลื้อหรือเปล่า อั๊วจะได้ขีก ให้เป็งแอ๊กเก๊าเปยี่ (เถ้าแก่ฮวด หมายถึง Account payee only โดยเช็คจะต้องจ่ายเงินเข้าบัญชี ตามชื่อที่ระบุบนเช็คเท่านั้น ไม่สามารถขึ้นเงินสดได้)"
เมื่อเถ้าแก่เส็งตรวจสอบชื่อและวันที่จ่ายเช็คเรียบร้อย จึงพยักหน้ายืนยันความถูกต้อง พร้อมกับยื่นเช็คกลับให้เถ้าแก่ฮวด เพื่อขีดคร่อม A/C Payee only และเมื่อได้รับเช็คเรียบร้อย เถ้าแก่เส็งจึงถอดพระที่คล้องคอ รวบยกขึ้นพนมมือ แสดงการสักการะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะยื่นให้เถ้าแก่ฮวด
เถ้าแก่เส็งไว้ใจในมิตรภาพของเถ้าแก่ฮวด ชายผู้ร่ำรวยเจ้าของกิจการใหญ่โต และเชื่อมั่นว่าเช็คจะไม่เดังแน่ ๆ จึงพับเช็คใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วเปิดประตูลงจากรถ และกล่าวลาเพื่อนด้วยความอาลัย เพราะไม่รู้ว่า อีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมาเจอกันอีก
หลังจากนั้น เถ้าแก่เส็งได้ย้ายกลับไปตั้งหลักแหล่งที่ต่างจังหวัด และไม่เคยส่งข่าวให้เพื่อนทั้งสามได้รับรู้เลย และเพื่อนทั้งสามคน ต่างก็เข้าใจว่า เถ้าแก่เส็งคงจะกังวลใจเรื่องความปลอดภัย จึงไม่ต้องการให้ใครรู้ที่อยู่
และแล้ว ข่าวคราวเรื่องชายสูงวัยถูกยิงในร้านคาราโอเกะ ก็เงียบหายไปกับสายลม
หลังจากเกิดเหตุประมาณ 5 เดือน
มีข่าวครึกโครมเกี่ยวกับหลวงพ่อเณรคามผู้ปลุกเสกเหรียญพระ ที่เถ้าแก่ฮวดเช่าบูชาในราคาหนึ่งล้านห้าแสนบาท ในเนื้อข่าวระบุว่า เณรคามจะต้องสึก และขาดจากการเป็นพระ เนื่องจากมีพฤติกรรมล่อลวงให้ผู้อื่นหลงผิด โดยหวังในลาภที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวาย และหลวงพ่อเณรคามได้สะสมทรัพย์สินจนมีมูลค่ารวมมากกว่า 1 พันล้านบาท และนำไปซื้อสิ่งของต่างๆ ผิดจากวิสัยของผู้ครองเพศบรรพชิต
เถ้าแก่ฮวดเมื่อรู้ข่าวนี้ ถึงกับความดันขึ้น และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
หลังจากรักษาตัวจนอาการดีขึ้น และได้กลับมาอยู่บ้าน ก็มีแต่พร่ำบ่น คร่ำครวญเสียดายเงิน 1.5 ล้าน ที่ตนจ่ายเพื่อเช่าเหรียญพระหลวงพ่อเณรคาม
โชคดีที่ภรรยาสุดที่รักของเถ้าแก่ฮวด คอยปลอบใจเถ้าแก่ฮวดอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่วันนี้
เถ้าแก่ฮวด คร่ำครวญขึ้น "อั๊วไม่น่าไปเช่าพระหลวงพ่อเณงคามเลย อั๊วเสียลายเงิงจิงๆ" ภรรยาของเถ้าแก่เส็งจึงปลอบว่า "ไม่เห็นไรหรอกเฮีย สิ่งที่เราตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไง เฮียก็ต้องยอมรับมันให้ได้นะ" เถ้าแก่ฮวด หันมามองภรรยาด้วยสีหน้าที่ยังหม่นหมอง "อั๊วขอบใจลื้อมาก อาเจงนี่ อั๊วเลือกเมียไม่ผิกจริงๆ" เป็นอีกวันหนึ่งที่เถ้าแก่ฮวดจิตใจสงบลงได้ ด้วยคำปลอบจากเสียงอันแสนหวานจากเจนนี่ อดีตนางเอกลิเกผู้โด่งดัง
ย้อนเหตุการณ์มายังวันก่อนเกิดเหตุ "ลอบยิงเถ้าแก่เส็ง" หนึ่งสัปดาห์
เถ้าแก่เส็งนั่งคุยกับปื๊ดซึ่งเป็นคนงานในร้านคนหนึ่ง ปื๊ดเป็นวัยรุ่นหนุ่มอายุ 25 ปี รูปร่างสันทัดสูงประมาณ 165 เซ็นติเมตร ไม่อ้วนไม่ผอม มีกล้ามเนื้อพอประมาณ เนื่องจากการทำงานหนักต่างๆ ในร้านของเถ้าแก่เส็ง สิ่งที่เถ้าแก่เส็งคุยกับปื๊ดในวันนี้ เถ้าแก่เส็งกำชับปื๊ดไว้ว่า เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จะต้องไม่บอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด แม้แต่แม่ของปื๊ดเอง
ปื๊ดทำงานในร้านของเถ้าแก่เส็งมา 3 ปี เป็นคนหนุ่มที่จริงจังกับชีวิต และมีบุคลิกที่ค่อนข้างเงียบขรึม ปื๊ดเป็นคนหัวดี แต่เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี จึงต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่ม. 2 เพื่อหางานทำจุนเจือแม่ที่ป่วยออดๆ แอดๆ และเมื่อได้งานกับเถ้าแก่เส็ง แม้เถ้าแก่เส็งจะมี กิจการที่ไม่ใหญ่โตมาก แต่เถ้าแก่เส็งเลี้ยงลูกน้องเป็นอย่างดี โดยให้สวัสดิการในรูปของเงิน และที่พักที่ดีกว่าเถ้าแก่รายอื่นในย่านเดียวกัน ปื๊ดจึงตอบแทนเถ้าแก่เส็ง โดยการทำงานอย่างซื่อสัตย์ตลอดเวลาที่ทำงานกับเถ้าแก่เส็งมา
เถ้าแก่เส็ง เกริ่น "ปื๊ด ลื้อทำงางกับอั๊วมานางแล้วนะ อั๊วกำลังจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัก ลื้อสงใจจะไปกับอั๊วมั้ย มีที่พักและสวักดิกางเหมืองเดิม ลื้อจะพาแม่ลื้อไปพักล่วยก็ล่าย อั๊วอนุญาก" ปื๊ดถาม "เถ้าแก่จะไปจังหวัดไหนครับ" เถ้าแก่เส็ง "อั๊วจะย้ายไปเปิกกิกจะกางที่นะคองพะนม บ้างเกิกอั๊ว" ปื๊ดตอบ "งั้นผมไปด้วยนะครับเถ้าแก่" เถ้าแก่เส็ง เข้าประเด็นทันที "ถ้าลื้ออยากจะไปล่วย ลื้อจาต้องช่วยอั๊วทำงางหนึ่ง เป็งงางที่ค่องข้างเสี่ยง แต่อั๊วมั่งใจว่า ลื้อจะทำล่าย" ปื๊ดถาม "เถ้าแก่จะให้ผมทำอะไรครับ" เถ้าแก่เส็งตอบ "อั๊วจะให้ลื้อเป็งมือปึง" ปื๊ดเบิกตากว้าง "ฮ้า อะไรนะเถ้าแก่จะให้ผมเป็นมือปืน ไม่ดีมั้งครับ ผมไม่กล้าฆ่าคน ผมยังมีแม่ต้องดูแลนะครับเถ้าแก่" เถ้าแก่เส็งยิ้มและพยายามโน้มน้าวปื๊ด "ฟังก่อง อย่าเพิ่งเอกไป อั๊วจะให้ลื้อแกล้งเป็งมือปึง แล้วใช้กระสุงปลอมมายิงอั๊ว"
หลังจากนั้น เถ้าแก่เส็งจึงเริ่มบรรยายแผนการร้ายให้ปื๊ดฟัง เริ่มจากเถ้าแก่เส็ง ได้นำปืนเถื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ ปืนกระบอกนี้มีคนนำมาจำนำกับเถ้าแก่เส็ง แล้วปล่อยหลุดจำนำ และเถ้าแก่เส็งมารู้ภายหลังว่า เป็นปืนเถื่อนที่ทำเอกสารปลอม จึงต้องการนำไปทิ้ง แต่ก็เสียดาย จึงคิดแผนร้ายขึ้น เพื่อล่อเหยื่อมากินเบ็ด โดยจะทำการจัดฉากว่าถูกยิง แต่ปืนยิงตนไม่เข้า และเถ้าแก่เส็งจะมี พระห้อยคอที่ต้องการปล่อยให้เช่า
กระสุนทุกนัดที่บรรจุอยู่ในปืนเถื่อน จะเป็นกระสุน blank (เป็นลูกปืนที่นำหัวกระสุนโลหะออก ทำให้เวลายิงจะมีเสียงเหมือนลูกปืนจริง แต่จะไม่ทำอันตรายต่อเป้าหมาย) และหลายวันก่อน เถ้าแก่เส็งได้เดินทางไปที่สวนที่แกซื้อไว้ที่ต่างจังหวัดตามลำพัง สวนแห่งนี้อยู่ค่อนข้างจะห่างจากชุมชน ซึ่งเถ้าแก่เส็งตั้งใจไว้ว่าจะมาปลูกบ้านอยู่ที่นี่ เมื่อทำงานไม่ไหวแล้ว
ณ สวนแห่งนี้ เถ้าแก่เส็งได้ยิงปืน 1 นัด โดยเล็งไปยังเหล็กหนาแผ่นหนึ่ง เพราะเถ้าแก่เส็งต้องการเก็บหัวกระสุนที่บุบกลับไปใช้ในแผนการร้าย
เมื่อถึงวันเกิดเหตุ ปื๊ดต้องปลอมตัวโดยติดหนวดเคราเพื่ออำพรางใบหน้า และสวมเสื้อแจ๊คเก็ตดำ เพื่อไม่ให้ใครสามารถจำรูปพรรณของปื๊ดได้ ในระหว่างที่เถ้าแก่เส็งนั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อน ทุกอากัปกิริยาของเถ้าแก่เส็ง ล้วนอยู่ในสายตาของปื๊ดโดยตลอด และสัญญาณของการเริ่มแผนการ ก็คือ เถ้าแก่เส็งจะขอตัวเพื่อนๆ ไปเข้าห้องน้ำ และเถ้าแก่เส็งจะหันไปมองที่ปื๊ดเพื่อเป็นการย้ำว่า แผนการกำลังจะเริ่มขึ้น การเข้าห้องน้ำของเถ้าแก่เส็ง มีจุดประสงค์ เพื่อจะได้ไปสร้างรอยแดงบนหน้าอก โดยใช้ไม้ตะเกียบหักครึ่งที่แกเตรียมไว้ในกระเป๋า นำมาคีบเงินเหรียญ 1 บาท แล้วใช้ไฟแช็คลนเหรียญจนเหรียญร้อน แล้วก็นำเหรียญนั้นมาทาบบนหน้าอกในตำแหน่ง ที่เหมือนกับถูกลูกปืนปะทะ
ยิ่งไปกว่านั้น เถ้าแก่เส็งได้จุดบุหรี่ขึ้นสูบให้แดง เถ้าแก่เส็งกัดฟันแน่น แล้วนำบุหรี่มาจี้กับหน้าอกของตนเองในตำแหน่งตรงกลางรอยเหรียญบาท โดยให้เกิดรอยไหม้จากบุหรี่บนเสื้อเชิ้ตของแกด้วย โดยอาศัยบรรยากาศสลัวภายในร้าน เถ้าแก่เส็งจึงมั่นใจว่า จะไม่มีใครทันสังเกตเห็นรอยดังกล่าวบนเสื้อของแก เพราะเมื่อเถ้าแก่เส็งกลับมานั่งที่โต๊ะได้เพียงหนึ่งอึดใจ ปื๊ดก็เดินมาลั่นกระสุน blank ราวกับมือปืนอาชีพ และเถ้าแก่เส็งก็สวมบทดาราตุ๊กตาทอง แสดงบทบาท เหมือนถูกยิงไม่มีผิด จนสามารถตบตาเพื่อนร่วมโต๊ะได้อย่างแนบเนียน ส่วนลูกปืนที่หล่นอยู่บนพื้น ก็คือ ลูกปืนที่เถ้าแก่เส็งเก็บมาจากสวน และเตรียมไว้ ในมือซ้ายตั้งแต่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว
ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น หลังวันเกิดเหตุ
เถ้าแก่เส็งได้นำเช็คไปขึ้นเงินและโอนเงินให้กับปื๊ดเป็นค่าตอบแทนทันที 1 แสนบาท เมื่อทำธุระเรื่องการเงินเรียบร้อยแล้ว ช่วงสายของวันเดียวกัน เถ้าแก่เส็งและครอบครัวจึงออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครพนม บ้านเกิดของเถ้าแก่เส็ง เพื่อเริ่มต้นกิจการอีกครั้งโดยอาศัยทุนที่ได้รับจากเถ้าแก่ฮวด
-----จบบริบูรณ์-----
หลวงพ่อเณรคาม (ตอนจบ #2/2)
หลังจากเกิดเหตุลอบยิงเถ้าแก่เส็งในร้านคาราโอเกะ ชายร่วมวงสูงวัยทั้งสี่ มีข้อสรุปว่าจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
ในระหว่างที่รถของเถ้าแก่ฮวด วิ่งออกมาจากร้านคาราโอเกะได้ซักพัก ก็ติดอยู่บนถนนพระราม 3 ซึ่งมีการจราจรที่คับคั่ง โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์ เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ แบบนี้ เถ้าแก่ฮวดจึงเริ่มชวนเถ้าแก่เส็งคุย
เถ้าแก่ฮวด "แผลลื้อเป็งไงบ้างเส็ง ยังเจ็บอยู่มั้ย"
เถ้าแก่เส็งเอามือ ลูบที่แผล คิดซักพัก ก่อนจะตอบว่า "มังรู้สึกแสบๆ แน่งๆ จุกๆ บอกไม่ถูกเหมืองกัง ไม่เคยโดงมาก่อง"
เถ้าแก่ฮวด หัวเราะหึๆ ในลำคอ เพราะขำในคำตอบของเพื่อน "มังก็แน่สิวะ ลื้อเพิ่งถูกยิงครั้งแรก แถมยิงไม่เข้าอีก แต่อั๊วสงสัยนะว่า ลื้อไปเรียงวิชามาจากเหล่าซือที่ไหนหรือเปล่า ถึงได้หนังเหนียวขนากลุกปึงยังยิงลื้อไม่เข้า"
เถ้าแก่เส็งหันไปตอบเพื่อน "อั๊วมี แต่หลวงพ่อเณงคามนี่แหละ จะเคยไปเรียงวิชาจากเหล่าซือที่หนายล่ะ ลื้อก็รู้ว่ากิกจะกางของอั๊วไม่ได้เฮงเหมืองลื้อ แถมช่วงนี้มีภาระต้องส่งลูกเรียงมหาลัยอีกตั้งสองคง ทำงางยุ่งท้างวัง เงิงก็แทบจะหมุงไม่ทังอยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหน ไปเรียงวิชาพวกนี้ อั๊วยังคิกอยู่ว่าจะโทรไปหาเซียงป๋อง ติกต่อให้เช่าหลวงพ่อเณงคามซักเหรียง อั๊วเก็บไว้เหรียงเดียวก็พอแล้ว"
ในที่สุด ก็เข้าประเด็นที่เถ้าแก่ฮวดรอคอย เถ้าแก่ฮวดจึงยื่นข้อเสนอกับเถ้าแก่เส็งแบบตรงไปตรงมา ตามประสาไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
ระหว่างที่ขับรถไปยังถนนเจริญกรุงนั้น เถ้าแก่ฮวดรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องตลอดทาง เพราะเถ้าแก่ฮวดจะได้ครอบครองเหรียญพระหลวงพ่อเณรคาม ที่เค้าเพิ่งจะประจักษ์มากับตา ในเรื่องพุทธคุณด้านคงกระพันชาตรี
ทันที่ที่รถจอดหน้าบ้านเถ้าแก่เส็ง เถ้าแก่ฮวดจึงหยิบเช็คตรงที่เก็บของข้างประตูขึ้นมา เพื่อจะเขียนสั่งจ่ายให้กับเถ้าแก่เส็ง เมื่อเขียนเช็คเรียบร้อยเถ้าแก่ฮวดก็ฉีก และยื่นให้กับเถ้าแก่เส็งทันที พร้อมกับพูดว่า "ลื้อลองตรวกดูชื่อว่า ตรงกับชื่อบังชีลื้อหรือเปล่า อั๊วจะได้ขีก ให้เป็งแอ๊กเก๊าเปยี่ (เถ้าแก่ฮวด หมายถึง Account payee only โดยเช็คจะต้องจ่ายเงินเข้าบัญชี ตามชื่อที่ระบุบนเช็คเท่านั้น ไม่สามารถขึ้นเงินสดได้)"
เมื่อเถ้าแก่เส็งตรวจสอบชื่อและวันที่จ่ายเช็คเรียบร้อย จึงพยักหน้ายืนยันความถูกต้อง พร้อมกับยื่นเช็คกลับให้เถ้าแก่ฮวด เพื่อขีดคร่อม A/C Payee only และเมื่อได้รับเช็คเรียบร้อย เถ้าแก่เส็งจึงถอดพระที่คล้องคอ รวบยกขึ้นพนมมือ แสดงการสักการะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะยื่นให้เถ้าแก่ฮวด
เถ้าแก่เส็งไว้ใจในมิตรภาพของเถ้าแก่ฮวด ชายผู้ร่ำรวยเจ้าของกิจการใหญ่โต และเชื่อมั่นว่าเช็คจะไม่เดังแน่ ๆ จึงพับเช็คใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วเปิดประตูลงจากรถ และกล่าวลาเพื่อนด้วยความอาลัย เพราะไม่รู้ว่า อีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมาเจอกันอีก
หลังจากนั้น เถ้าแก่เส็งได้ย้ายกลับไปตั้งหลักแหล่งที่ต่างจังหวัด และไม่เคยส่งข่าวให้เพื่อนทั้งสามได้รับรู้เลย และเพื่อนทั้งสามคน ต่างก็เข้าใจว่า เถ้าแก่เส็งคงจะกังวลใจเรื่องความปลอดภัย จึงไม่ต้องการให้ใครรู้ที่อยู่
และแล้ว ข่าวคราวเรื่องชายสูงวัยถูกยิงในร้านคาราโอเกะ ก็เงียบหายไปกับสายลม
หลังจากเกิดเหตุประมาณ 5 เดือน
มีข่าวครึกโครมเกี่ยวกับหลวงพ่อเณรคามผู้ปลุกเสกเหรียญพระ ที่เถ้าแก่ฮวดเช่าบูชาในราคาหนึ่งล้านห้าแสนบาท ในเนื้อข่าวระบุว่า เณรคามจะต้องสึก และขาดจากการเป็นพระ เนื่องจากมีพฤติกรรมล่อลวงให้ผู้อื่นหลงผิด โดยหวังในลาภที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวาย และหลวงพ่อเณรคามได้สะสมทรัพย์สินจนมีมูลค่ารวมมากกว่า 1 พันล้านบาท และนำไปซื้อสิ่งของต่างๆ ผิดจากวิสัยของผู้ครองเพศบรรพชิต
เถ้าแก่ฮวดเมื่อรู้ข่าวนี้ ถึงกับความดันขึ้น และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
หลังจากรักษาตัวจนอาการดีขึ้น และได้กลับมาอยู่บ้าน ก็มีแต่พร่ำบ่น คร่ำครวญเสียดายเงิน 1.5 ล้าน ที่ตนจ่ายเพื่อเช่าเหรียญพระหลวงพ่อเณรคาม
โชคดีที่ภรรยาสุดที่รักของเถ้าแก่ฮวด คอยปลอบใจเถ้าแก่ฮวดอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่วันนี้
เถ้าแก่ฮวด คร่ำครวญขึ้น "อั๊วไม่น่าไปเช่าพระหลวงพ่อเณงคามเลย อั๊วเสียลายเงิงจิงๆ" ภรรยาของเถ้าแก่เส็งจึงปลอบว่า "ไม่เห็นไรหรอกเฮีย สิ่งที่เราตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไง เฮียก็ต้องยอมรับมันให้ได้นะ" เถ้าแก่ฮวด หันมามองภรรยาด้วยสีหน้าที่ยังหม่นหมอง "อั๊วขอบใจลื้อมาก อาเจงนี่ อั๊วเลือกเมียไม่ผิกจริงๆ" เป็นอีกวันหนึ่งที่เถ้าแก่ฮวดจิตใจสงบลงได้ ด้วยคำปลอบจากเสียงอันแสนหวานจากเจนนี่ อดีตนางเอกลิเกผู้โด่งดัง
ย้อนเหตุการณ์มายังวันก่อนเกิดเหตุ "ลอบยิงเถ้าแก่เส็ง" หนึ่งสัปดาห์
เถ้าแก่เส็งนั่งคุยกับปื๊ดซึ่งเป็นคนงานในร้านคนหนึ่ง ปื๊ดเป็นวัยรุ่นหนุ่มอายุ 25 ปี รูปร่างสันทัดสูงประมาณ 165 เซ็นติเมตร ไม่อ้วนไม่ผอม มีกล้ามเนื้อพอประมาณ เนื่องจากการทำงานหนักต่างๆ ในร้านของเถ้าแก่เส็ง สิ่งที่เถ้าแก่เส็งคุยกับปื๊ดในวันนี้ เถ้าแก่เส็งกำชับปื๊ดไว้ว่า เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จะต้องไม่บอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด แม้แต่แม่ของปื๊ดเอง
ปื๊ดทำงานในร้านของเถ้าแก่เส็งมา 3 ปี เป็นคนหนุ่มที่จริงจังกับชีวิต และมีบุคลิกที่ค่อนข้างเงียบขรึม ปื๊ดเป็นคนหัวดี แต่เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี จึงต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่ม. 2 เพื่อหางานทำจุนเจือแม่ที่ป่วยออดๆ แอดๆ และเมื่อได้งานกับเถ้าแก่เส็ง แม้เถ้าแก่เส็งจะมี กิจการที่ไม่ใหญ่โตมาก แต่เถ้าแก่เส็งเลี้ยงลูกน้องเป็นอย่างดี โดยให้สวัสดิการในรูปของเงิน และที่พักที่ดีกว่าเถ้าแก่รายอื่นในย่านเดียวกัน ปื๊ดจึงตอบแทนเถ้าแก่เส็ง โดยการทำงานอย่างซื่อสัตย์ตลอดเวลาที่ทำงานกับเถ้าแก่เส็งมา
เถ้าแก่เส็ง เกริ่น "ปื๊ด ลื้อทำงางกับอั๊วมานางแล้วนะ อั๊วกำลังจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัก ลื้อสงใจจะไปกับอั๊วมั้ย มีที่พักและสวักดิกางเหมืองเดิม ลื้อจะพาแม่ลื้อไปพักล่วยก็ล่าย อั๊วอนุญาก" ปื๊ดถาม "เถ้าแก่จะไปจังหวัดไหนครับ" เถ้าแก่เส็ง "อั๊วจะย้ายไปเปิกกิกจะกางที่นะคองพะนม บ้างเกิกอั๊ว" ปื๊ดตอบ "งั้นผมไปด้วยนะครับเถ้าแก่" เถ้าแก่เส็ง เข้าประเด็นทันที "ถ้าลื้ออยากจะไปล่วย ลื้อจาต้องช่วยอั๊วทำงางหนึ่ง เป็งงางที่ค่องข้างเสี่ยง แต่อั๊วมั่งใจว่า ลื้อจะทำล่าย" ปื๊ดถาม "เถ้าแก่จะให้ผมทำอะไรครับ" เถ้าแก่เส็งตอบ "อั๊วจะให้ลื้อเป็งมือปึง" ปื๊ดเบิกตากว้าง "ฮ้า อะไรนะเถ้าแก่จะให้ผมเป็นมือปืน ไม่ดีมั้งครับ ผมไม่กล้าฆ่าคน ผมยังมีแม่ต้องดูแลนะครับเถ้าแก่" เถ้าแก่เส็งยิ้มและพยายามโน้มน้าวปื๊ด "ฟังก่อง อย่าเพิ่งเอกไป อั๊วจะให้ลื้อแกล้งเป็งมือปึง แล้วใช้กระสุงปลอมมายิงอั๊ว"
หลังจากนั้น เถ้าแก่เส็งจึงเริ่มบรรยายแผนการร้ายให้ปื๊ดฟัง เริ่มจากเถ้าแก่เส็ง ได้นำปืนเถื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ ปืนกระบอกนี้มีคนนำมาจำนำกับเถ้าแก่เส็ง แล้วปล่อยหลุดจำนำ และเถ้าแก่เส็งมารู้ภายหลังว่า เป็นปืนเถื่อนที่ทำเอกสารปลอม จึงต้องการนำไปทิ้ง แต่ก็เสียดาย จึงคิดแผนร้ายขึ้น เพื่อล่อเหยื่อมากินเบ็ด โดยจะทำการจัดฉากว่าถูกยิง แต่ปืนยิงตนไม่เข้า และเถ้าแก่เส็งจะมี พระห้อยคอที่ต้องการปล่อยให้เช่า
กระสุนทุกนัดที่บรรจุอยู่ในปืนเถื่อน จะเป็นกระสุน blank (เป็นลูกปืนที่นำหัวกระสุนโลหะออก ทำให้เวลายิงจะมีเสียงเหมือนลูกปืนจริง แต่จะไม่ทำอันตรายต่อเป้าหมาย) และหลายวันก่อน เถ้าแก่เส็งได้เดินทางไปที่สวนที่แกซื้อไว้ที่ต่างจังหวัดตามลำพัง สวนแห่งนี้อยู่ค่อนข้างจะห่างจากชุมชน ซึ่งเถ้าแก่เส็งตั้งใจไว้ว่าจะมาปลูกบ้านอยู่ที่นี่ เมื่อทำงานไม่ไหวแล้ว
ณ สวนแห่งนี้ เถ้าแก่เส็งได้ยิงปืน 1 นัด โดยเล็งไปยังเหล็กหนาแผ่นหนึ่ง เพราะเถ้าแก่เส็งต้องการเก็บหัวกระสุนที่บุบกลับไปใช้ในแผนการร้าย
เมื่อถึงวันเกิดเหตุ ปื๊ดต้องปลอมตัวโดยติดหนวดเคราเพื่ออำพรางใบหน้า และสวมเสื้อแจ๊คเก็ตดำ เพื่อไม่ให้ใครสามารถจำรูปพรรณของปื๊ดได้ ในระหว่างที่เถ้าแก่เส็งนั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อน ทุกอากัปกิริยาของเถ้าแก่เส็ง ล้วนอยู่ในสายตาของปื๊ดโดยตลอด และสัญญาณของการเริ่มแผนการ ก็คือ เถ้าแก่เส็งจะขอตัวเพื่อนๆ ไปเข้าห้องน้ำ และเถ้าแก่เส็งจะหันไปมองที่ปื๊ดเพื่อเป็นการย้ำว่า แผนการกำลังจะเริ่มขึ้น การเข้าห้องน้ำของเถ้าแก่เส็ง มีจุดประสงค์ เพื่อจะได้ไปสร้างรอยแดงบนหน้าอก โดยใช้ไม้ตะเกียบหักครึ่งที่แกเตรียมไว้ในกระเป๋า นำมาคีบเงินเหรียญ 1 บาท แล้วใช้ไฟแช็คลนเหรียญจนเหรียญร้อน แล้วก็นำเหรียญนั้นมาทาบบนหน้าอกในตำแหน่ง ที่เหมือนกับถูกลูกปืนปะทะ
ยิ่งไปกว่านั้น เถ้าแก่เส็งได้จุดบุหรี่ขึ้นสูบให้แดง เถ้าแก่เส็งกัดฟันแน่น แล้วนำบุหรี่มาจี้กับหน้าอกของตนเองในตำแหน่งตรงกลางรอยเหรียญบาท โดยให้เกิดรอยไหม้จากบุหรี่บนเสื้อเชิ้ตของแกด้วย โดยอาศัยบรรยากาศสลัวภายในร้าน เถ้าแก่เส็งจึงมั่นใจว่า จะไม่มีใครทันสังเกตเห็นรอยดังกล่าวบนเสื้อของแก เพราะเมื่อเถ้าแก่เส็งกลับมานั่งที่โต๊ะได้เพียงหนึ่งอึดใจ ปื๊ดก็เดินมาลั่นกระสุน blank ราวกับมือปืนอาชีพ และเถ้าแก่เส็งก็สวมบทดาราตุ๊กตาทอง แสดงบทบาท เหมือนถูกยิงไม่มีผิด จนสามารถตบตาเพื่อนร่วมโต๊ะได้อย่างแนบเนียน ส่วนลูกปืนที่หล่นอยู่บนพื้น ก็คือ ลูกปืนที่เถ้าแก่เส็งเก็บมาจากสวน และเตรียมไว้ ในมือซ้ายตั้งแต่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว
ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น หลังวันเกิดเหตุ
เถ้าแก่เส็งได้นำเช็คไปขึ้นเงินและโอนเงินให้กับปื๊ดเป็นค่าตอบแทนทันที 1 แสนบาท เมื่อทำธุระเรื่องการเงินเรียบร้อยแล้ว ช่วงสายของวันเดียวกัน เถ้าแก่เส็งและครอบครัวจึงออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครพนม บ้านเกิดของเถ้าแก่เส็ง เพื่อเริ่มต้นกิจการอีกครั้งโดยอาศัยทุนที่ได้รับจากเถ้าแก่ฮวด