แม่โมโหร้าย ทะเลาะกันทุกวันจนเหนื่อย อึดอัด ทำยังไงดีคะ?

แม่โมโหร้าย ทะเลาะกันทุกวันจนลูกเหนื่อย ทำยังไงดีคะ?

สวัสดีค่ะ พอดีเรามีเรื่องมาปรึกษาค่ะ เริ่มจากแม่เราเป็นคนที่จะดีก็ดีจนใจหาย จะร้ายก็ร้ายแบบบ้านแทบแตก เมื่อก่อนแม่จะใจดีมาก ไม่ลงไม้ลงมือเท่าไหร่ เราทำผิดอะไรท่านก็ตักเตือนเราแต่ไม่ได้ด่า เราอยู่กับแม่แค่สองคน ท่านจะไม่ให้พูดคำหยาบเลยสักคำ

   แต่หลังๆมานี้เราทำอะไรก็ดูจัดใจท่านไปทุกอย่าง ทำอะไรไม่ถูกใจท่านก็จะด่าแหลก เริ่มมีคำหยาบมามากขึ้น ใช้คำแทนตัวห่างเหิน เช่น วันนั้นเรามาช่วยแม่ขายของที่ร้านก๋วนเตี๋ยว แม่ทำงานอยู่หลังร้าน เราอยู่หน้าร้านดูลูกค้า คุณครูไลน์มาเรื่องงาน เราก็เลยต้องไลน์ตอบครู พอแม่มาเห็นก็ด่าเราชุดใหญ่ว่าไม่สนใจช่วยงาน แล้วก็เอาเรื่องเก่าๆที่ไม่ถูกใจมาว่าต่อ เราก็นั่งฟังเงียบๆไม่พูดอะไร รอให้แม่อารมณ์เย็นค่อยอธิบาย

   แต่คือประโยคสุดท้ายที่แม่พูดกับเราทำให้เรารู้สึกชามาก รู้สึกแบบมันเรื่องเล็กนิดเดียว ทำไมต้องพูดเหมือนเรื่องใหญ่ด้วย แม่บอกว่า ยิ่งโตแกยิ่งยิ้มเก่ง ฉันไม่น่าเหนื่อยเลี้ยงแกเลย ฉันเอาเงินไปเลี้ยงตัวเอง ใช้เที่ยวดีกว่าเยอะ พอจบม.6แล้วแกก็ไม่ต้องเรียนหรอก ฉันไม่เสียเงินให้แกแล้ว อยากจะไปไหนก็ไป เรียนไปก็เท่านั้น ออกไปเลี้ยงควายไถนานู่น ฉันจะได้สบายตัวเอง น้ำเสียงและอารมณ์มันประมาณแบบ เราเป็นภาระมาก เราไม่น่าเกิดมาเลยแบบนี้จนเราน้อยใจ ได้แต่โทษตัวเองซ้ำว่าเป็นความผิดเราทุกเรื่องที่เกิดขึ้น เราจะเกิดมาเป็นภาระท่านทำไม
 
    ต่อมาแม่เริ่มโมโหง่าย เอะอะก็โมโหงอน เราก็เลยเลือกที่จะเงียบ ต่างคนต่างเงียบใส่กัน เพราะเราก็ไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปก็กลัวไม่เข้าหูแม่และท่านจะโกรธหนักกว่าเดิม เคยทพเลาะกันเรื่องเสื้อผ้า เพราะเราไม่อยากใส่เอวลอยขาสั้น แต่ท่านก็อยากจะซื้อให้ใส่ พอเราปฏิเสธ ท่านก็โกรธไม่พูดจากับเรา เราก็เลยเลือกเงียบ ครั้งนั้นไม่ได้คุยกันเกือบอาทิตย์หนึ่งได้ อยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน แต่ไม่พูดอะไร ท่านก็ไม่ทำกับข้าว ทำอาหารให้ ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำกิน เพราะปกติท่านทำมาจากที่ร้าน เราก็เลยต้องกินมาม่า 7 วันติดกัน

     พอมาช่วงนี้เราขยับอะไรท่านก็โมโหร้ายบอกว่าเรายิ่งโตยิ่งแย่ แม่ชักจะหมดความอดทน พอจะพูดอะไรท่านก็ว่าเราเถียง เราก็เลยไม่จะพูดอะไรอีก มาวันนี้ท่านให้เรายกเก้าอี้ให้ลูกน้องที่ร้านมานั่งกินข้าวด้วย แต่เราเห็นว่าลูกน้องคนนั้นเขายกเก้าอี้มาแล้ว เราก็เลยไม่ได้ยก ท่านก็ด่าเรา เราเลยบอกไปว่า พี่เจายกเก้าอี้มาแล้ว ถ้าหนูยกมาอีกพี่เขาก็ไม่นั่งอยู่ดี แล้วท่านก็ปาแตงกวาบนโต๊ะอาหารใส่หน้าเราอย่างแรง โดนตรงปาก เจ็บมาก เราก็เลยแกล้งแม่ไป บอกแม่ว่าปาทำไม หนูเจ็บปากมากนะ แล้วแม่ก็โมโหเลยทีนี้ ท่านบอกว่ามันขนาดนี้เลยหรอ!

    แล้วท่านก็เดินหนีไปไม่กินข้าวต่อ เขวี้ยงแคงกวาที่เหลือลงถังขยะหมด แล้วก็ไม่คุยกับเราเลย มองหน้าเราเหมือนจะตีให้ตาย ตอนนั้นก็คิดว่าคงดดนด้ามไม้กวาดแน่ๆ แค่ท่านก็หนีออกจากร้านไปซื้อของที่อื่น เราก็เลือกจะเงียบ ตอนแรกจะอธิบายว่าแกล้งเล่น แต่ท่านไม่ยอมฟัง มองตาขวางแบยโกรธเลือดขึ้นหน้าจริงๆใส่จนเราไม่กล้าพูดอะไร

     ทุกวันนี้เรารู้สึกแบบต้องระแวงตลอดเวลา กลัวจะทำอะไรพูดอะไรไม่ถูกใจท่าน ในใจนึกอยากให้โตไวๆจะได้แยกออกไปทำงานไปเรียนนอกบ้าน แยกกันอยู่ จะได้ไม่อึดอัด แต่ในใจก็เป็งห่วงท่าน ไม่อยากให้ท่านอยู่คนเดียว แต่แบบไม่ไหวแล้วจริงๆ รู้สึกเหนื่อยมาก เคยคิดฆ่าตัวตายให้ไม่ต้องรับรู้อะไรบ่อยครั้ง แต่ก็คิดได้ว่าฆ่าตัวตายไปก็เท่านั้น บาปเปล่าๆ ยังมีอะไรอีกเยอะที่ยังไม่ได้ทำ ก็เลยตำค้องทนต่อไป

     เรื่องความขี้บ่น เอาแค่ใจ โมโหร้ายของแม่ไม่ใช่แค่เราที่รู้สึก แต่ญาติๆกับคนใกล้ตัวก็พูดเหมือนกัน ทั้งลูกน้อง ป้า ลุง ญาติ มีแต่คนไม่อยากจะพูดอะไรกับแม่มากเพราะกลัวระเบิดลง

     คือเรารู้สึกอึดอัดมาก อยากจะภามว่าต้องทำยังไงต่อไปดี แม่ถึงจะใจเย็นลง ไม่ในร้อน เราต้องทนต่อไปอีกนานมั้ย คือเราอยากระบายมาก มันกดดันมากๆ แม่กดดันทุกอย่างในชีวิตเราจริงๆ เรื่องเรียน เรื่องเล่น ตอนอยู่บ้าน ตอนอยู่กับแม่ มีแค่ตอนอยู่รร.เราถึงจะเป็นเราได้ จนเคยมีญาติทักว่าตอนอยู่รร.อยู่กับเพื่อน ดูเป็นอีกคน แต่พออยู่กับแม่จะเป็นอีกคน

     แบบนี้เราถือว่าเป็นเด็กเก็บกดมั้ยคะ แล้วทำอย่างไรดี?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่