ส. - ซึ่งข้อความใน สัมโมหวิโนทนี อรรถกถาขุททกวัตถุ วิภังค์ปาปิจฉตานิทเทส อธิบายว่า
“ความปรารถนาลามก” ซึ่งทำอาการต่างๆ ให้พวกมนุษย์เลื่อมใส มีข้อหนึ่งที่กล่าวว่า แม้ผู้มีปัญญาทราม ก็จะนั่งในท่ามกลางอุปัฏฐากทั้งหลาย กล่าวอยู่ว่า “เราย่อมสละปริยัติ” ดังนี้ เป็นต้น ด้วยคำว่า
เมื่อเราตรวจดูหมวด ๓ แห่ง ธรรมอันยังสัตว์ให้เนิ่นช้าในมัชฌิมนิกายอยู่ มรรคนั้นแหละมาแล้วพร้อมด้วยฤทธิ์ ชื่อว่า “ปริยัติ” ไม่เป็นสิ่งที่กระทำได้ยากสำหรับพวกเรา การสนใจในปริยัติย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์
นี่คือผู้ที่มีปัญญาทราม แต่ด้วยความปรารถนาลามก ก็ปรารถนาที่จะให้บุคคลอื่นเห็นว่า ตนเป็นผู้ที่มีปัญญา เพราะฉะนั้น ก็กล่าวว่า ชื่อว่า
“ปริยัติ” ไม่เป็นสิ่งที่กระทำได้ยากสำหรับพวกเรา การสนใจในปริยัติย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ เพราะเหตุว่า แสดงว่า ตนเองปฏิบัติ และมรรคนั่นแหละมาแล้วพร้อมด้วยฤทธิ์ ชื่อว่า “ปริยัติ”
นี่เป็นผู้ที่มีปัญญาทราม แต่ปรารถนาจะให้คนอื่นเห็นว่า “ต้องปฏิบัติแล้วสละปริยัติ” เพราะเหตุว่าการสนใจในปริยัติย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ ดังนี้ ย่อมแสดงซึ่งความที่ตนเป็นคนมีปัญญามาก โดยการกล่าวอย่างนั้น
ก็เมื่อภิกษุนั้นกล่าวอยู่อย่างนี้ ชื่อว่า “ย่อมทำลายพระศาสนา” ชื่อว่า “มหาโจรเช่นกับบุคคลนี้ย่อมไม่มี” เพราะว่าบุคคลผู้ทรงพระปริยัติ ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ หามีไม่
ท่านผู้ฟังเห็นประโยชน์ของการศึกษาปริยัติ หรือ เห็นว่าไม่สมควรจะศึกษา
ผู้ถาม - คำพูดอันนี้ผมได้ยินมากทีเดียว แต่เพิ่งจะรู้เมื่ออาจารย์ยกอรรถกถา ขึ้นมาว่า ผู้ที่พูดเช่นนี้ เป็น “มหาโจรปล้นพุทธศาสนา”
แท้ที่จริงมีพระสายกัมมัฏฐานมากรูปทีเดียวว่า ผู้ที่จะพ้นทุกข์นี้ จะต้องปฏิบัติอย่างเดียว ปริยัตินี้ทำให้พ้นทุกข์ไม่ได้ คำพูดอย่างนี้มีอยู่ในพระสายกัมมัฏฐานมากมายและท่านพูดบ่อยเสียด้วย
พระ - ที่อาตมาศึกษามาตั้งแต่เป็นฆราวาสทุกสำนัก อาตมาฟังวิทยุ สำนักไหนดี ไป เข้าไม่ได้โยม เต็ม ลำบาก ทำจนหมดปัญญา สุดปัญญา
สมาธิทำจนเป็นไข้มาลาเรีย ไม่รู้ เอาเลือดเข้าแลกเพื่อให้ได้สมาธิ ทำจนหมดปัญญา คิดว่า ศาสนาไม่มีอะไรเลย ต่อมาฟังอาจารย์กิตติ นิยายอิงธรรมะ
ฟังอาจารย์ ส. ก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทนฟังจนเข้าใจ เมื่อเข้าใจก็หมดปัญหา ชีวิตอาตมาเท่าที่ผ่านมา เกิดชาติใดฉันใด บุญกุศลที่ทำ ขอให้เจอนักปราชญ์ แล้วก็เจอจริงๆ ชีวิตอาตมาปลื้มใจที่สุดเจออาจารย์ ส. ชุบชีวิตอาตมาขึ้นมาก ปลื้มใจมากเพราะลำบากมาก ไปทุกสำนัก
เพราะว่าอาตมาเกิดมาเป็นคนโลภมาก กลัวตาย สาเหตุที่ไปเพราะกลัวตาย ยังสร้างกุศลน้อย อยากจะสร้างบุญเยอะๆ ไปทุกสำนัก ทำเท่าไรๆ ก็ไม่ได้ เบื่อ ที่มาได้นี้อาศัยโยมอาจารย์ ส. อาตมาก็ไม่รู้จะทดแทนอะไร จะทดแทนคือ ปฏิบัติตาม วันพระ ๑๕ ค่ำ ทุกวันอุโบสถ ก็อุทิศส่วนกุศลให้ ทั้งๆ ที่อาจารย์ก็ยังมีชีวิตอยู่ ก็แผ่เมตตาให้อาจารย์ ประสบพบความสุข เพราะชีวิตอาตมาอาศัยอาจารย์จึงรอดมาได้
ส - ขอกราบนมัสการอนุโมทนาเจ้าค่ะ
ภิกษุมหาโจร ผู้ทำลายพระศาสนา
ส. - ซึ่งข้อความใน สัมโมหวิโนทนี อรรถกถาขุททกวัตถุ วิภังค์ปาปิจฉตานิทเทส อธิบายว่า
“ความปรารถนาลามก” ซึ่งทำอาการต่างๆ ให้พวกมนุษย์เลื่อมใส มีข้อหนึ่งที่กล่าวว่า แม้ผู้มีปัญญาทราม ก็จะนั่งในท่ามกลางอุปัฏฐากทั้งหลาย กล่าวอยู่ว่า “เราย่อมสละปริยัติ” ดังนี้ เป็นต้น ด้วยคำว่า
เมื่อเราตรวจดูหมวด ๓ แห่ง ธรรมอันยังสัตว์ให้เนิ่นช้าในมัชฌิมนิกายอยู่ มรรคนั้นแหละมาแล้วพร้อมด้วยฤทธิ์ ชื่อว่า “ปริยัติ” ไม่เป็นสิ่งที่กระทำได้ยากสำหรับพวกเรา การสนใจในปริยัติย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์
นี่คือผู้ที่มีปัญญาทราม แต่ด้วยความปรารถนาลามก ก็ปรารถนาที่จะให้บุคคลอื่นเห็นว่า ตนเป็นผู้ที่มีปัญญา เพราะฉะนั้น ก็กล่าวว่า ชื่อว่า
“ปริยัติ” ไม่เป็นสิ่งที่กระทำได้ยากสำหรับพวกเรา การสนใจในปริยัติย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ เพราะเหตุว่า แสดงว่า ตนเองปฏิบัติ และมรรคนั่นแหละมาแล้วพร้อมด้วยฤทธิ์ ชื่อว่า “ปริยัติ”
นี่เป็นผู้ที่มีปัญญาทราม แต่ปรารถนาจะให้คนอื่นเห็นว่า “ต้องปฏิบัติแล้วสละปริยัติ” เพราะเหตุว่าการสนใจในปริยัติย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ ดังนี้ ย่อมแสดงซึ่งความที่ตนเป็นคนมีปัญญามาก โดยการกล่าวอย่างนั้น
ก็เมื่อภิกษุนั้นกล่าวอยู่อย่างนี้ ชื่อว่า “ย่อมทำลายพระศาสนา” ชื่อว่า “มหาโจรเช่นกับบุคคลนี้ย่อมไม่มี” เพราะว่าบุคคลผู้ทรงพระปริยัติ ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ หามีไม่
ท่านผู้ฟังเห็นประโยชน์ของการศึกษาปริยัติ หรือ เห็นว่าไม่สมควรจะศึกษา
ผู้ถาม - คำพูดอันนี้ผมได้ยินมากทีเดียว แต่เพิ่งจะรู้เมื่ออาจารย์ยกอรรถกถา ขึ้นมาว่า ผู้ที่พูดเช่นนี้ เป็น “มหาโจรปล้นพุทธศาสนา”
แท้ที่จริงมีพระสายกัมมัฏฐานมากรูปทีเดียวว่า ผู้ที่จะพ้นทุกข์นี้ จะต้องปฏิบัติอย่างเดียว ปริยัตินี้ทำให้พ้นทุกข์ไม่ได้ คำพูดอย่างนี้มีอยู่ในพระสายกัมมัฏฐานมากมายและท่านพูดบ่อยเสียด้วย
พระ - ที่อาตมาศึกษามาตั้งแต่เป็นฆราวาสทุกสำนัก อาตมาฟังวิทยุ สำนักไหนดี ไป เข้าไม่ได้โยม เต็ม ลำบาก ทำจนหมดปัญญา สุดปัญญา
สมาธิทำจนเป็นไข้มาลาเรีย ไม่รู้ เอาเลือดเข้าแลกเพื่อให้ได้สมาธิ ทำจนหมดปัญญา คิดว่า ศาสนาไม่มีอะไรเลย ต่อมาฟังอาจารย์กิตติ นิยายอิงธรรมะ
ฟังอาจารย์ ส. ก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทนฟังจนเข้าใจ เมื่อเข้าใจก็หมดปัญหา ชีวิตอาตมาเท่าที่ผ่านมา เกิดชาติใดฉันใด บุญกุศลที่ทำ ขอให้เจอนักปราชญ์ แล้วก็เจอจริงๆ ชีวิตอาตมาปลื้มใจที่สุดเจออาจารย์ ส. ชุบชีวิตอาตมาขึ้นมาก ปลื้มใจมากเพราะลำบากมาก ไปทุกสำนัก
เพราะว่าอาตมาเกิดมาเป็นคนโลภมาก กลัวตาย สาเหตุที่ไปเพราะกลัวตาย ยังสร้างกุศลน้อย อยากจะสร้างบุญเยอะๆ ไปทุกสำนัก ทำเท่าไรๆ ก็ไม่ได้ เบื่อ ที่มาได้นี้อาศัยโยมอาจารย์ ส. อาตมาก็ไม่รู้จะทดแทนอะไร จะทดแทนคือ ปฏิบัติตาม วันพระ ๑๕ ค่ำ ทุกวันอุโบสถ ก็อุทิศส่วนกุศลให้ ทั้งๆ ที่อาจารย์ก็ยังมีชีวิตอยู่ ก็แผ่เมตตาให้อาจารย์ ประสบพบความสุข เพราะชีวิตอาตมาอาศัยอาจารย์จึงรอดมาได้
ส - ขอกราบนมัสการอนุโมทนาเจ้าค่ะ