ฉันเหมือนจะเป็น “โรคซึมเศร้า” ฉันสิ้นหวัง ฉันเจ็บปวด ฉันเหมือนคนตายทั้งเป็น หรือว่าฉันควรตายไปซะตั้งแต่ตอนนี้..........
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อปีใหม่ เกิดวันที 1 มกราคม พ.ศ. 2546 ฉันอายุ 17 ในตอนนี้ฉันยังเป็นนักศึกษา
ฉันเริ่มรู้สึกถึงการเริ่มทำร้ายร่างกายตัวเองตั้งแต่ ม.2 คงเป็นเพราะฉันโดนพ่อตบหน้า จมูกแตกเลือดไหลและเขาที่ยืนมองฉันด้วยความแค้น ที่บ้านหลังใหม่ของเรา
พ่อกับแม่ฉันทะเลาะวิวาทกันตั้งแต่ฉันจำความได้ คือ ป.6 และไล่พ่อฉันออกจากบ้านตอนฉันกำลังใกล้จะจบ ป.6 และมีการฟ้องใบหย่าเกิดขึ้นเพื่อที่จะเอาตัวฉันไปจากพ่อ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันฉันถึงได้เลือกที่จะอยู่กับพ่อฉัน จนกระทั่งมันเหมือนตกนรกทั้งเป็น ในช่วง ม. 2 นั่นฉันเริ่มมีอารมณ์หัวรุนแรงขึ้น ฉันพูดคำหยาบ เพราะพ่อก็พูดใส่ฉัน และด่ากรอกหูฉันเกี่ยวกับแม่ฉันขึ้นทุกๆวัน เค้าเริ่มทำลายข้าวของในบ้านไปทีละนิด ทีละนิด และทำร้ายร่างกายฉันมาตลอดมา รวมไปถึงสภาพจิตใจฉันด้วย ฉันมักจะโดนจิกหัว และทุบตี ฉันไม่ค่อยไปหาแม่บ่อยนัก คงเป็นเพราะว่าฉันไม่สนิทกับแม่ พูดตามตรงก็คือ ฉันไม่สนิทกับใครในครอบครัวเลยค่ะ เหมือนการกระทำของครอบครัวที่แตกแยกตอนนี้ จะทำให้ฉันเริ่มกลายเป็นปีศาจเลยค่ะ ฉันเริ่มทำร้ายตัวเอง ฉันเริ่มคว้าแก้วมาทุบและกรีดตัวเองทุกครั้งที่ฉัน มีปากเสียง และทะเลาะกับเขา ฉันคิดว่าที่พึ่งสุดท้ายของฉันคือ พี่สาวฉัน ที่อายุห่างกัน 9 ปี เขาเปรียบเสมือนเพื่อนของฉัน ฉันมักจะใช้เวลาช่วงปิดเทอม เพื่อไปหาเขาที่สุราษตลอด จนกระทั่งทุกๆอย่างเริ่มแย่ลง พี่สาวฉันท้อง ตอนฉันกำลังจะขึ้น ม.3 ทุกอย่างในชีวิตของฉันเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ตั้งแต่จำความได้ ตั่งแต่ออกมาจากบ้านแม่ฉันไม่ค่อยกลับไปบ้านหลังนั้นเพื่อไปหาแม่บ่อยๆอีกเลย ฉันแค่รู้สึกไม่ชิน เมื่อฉันใกล้กำลังจะจบ ม.3 สิ่งแรกที่ฉันคิดก็คือ ฉันต้องออกไปจากที่นี่ให้ใกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อย่างนั้น คงมีซักวันที่ฉันจะต้องคิดสั้นฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน และนั่นจึงได้มีการรบเร้าเกิดขึ้น ฉันอยากออกจากบ้านหลังนี้ และมีการถกเถียงเกี่ยวกับการ หาที่เรียน ต่อ ม.4 ของฉัน ซึ่งฉันต้องการอยู่คนเดียว ฉันอยากออกไปอยู่คนเดียว จึงได้มีการออกไปเรียนต่างจังวัด ฉันเลือกเรียนที่นนทบุรี ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง กว่าจะได้มาเรียนฉันก็เสียเลือดเสียเนื้อไปเยอะบ้างพอสมควรเหมือนกัน สาเหตุเพราะ พวกเขาจะไม่ให้ฉันมา ฉันจึงได้ทำร้ายร่างกายตัวเองอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาปล่อยฉันไปซะที ฉันอึดอัดกับครอบครัวเฮ็งซวยนี่จะตายอยู่แล้ว ทำไมฉันถึงกล้าพูดเหรอค่ะ ว่าครอบครัวฉันมันเฮ็งซวย........
ฉันโตมาด้วยการเลียงดูแบบผิดๆถูกๆ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นอย่างั้น ฉันถูกตามใจ ฉันเกิดมาดีกว่าทุกคน พ่อแม่ฉันรักกกัน อบอุ่น ฉันมีทุกคนที่คอยห่วงใยฉัน ฉันเปรียบเสหมือนเป็นคนพิเศษของใครหลายๆคนเลย จนกระทั่งทุกๆอย่างค่อยๆหายไป มันเป็นเหมือนภาพลวงตา ยิ่งโตขึ้นยิ่งไม่สนุกเลย...ฉันไม่อยากโตแล้วละสิฉันอยากหยุดทุกอย่างไว้ตรงนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันไม่มีที่พึ่งฉันพูดกับใครไม่ได้ว่าฉันเป็นอะไร เขาหาว่าฉันบ้า ฉันเรียกร้องควาสนใจ พ่อแม่ของฉันค่อนข้างจะหัวโบราณ ไม่รับฟัง ฟังแต่ไม่สนใจ ไม่เคยถามไถ่ สบายดีมั้ยเรียนเป็นยังไง ช่วงเวลานั้นฉันคิดเพียงแค่ว่า พวกเขาคงไม่มีเวลา และไม่ว่าง
แต่สุดท้ายฉันก็คิดได้ว่า ฉันอาจจะเกิดมาด้วยความไม่ตั้งใจของพวกเขารึป่าว ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ตอนนี้ฉันเริ่มมีอาการสงสัย และเริ่มรู้สึกกับตัวเองว่า ฉันเป็นโรค “ซึมเศร้ารึป่าว’’
ทุกๆครั้งที่ฉันมีการเครียด หรือโดนทำร้ายจากคำพูดที่มันบาดลึกลงไปในหัวใจฉัน ฉันมักจะพยายามคิดสั้น ฉันมักจะทำร้ายร่างกายตัวเองบ่อยๆ โดยที่แม่ฉันไม่เคยรู้จนมาถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยบอกเขาแม่แต่ครั้งเดียว แต่พ่อฉันรู้ และพูดว่าฉันมันแค่บ้า ไร้สาระ ทำตัวน่าสมเพชไปวันๆ ฉันเริ่มทุบตัวเอง ขอแค่ทำยับไงก็ได้ ให้ฉันได้เห็นเลือดตัวเอง แค่ฉันได้ระบายอารมณ์กับตัวเอง มากกว่าสิ่งของเหมือนที่พ่อฉันทำ... ฉันไม่รู้สึกโง่หรอก ฉันรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เห็นฉันเจ็บปวดจากการกรีดข้อมือ คงคล้ายๆกับที่พ่อของฉันสบายใจเมื่อได้ทำร้ายฉันหรือทำลายข้าวของต่างๆเพื่อระบายอารมณ์
ตอนนี้ร่างกายของฉันเต็มไปด้วยบาดแผลต่างๆ อาจจะมีจางหายไปบ้างตามการเวลา แต่ก็ไม่มีวันหาย
บาดแผลของฉันและอาการของฉันมักจะเกิดทุกครั้งในช่วงเวลาที่ฉันอยู่บ้าน หรือกลับมาบ้านเพื่อเจอครอบครัว
ถ้าพูดถึงเรื่อโรคซึมเศร้า คงเป็นการกลัวการอยู่คนเดียว คงเป็นการที่ต้องคอยให้ครอบครัวคอยรักษา มันคงเป็นแบบนั้น แต่กับตัวฉันแล้วมันคงต่างกันออกไป ฉันเริ่มคิดที่จะอยากอยู่คนเดียว ฉันไม่อยากมีพวกเขา พวกเขาคอยเอาแต่จะทำร้ายฉัน ฉันไม่ต้องการมีพ่อแม่ พวกเขาไม่ใช่ที่พึ่งสำหรับฉัน ฉันไม่ต้องการอยู่ร่วมกับเขา อาการของฉันมักจะเกิดขึ้นทุกๆครั้ง ที่ต้องมาอยู่รวมด้วยกับพ่อ
ณ ตอนนี้ฉันต้องการกลับไปเรียนมากๆ ฉันอยากอยู่คนเดียว ฉันต้องยอมรับเลยว่าตอนฉันได้ออกไปเรียนใกลบ้านของฉันเป็นครั้งแรกนั้น ฉันมีความสุขมากๆ ฉันได้ออกไปที่ใหม่ๆ เหมือนฉันได้ออกจากนรกเลยละ หลายๆคนคงพูดว่า ไม่มีที่ไหนสบายใจเท่าบ้านแล้วละ..มันก็จริงอยู่หรอกแต่มันคงไม่ใช่สำหรับฉัน ครอบครัว ณ ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่เซฟโซนของฉัน เพราะกลับมาทีไร อาการของฉันก็มักจะกำเริบขึ้นตลอดเวลาเลย 😊
07/05/63 เวลา 18:16pm
นับตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ที่ฉันได้กลับบ้านมาด้วยสถาณการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในตอนนี้ สภาพฉันตอนนี้ค่อนค่างจะอึดอัดมากๆ กับการที่ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเป็นเวลาก็คงจะประมาน 2-3 เดือน ฉันต้องกลับมาอยู่กับพ่อ ซึ่งเขาอาจจะเป็นสาเหตุที่ฉันต้องกลายเป็นเด็กที่ผิดปกติด้านอารมณ์ ตอนนี้ฉันได้มีปากเสียงกับเขา เขาไม่เคยพูดกับฉันดีๆซักคำเลย มีแต่คำพูดกระแทกและเหมือนเกลียดฉันตลอดเวลา
และวันนี้เวลา 16:45pm ก่อนหน้านี้ ฉันได้มีปากเสียงกับเขา ฉันได้กลับมาลงมือทำร้ายตัวเองอีกครั้ง โดยการนำเศษกระจกที่ฉันได้แอบทุบมันเอาไว้และซ่อนไว้ในหมวกสีแดงไว้เมื่อวาน ใช่ เมื่อวานก็เป็นอีกครั้งที่ฉันแอบกรีดข้อมือตัวเองไม่ให้เขารู้ และวันนี้ฉันก็ลงมือทำมันอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหมือนสภาวะคนที่อยากจะตายอีกเรื่อยๆ ในหัวฉันที่กำลังคิดจะกินยาเกินขนาดเพื่อที่ฉันจะได้จบๆชีวิตของฉันไป หรือเพียงแค่ฉันต้องการทรมารตัวเอง ตอนนี้ 18:23 ฉันเองที่กำลังนั่งเขียนบันทึกนี้ไว้ ฉันกำลังลังเลที่คิดว่าจะกินยานี่เขาไปดีหรือไม่ และคราบเลือดที่แห้งติดมือฉันเองยังคงอยู่ แต่ฉันอาจจะยังคงไม่คิดสั้นถึงขนาดฆ่าตัวตายหรอก คงไม่
ที่เขียนมาฉันอยากจะให้ใครหลายๆคนที่กำลังสอนลูก พวกคุณรับฟังเขานะ รักพวกเขา เข้าพวกเขาให้มากนะ เพราะถ้าคุณเข้าใจพวกเขาจริงๆ เค้าจะมองคุณเหมือนเพื่อนคนนึงของเขา เขาจะระบายและคอยบอกปัญหาตลอด เขาจะไม่มีความลับกับคุณ มีปัญหาอะไรคุณคุยกับเขาดีๆนะ อย่าใช้กำลังมาระบายที่พวกเขาเลย
เพราะคุณอาจะไม่รู้ว่า วันไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าลูกของคุณ.....และคุณอาจะไม่รู้ว่าตัวคุณเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกคุณเป็นโรคซึมเศร้า และกำลังจะฆ่าตัวตาย.....
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน ถ้าฉันยังมีสติอยู่ อาจจะมีกระทู้ต่อไปและอาจจะกลับมาตอบคอมเม้นทุกๆคน
รักลูกของคุณเข้าใจลูกของคุณให้มากๆนะคะ อย่าทำให้เค้ารู้สึกว่าไร้ค่าและโดดเดี่ยวอีกเลย
อยากจะฝากถึงพ่อเเม่หลายๆคน ที่อาจจะเป็นตัวต้นเหตุของโรคซึมเศร้า เเละการฆ่าตัวตายของลูกตัวเอง (ระบาย)
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อปีใหม่ เกิดวันที 1 มกราคม พ.ศ. 2546 ฉันอายุ 17 ในตอนนี้ฉันยังเป็นนักศึกษา
ฉันเริ่มรู้สึกถึงการเริ่มทำร้ายร่างกายตัวเองตั้งแต่ ม.2 คงเป็นเพราะฉันโดนพ่อตบหน้า จมูกแตกเลือดไหลและเขาที่ยืนมองฉันด้วยความแค้น ที่บ้านหลังใหม่ของเรา
พ่อกับแม่ฉันทะเลาะวิวาทกันตั้งแต่ฉันจำความได้ คือ ป.6 และไล่พ่อฉันออกจากบ้านตอนฉันกำลังใกล้จะจบ ป.6 และมีการฟ้องใบหย่าเกิดขึ้นเพื่อที่จะเอาตัวฉันไปจากพ่อ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันฉันถึงได้เลือกที่จะอยู่กับพ่อฉัน จนกระทั่งมันเหมือนตกนรกทั้งเป็น ในช่วง ม. 2 นั่นฉันเริ่มมีอารมณ์หัวรุนแรงขึ้น ฉันพูดคำหยาบ เพราะพ่อก็พูดใส่ฉัน และด่ากรอกหูฉันเกี่ยวกับแม่ฉันขึ้นทุกๆวัน เค้าเริ่มทำลายข้าวของในบ้านไปทีละนิด ทีละนิด และทำร้ายร่างกายฉันมาตลอดมา รวมไปถึงสภาพจิตใจฉันด้วย ฉันมักจะโดนจิกหัว และทุบตี ฉันไม่ค่อยไปหาแม่บ่อยนัก คงเป็นเพราะว่าฉันไม่สนิทกับแม่ พูดตามตรงก็คือ ฉันไม่สนิทกับใครในครอบครัวเลยค่ะ เหมือนการกระทำของครอบครัวที่แตกแยกตอนนี้ จะทำให้ฉันเริ่มกลายเป็นปีศาจเลยค่ะ ฉันเริ่มทำร้ายตัวเอง ฉันเริ่มคว้าแก้วมาทุบและกรีดตัวเองทุกครั้งที่ฉัน มีปากเสียง และทะเลาะกับเขา ฉันคิดว่าที่พึ่งสุดท้ายของฉันคือ พี่สาวฉัน ที่อายุห่างกัน 9 ปี เขาเปรียบเสมือนเพื่อนของฉัน ฉันมักจะใช้เวลาช่วงปิดเทอม เพื่อไปหาเขาที่สุราษตลอด จนกระทั่งทุกๆอย่างเริ่มแย่ลง พี่สาวฉันท้อง ตอนฉันกำลังจะขึ้น ม.3 ทุกอย่างในชีวิตของฉันเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ตั้งแต่จำความได้ ตั่งแต่ออกมาจากบ้านแม่ฉันไม่ค่อยกลับไปบ้านหลังนั้นเพื่อไปหาแม่บ่อยๆอีกเลย ฉันแค่รู้สึกไม่ชิน เมื่อฉันใกล้กำลังจะจบ ม.3 สิ่งแรกที่ฉันคิดก็คือ ฉันต้องออกไปจากที่นี่ให้ใกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อย่างนั้น คงมีซักวันที่ฉันจะต้องคิดสั้นฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน และนั่นจึงได้มีการรบเร้าเกิดขึ้น ฉันอยากออกจากบ้านหลังนี้ และมีการถกเถียงเกี่ยวกับการ หาที่เรียน ต่อ ม.4 ของฉัน ซึ่งฉันต้องการอยู่คนเดียว ฉันอยากออกไปอยู่คนเดียว จึงได้มีการออกไปเรียนต่างจังวัด ฉันเลือกเรียนที่นนทบุรี ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง กว่าจะได้มาเรียนฉันก็เสียเลือดเสียเนื้อไปเยอะบ้างพอสมควรเหมือนกัน สาเหตุเพราะ พวกเขาจะไม่ให้ฉันมา ฉันจึงได้ทำร้ายร่างกายตัวเองอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาปล่อยฉันไปซะที ฉันอึดอัดกับครอบครัวเฮ็งซวยนี่จะตายอยู่แล้ว ทำไมฉันถึงกล้าพูดเหรอค่ะ ว่าครอบครัวฉันมันเฮ็งซวย........
ฉันโตมาด้วยการเลียงดูแบบผิดๆถูกๆ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นอย่างั้น ฉันถูกตามใจ ฉันเกิดมาดีกว่าทุกคน พ่อแม่ฉันรักกกัน อบอุ่น ฉันมีทุกคนที่คอยห่วงใยฉัน ฉันเปรียบเสหมือนเป็นคนพิเศษของใครหลายๆคนเลย จนกระทั่งทุกๆอย่างค่อยๆหายไป มันเป็นเหมือนภาพลวงตา ยิ่งโตขึ้นยิ่งไม่สนุกเลย...ฉันไม่อยากโตแล้วละสิฉันอยากหยุดทุกอย่างไว้ตรงนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันไม่มีที่พึ่งฉันพูดกับใครไม่ได้ว่าฉันเป็นอะไร เขาหาว่าฉันบ้า ฉันเรียกร้องควาสนใจ พ่อแม่ของฉันค่อนข้างจะหัวโบราณ ไม่รับฟัง ฟังแต่ไม่สนใจ ไม่เคยถามไถ่ สบายดีมั้ยเรียนเป็นยังไง ช่วงเวลานั้นฉันคิดเพียงแค่ว่า พวกเขาคงไม่มีเวลา และไม่ว่าง
แต่สุดท้ายฉันก็คิดได้ว่า ฉันอาจจะเกิดมาด้วยความไม่ตั้งใจของพวกเขารึป่าว ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ตอนนี้ฉันเริ่มมีอาการสงสัย และเริ่มรู้สึกกับตัวเองว่า ฉันเป็นโรค “ซึมเศร้ารึป่าว’’
ทุกๆครั้งที่ฉันมีการเครียด หรือโดนทำร้ายจากคำพูดที่มันบาดลึกลงไปในหัวใจฉัน ฉันมักจะพยายามคิดสั้น ฉันมักจะทำร้ายร่างกายตัวเองบ่อยๆ โดยที่แม่ฉันไม่เคยรู้จนมาถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยบอกเขาแม่แต่ครั้งเดียว แต่พ่อฉันรู้ และพูดว่าฉันมันแค่บ้า ไร้สาระ ทำตัวน่าสมเพชไปวันๆ ฉันเริ่มทุบตัวเอง ขอแค่ทำยับไงก็ได้ ให้ฉันได้เห็นเลือดตัวเอง แค่ฉันได้ระบายอารมณ์กับตัวเอง มากกว่าสิ่งของเหมือนที่พ่อฉันทำ... ฉันไม่รู้สึกโง่หรอก ฉันรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เห็นฉันเจ็บปวดจากการกรีดข้อมือ คงคล้ายๆกับที่พ่อของฉันสบายใจเมื่อได้ทำร้ายฉันหรือทำลายข้าวของต่างๆเพื่อระบายอารมณ์
ตอนนี้ร่างกายของฉันเต็มไปด้วยบาดแผลต่างๆ อาจจะมีจางหายไปบ้างตามการเวลา แต่ก็ไม่มีวันหาย
บาดแผลของฉันและอาการของฉันมักจะเกิดทุกครั้งในช่วงเวลาที่ฉันอยู่บ้าน หรือกลับมาบ้านเพื่อเจอครอบครัว
ถ้าพูดถึงเรื่อโรคซึมเศร้า คงเป็นการกลัวการอยู่คนเดียว คงเป็นการที่ต้องคอยให้ครอบครัวคอยรักษา มันคงเป็นแบบนั้น แต่กับตัวฉันแล้วมันคงต่างกันออกไป ฉันเริ่มคิดที่จะอยากอยู่คนเดียว ฉันไม่อยากมีพวกเขา พวกเขาคอยเอาแต่จะทำร้ายฉัน ฉันไม่ต้องการมีพ่อแม่ พวกเขาไม่ใช่ที่พึ่งสำหรับฉัน ฉันไม่ต้องการอยู่ร่วมกับเขา อาการของฉันมักจะเกิดขึ้นทุกๆครั้ง ที่ต้องมาอยู่รวมด้วยกับพ่อ
ณ ตอนนี้ฉันต้องการกลับไปเรียนมากๆ ฉันอยากอยู่คนเดียว ฉันต้องยอมรับเลยว่าตอนฉันได้ออกไปเรียนใกลบ้านของฉันเป็นครั้งแรกนั้น ฉันมีความสุขมากๆ ฉันได้ออกไปที่ใหม่ๆ เหมือนฉันได้ออกจากนรกเลยละ หลายๆคนคงพูดว่า ไม่มีที่ไหนสบายใจเท่าบ้านแล้วละ..มันก็จริงอยู่หรอกแต่มันคงไม่ใช่สำหรับฉัน ครอบครัว ณ ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่เซฟโซนของฉัน เพราะกลับมาทีไร อาการของฉันก็มักจะกำเริบขึ้นตลอดเวลาเลย 😊
07/05/63 เวลา 18:16pm
นับตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ที่ฉันได้กลับบ้านมาด้วยสถาณการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในตอนนี้ สภาพฉันตอนนี้ค่อนค่างจะอึดอัดมากๆ กับการที่ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเป็นเวลาก็คงจะประมาน 2-3 เดือน ฉันต้องกลับมาอยู่กับพ่อ ซึ่งเขาอาจจะเป็นสาเหตุที่ฉันต้องกลายเป็นเด็กที่ผิดปกติด้านอารมณ์ ตอนนี้ฉันได้มีปากเสียงกับเขา เขาไม่เคยพูดกับฉันดีๆซักคำเลย มีแต่คำพูดกระแทกและเหมือนเกลียดฉันตลอดเวลา
และวันนี้เวลา 16:45pm ก่อนหน้านี้ ฉันได้มีปากเสียงกับเขา ฉันได้กลับมาลงมือทำร้ายตัวเองอีกครั้ง โดยการนำเศษกระจกที่ฉันได้แอบทุบมันเอาไว้และซ่อนไว้ในหมวกสีแดงไว้เมื่อวาน ใช่ เมื่อวานก็เป็นอีกครั้งที่ฉันแอบกรีดข้อมือตัวเองไม่ให้เขารู้ และวันนี้ฉันก็ลงมือทำมันอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหมือนสภาวะคนที่อยากจะตายอีกเรื่อยๆ ในหัวฉันที่กำลังคิดจะกินยาเกินขนาดเพื่อที่ฉันจะได้จบๆชีวิตของฉันไป หรือเพียงแค่ฉันต้องการทรมารตัวเอง ตอนนี้ 18:23 ฉันเองที่กำลังนั่งเขียนบันทึกนี้ไว้ ฉันกำลังลังเลที่คิดว่าจะกินยานี่เขาไปดีหรือไม่ และคราบเลือดที่แห้งติดมือฉันเองยังคงอยู่ แต่ฉันอาจจะยังคงไม่คิดสั้นถึงขนาดฆ่าตัวตายหรอก คงไม่
ที่เขียนมาฉันอยากจะให้ใครหลายๆคนที่กำลังสอนลูก พวกคุณรับฟังเขานะ รักพวกเขา เข้าพวกเขาให้มากนะ เพราะถ้าคุณเข้าใจพวกเขาจริงๆ เค้าจะมองคุณเหมือนเพื่อนคนนึงของเขา เขาจะระบายและคอยบอกปัญหาตลอด เขาจะไม่มีความลับกับคุณ มีปัญหาอะไรคุณคุยกับเขาดีๆนะ อย่าใช้กำลังมาระบายที่พวกเขาเลย
เพราะคุณอาจะไม่รู้ว่า วันไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าลูกของคุณ.....และคุณอาจะไม่รู้ว่าตัวคุณเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกคุณเป็นโรคซึมเศร้า และกำลังจะฆ่าตัวตาย.....
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน ถ้าฉันยังมีสติอยู่ อาจจะมีกระทู้ต่อไปและอาจจะกลับมาตอบคอมเม้นทุกๆคน
รักลูกของคุณเข้าใจลูกของคุณให้มากๆนะคะ อย่าทำให้เค้ารู้สึกว่าไร้ค่าและโดดเดี่ยวอีกเลย