(คัดลอกมาเพียงบางส่วน...)
"...มีความเป็นไปได้ว่าหลังจากที่เราคลายล็อก ซึ่งเพิ่มโอกาสในการติดต่อและสัมผัสเชื้อมากขึ้น
ต่อไปเราอาจพบผู้ติดเชื้อที่เราไม่มั่นใจหรือหาสาเหตุไม่พบว่าติดจากไหนหรือปัจจัยเสี่ยงคืออะไรมากขึ้น..."
"...จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อน้อยหรือไม่มีผู้ติดเชื้อเลยในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่า
จังหวัดเหล่านั้นมีขีดความสามารถในการควบคุมโรคที่สูงตามไปด้วย..."
"...ผู้กำหนดนโยบายไม่ควรพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อในอดีตแต่เพียงอย่างเดียว
แต่ควรพิจารณาความเสี่ยงในอนาคต ที่สะท้อนการประมาณจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะเดินทางเข้าไป
ในแต่ละจังหวัดเหล่านี้ชั่วคราว หรือย้ายถิ่นฐานเข้าไปในแต่ละจังหวัดอย่างถาวรด้วย..."
"...จังหวัดที่เสี่ยงระบาดใหม่หลังเปิดการเดินทางระหว่างจังหวัด คือจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่น
และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจสูง เช่น มีมหาวิทยาลัยใหญ่ มีนิคมอุตสาหกรรม หรือมีแหล่งท่องเที่ยว
ที่เป็นปัจจัยดึงดูดคนจำนวนมากเข้าไปในจังหวัดนั้นๆ เป็นต้น..."
"...ผู้กำหนดนโยบายควรพิจารณาคลายล็อกทุกจังหวัด อนุญาตการเดินทางระหว่างจังหวัด
แต่ยังห้ามจัดกิจกรรมที่เสี่ยงสูงในแต่ละจังหวัดต่อไป คงมาตรการรักษาระยะห่างทางกายภาพ
และเร่งพัฒนาระบบการกักโรคและการแยกโรค และจำเป็นต้องเฝ้าระวังการระบาดระลอกสอง
โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดเสี่ยงสูง เพื่อพิจารณาปิดการเดินทางเข้าออกของจังหวัดเหล่านั้นอีกครั้ง
โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีสัญญาณเตือนแนวโน้มการระบาดที่เพิ่มขึ้นจนอาจควบคุมโรคไม่อยู่..."
"...ถ้ายังจะคงมาตรการห้ามออกจากบ้าน/เคหะสถานนี้เอาไว้ ( curfew )
ก็ควรพิจารณาลดชั่วโมงลง เช่น เหลือ 23:00-03:00 น...."
"...การติดตามการระบาดในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ควรหลีกเลี่ยงการตีความจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ
แต่ในมุมที่คอยบ่งบอกว่ายิ่งน้อยยิ่งดี เพราะถึงแม้ว่าตามปกติแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากมักจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดี
(เช่น ในกรณีที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มที่เกิดจากการควบคุมโรคที่ไม่ดีในชุมชน)
แต่ก็มีสถานการณ์ที่การพบผู้ติดเชื้อมากยิ่งแสดงถึงความสำเร็จของกระบวนการควบคุมโรค
เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อที่พบเพิ่มขึ้นจากการตรวจเชิงรุก..."
"...เราควรใช้นโยบายอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ประสงค์จะกลับประเทศ (รวมทั้งพิจารณายกเว้นค่าปรับ
สำหรับคนไทยที่มาที่ด่านโดยไม่ผ่านกระบวนการที่ทางการกำหนด) เพื่อลดแรงจูงใจในการหันไปใช้วิธี
หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการหลุดลอดไปจากกระบวนการควบคุมโรคที่ปัจจุบันเราทำได้ดีอยู่แล้ว..."
"...การเปิดด่านให้นำเข้าแรงงานเพิ่มในช่วงนี้น่าจะเพิ่มความเสี่ยงของการนำ “เชื้อเพลิง” เข้ามา ที่พร้อมจะปะทุขึ้นมา
ได้อย่างรวดเร็วเหมือนในสิงคโปร์ ที่ทำท่าเหมือนจะควบคุมโรคได้ แล้วกลับมาระบาดใหญ่จนถึงขณะนี้
ด้วยเหตุนี้ นอกจากประเทศไทยจะยังไม่ควรเปิดด่านรับแรงงานข้ามชาติในช่วงนี้แล้ว ยังควรต้องเฝ้าระวัง
การหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานข้ามชาติผ่านช่องทางธรรมชาติต่างๆ อย่างเคร่งครัดและจริงจังด้วย..."
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
●● 8 คำถามการคลายล็อกรอบ 2 : มุมมองนักระบาดวิทยา-นักวิจัยนโยบายสุขภาพ ●●
Cr. :
https://www.isranews.org/article/isranews-article/88615-lockdown.html
●● 8 คำถามการคลายล็อกรอบ 2 : มุมมองนักระบาดวิทยา-นักวิจัยนโยบายสุขภาพ ●●
"...มีความเป็นไปได้ว่าหลังจากที่เราคลายล็อก ซึ่งเพิ่มโอกาสในการติดต่อและสัมผัสเชื้อมากขึ้น
ต่อไปเราอาจพบผู้ติดเชื้อที่เราไม่มั่นใจหรือหาสาเหตุไม่พบว่าติดจากไหนหรือปัจจัยเสี่ยงคืออะไรมากขึ้น..."
"...จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อน้อยหรือไม่มีผู้ติดเชื้อเลยในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่า
จังหวัดเหล่านั้นมีขีดความสามารถในการควบคุมโรคที่สูงตามไปด้วย..."
"...ผู้กำหนดนโยบายไม่ควรพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อในอดีตแต่เพียงอย่างเดียว
แต่ควรพิจารณาความเสี่ยงในอนาคต ที่สะท้อนการประมาณจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะเดินทางเข้าไป
ในแต่ละจังหวัดเหล่านี้ชั่วคราว หรือย้ายถิ่นฐานเข้าไปในแต่ละจังหวัดอย่างถาวรด้วย..."
"...จังหวัดที่เสี่ยงระบาดใหม่หลังเปิดการเดินทางระหว่างจังหวัด คือจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่น
และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจสูง เช่น มีมหาวิทยาลัยใหญ่ มีนิคมอุตสาหกรรม หรือมีแหล่งท่องเที่ยว
ที่เป็นปัจจัยดึงดูดคนจำนวนมากเข้าไปในจังหวัดนั้นๆ เป็นต้น..."
"...ผู้กำหนดนโยบายควรพิจารณาคลายล็อกทุกจังหวัด อนุญาตการเดินทางระหว่างจังหวัด
แต่ยังห้ามจัดกิจกรรมที่เสี่ยงสูงในแต่ละจังหวัดต่อไป คงมาตรการรักษาระยะห่างทางกายภาพ
และเร่งพัฒนาระบบการกักโรคและการแยกโรค และจำเป็นต้องเฝ้าระวังการระบาดระลอกสอง
โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดเสี่ยงสูง เพื่อพิจารณาปิดการเดินทางเข้าออกของจังหวัดเหล่านั้นอีกครั้ง
โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีสัญญาณเตือนแนวโน้มการระบาดที่เพิ่มขึ้นจนอาจควบคุมโรคไม่อยู่..."
"...ถ้ายังจะคงมาตรการห้ามออกจากบ้าน/เคหะสถานนี้เอาไว้ ( curfew )
ก็ควรพิจารณาลดชั่วโมงลง เช่น เหลือ 23:00-03:00 น...."
"...การติดตามการระบาดในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ควรหลีกเลี่ยงการตีความจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ
แต่ในมุมที่คอยบ่งบอกว่ายิ่งน้อยยิ่งดี เพราะถึงแม้ว่าตามปกติแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากมักจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดี
(เช่น ในกรณีที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มที่เกิดจากการควบคุมโรคที่ไม่ดีในชุมชน)
แต่ก็มีสถานการณ์ที่การพบผู้ติดเชื้อมากยิ่งแสดงถึงความสำเร็จของกระบวนการควบคุมโรค
เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อที่พบเพิ่มขึ้นจากการตรวจเชิงรุก..."
"...เราควรใช้นโยบายอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ประสงค์จะกลับประเทศ (รวมทั้งพิจารณายกเว้นค่าปรับ
สำหรับคนไทยที่มาที่ด่านโดยไม่ผ่านกระบวนการที่ทางการกำหนด) เพื่อลดแรงจูงใจในการหันไปใช้วิธี
หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการหลุดลอดไปจากกระบวนการควบคุมโรคที่ปัจจุบันเราทำได้ดีอยู่แล้ว..."
"...การเปิดด่านให้นำเข้าแรงงานเพิ่มในช่วงนี้น่าจะเพิ่มความเสี่ยงของการนำ “เชื้อเพลิง” เข้ามา ที่พร้อมจะปะทุขึ้นมา
ได้อย่างรวดเร็วเหมือนในสิงคโปร์ ที่ทำท่าเหมือนจะควบคุมโรคได้ แล้วกลับมาระบาดใหญ่จนถึงขณะนี้
ด้วยเหตุนี้ นอกจากประเทศไทยจะยังไม่ควรเปิดด่านรับแรงงานข้ามชาติในช่วงนี้แล้ว ยังควรต้องเฝ้าระวัง
การหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานข้ามชาติผ่านช่องทางธรรมชาติต่างๆ อย่างเคร่งครัดและจริงจังด้วย..."
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
●● 8 คำถามการคลายล็อกรอบ 2 : มุมมองนักระบาดวิทยา-นักวิจัยนโยบายสุขภาพ ●●
Cr. : https://www.isranews.org/article/isranews-article/88615-lockdown.html