ใครเคยมีประสบการณ์เป็นลูกที่น่าผิดหวังบ้าง และมีวิธีเยียวยาใจของเราอย่างไร แนะนำทีค่ะ...
สำหรับเรา 4 ปี ก็ยังเสียใจซ้ำๆมันวนไปมาเหมือนคนเป็นไบโพลาร์ เราขอเล่าสั้นๆ คือ ที่บ้านเรารับราชการกัน เราเป็นรุ่นที่3 ก็มีบางคนที่ไม่ได้ทำราชการ คือเรียนไม่จบ เป็นชาวนา เป็นกรรมกรใช้เเรงงาน
และเเน่นอนว่าแม่เรา ที่เป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยว เค้าคาดหวังสูง เพราะเราคือหลานคนเเรกคนเเรกที่เรียนเก่งแลัพร้อมทุกด้าน ตาเราก็รักเรามากๆ
แต่เราไม่สามารถทำงานต่อได้ เพราะปัญหาสุขภาพ เราลาออกแบบกะทันหันตอนที่กำลังจะได้ ซี 5 และไม่เคยบอกแม่ตั้งแต่ปี 54 (เราเป็นพยาชาลวิชาชีพนะคะ)
ต่อมาเราสู้ ลุย ตามฝันที่จะได้ทำงานที่รัก นั้นคือขายออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น อีเบย์ อะเมซอน อีบุ้ค ขายในประเทศ ต่างๆ เราทำมาหมด จนเราได้เงินก้อนหนึ่ง เราเลยตัดสินใจบอกความลับนี้กับเเม่ เพราะคิดว่าเราดูแลตัวเองได้แล้ว เราหาเงินได้เยอะกว่าทำงานเดิม แม่น่าจะเข้าใจ
ที่สามารถปิดได้นานมาก เพราะอยู่คนละที่ งานปกติเราก็ไม่ค่อยว่าอยู่เเล้ว ขึ้นเวรวนๆไป
แต่ว่านับแต่วินาทีนั้น ปี 58 จนถึงวันนี้...ไม่มีวันใหนที่น้ำตาไม่ตกใน ทุกคำพูด ทั้งที่ตั้งใจและออกมาแบบอัตโนมัติของแม่ คือเค้ามองเราว่าเป็นคนไร้ความสามารถ ทุกอย่างคือ จบลงที่บอกเราไปเรียนต่อโท ต่อเอก สมัครเป็นอาจารย์ จะได้เกษียณตอนอายุ 60 อย่างมีความสุข
เเม่เรามีพร้อมทั้งรถบ้าน ที่ดิน เค้าจึงไม่เคยเรียกร้องเงินจากเรา และน้องชาย และเเมัว่าถ้าเราหาเงินได้เดือนละ หลายล้าน ตั้งบ.มหาชน เราก็ยังจะได้ยินคำว่าล้มละลายจากเขาอยู่ดี ทุกสิ่งที่เราทำไม่เคยมีอะไรดี เข้าท่าเลยสักอย่าง
แต่ในช่วงที่เราทำงานพยาบาลอยู่นั้น เราเคยเงินไม่พอใช้ ขอแม่บ่อยมาก ครั้งละ 1500-3000 เค้าก็ไม่ตำหนิอะไเรานักหนา
แต่มาตอนนี้ เราเหมือนเหลือเเต่วิญญาณ ไม่เคยมีอะไรดีๆสักอย่าง
เราควรจะทำอย่างไรดี...ในเฮือกสุดท้ายนี้
จะจัดการความผิดหวังจากการเป็นลูกที่ไม่ดีได้อย่างไรคะ?
สำหรับเรา 4 ปี ก็ยังเสียใจซ้ำๆมันวนไปมาเหมือนคนเป็นไบโพลาร์ เราขอเล่าสั้นๆ คือ ที่บ้านเรารับราชการกัน เราเป็นรุ่นที่3 ก็มีบางคนที่ไม่ได้ทำราชการ คือเรียนไม่จบ เป็นชาวนา เป็นกรรมกรใช้เเรงงาน
และเเน่นอนว่าแม่เรา ที่เป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยว เค้าคาดหวังสูง เพราะเราคือหลานคนเเรกคนเเรกที่เรียนเก่งแลัพร้อมทุกด้าน ตาเราก็รักเรามากๆ
แต่เราไม่สามารถทำงานต่อได้ เพราะปัญหาสุขภาพ เราลาออกแบบกะทันหันตอนที่กำลังจะได้ ซี 5 และไม่เคยบอกแม่ตั้งแต่ปี 54 (เราเป็นพยาชาลวิชาชีพนะคะ)
ต่อมาเราสู้ ลุย ตามฝันที่จะได้ทำงานที่รัก นั้นคือขายออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น อีเบย์ อะเมซอน อีบุ้ค ขายในประเทศ ต่างๆ เราทำมาหมด จนเราได้เงินก้อนหนึ่ง เราเลยตัดสินใจบอกความลับนี้กับเเม่ เพราะคิดว่าเราดูแลตัวเองได้แล้ว เราหาเงินได้เยอะกว่าทำงานเดิม แม่น่าจะเข้าใจ
ที่สามารถปิดได้นานมาก เพราะอยู่คนละที่ งานปกติเราก็ไม่ค่อยว่าอยู่เเล้ว ขึ้นเวรวนๆไป
แต่ว่านับแต่วินาทีนั้น ปี 58 จนถึงวันนี้...ไม่มีวันใหนที่น้ำตาไม่ตกใน ทุกคำพูด ทั้งที่ตั้งใจและออกมาแบบอัตโนมัติของแม่ คือเค้ามองเราว่าเป็นคนไร้ความสามารถ ทุกอย่างคือ จบลงที่บอกเราไปเรียนต่อโท ต่อเอก สมัครเป็นอาจารย์ จะได้เกษียณตอนอายุ 60 อย่างมีความสุข
เเม่เรามีพร้อมทั้งรถบ้าน ที่ดิน เค้าจึงไม่เคยเรียกร้องเงินจากเรา และน้องชาย และเเมัว่าถ้าเราหาเงินได้เดือนละ หลายล้าน ตั้งบ.มหาชน เราก็ยังจะได้ยินคำว่าล้มละลายจากเขาอยู่ดี ทุกสิ่งที่เราทำไม่เคยมีอะไรดี เข้าท่าเลยสักอย่าง
แต่ในช่วงที่เราทำงานพยาบาลอยู่นั้น เราเคยเงินไม่พอใช้ ขอแม่บ่อยมาก ครั้งละ 1500-3000 เค้าก็ไม่ตำหนิอะไเรานักหนา
แต่มาตอนนี้ เราเหมือนเหลือเเต่วิญญาณ ไม่เคยมีอะไรดีๆสักอย่าง
เราควรจะทำอย่างไรดี...ในเฮือกสุดท้ายนี้