Nintendo64 หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า N64(เอ็นหกสี่) ถูกพัฒนาในฐานะเครื่องเกมรุ่นถัดไปที่จะมาแทน Super Nintendo (SNES) รวมถึงเป็นเครื่องมือต่อสู้กับคู่แข่งทางธุรกิจอย่าง SEGA รวมถึง Sony อดีตพาร์เนอร์และคู่แข่งหน้าใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดเครื่องเกมคอนโซล เป้าหมายคือรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ในส่วนแบ่งตลาดเครื่องเกมคอนโซล
จุดเริ่มต้นของ N64 เกิดขึ้นในปี 1993 หลังจากที่ดีลระหว่างบริษัท SGI กับ SEGA ในการนำชุดชิปกราฟฟิกของ SGI ไปใช้กับ Sega Saturn นั้นถูกปัดตกไป ทาง SGI ก็เริ่มมองหาคู่ค้าใหม่แทน SEGA ซึ่งไม่ทราบว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น มีบางแหล่งข้อมูลว่าไว้ว่าเพราะ Nintendo เห็นต่างกับ SEGA ในเรื่องชิปกราฟฟิกของ SGI ที่ SEGA มองว่าไม่เหมาะที่จะใช้ (ไม่ว่าจะเป็นมุมมองแบบอคติหรือด้วยข้อเท็จจริงก็ตาม) ในที่สุดผู้ก่อตั้งบริษัท SGI ก็ได้พบกับ Nintendo CEO สาขาแม่ที่ญี่ปุ่นเมื่อต้นปี 1993 และได้ตกลงที่จะใช้ชุดชิปกราฟฟิกของ SGI กับเครื่องเกมรุ่นถัดไปของ Nintendo จุดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาเครื่องเกม N64 โดยในตอนแรกนั้นโครงการใช้ชื่อว่า Project Reality เริ่มต้นโครงการเมื่อเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน
แนวทางการพัฒนา N64 นั้นจะพัฒนาบน CPU ซีรีย์ 4200 ของ MIPS Computer Systems (ปัจจุบันคือ MIPS Technologies) ที่พัฒนาบนสถาปัตยกรรม RISC รากฐานของสถาปัตยกรรม ARM ซึ่งต่อมาถูกใช้อย่างแพร่หลายในการสร้างชิปประมวลผลของอุปกรณ์มือถือต่าง ๆ ในปัจจุบัน โดยทำงานควบคู่กับ Reality Coprocessor(RCP) ชิปกราฟฟิกควบชิปเสียงที่ SGI และ Nintendo พัฒนาร่วมกันบนสถาปัตยกรรม RISC เวอร์ชั่นของ MIPS หรือพูดอีกอย่างว่าทั้ง CPU และ RCP ใช้สถาปัตยกรรมแบบเดียวกัน จากนั้นก็ออกแบบให้ขนาดของระบบเล็กและต้นทุนการผลิตต่ำพอที่จะผลิตจำนวนมากได้
ในส่วน CPU ของ N64 มีจุดน่าสนใจตรงที่ ทั้ง ps และ N64 ต่างก็ใช้ CPU ของ MIPS เช่นเดียวกันโดย ps ใช้ซีรีย์ 3000 ซึ่งผลิตโดย LSI Corporation ที่ไปซื้อ licensed จาก SGI มาผลิต ส่วน CPU ของ N64 ผลิตโดย NEC ที่ไปซื้อ licensed จาก SGI มาเช่นกัน
ในตอนเริ่มต้นโครงการนั้น การทดสอบและพัฒนาเกมจะทำบน SGI Onyx Super computer ขนาดใหญ่ รูปร่างประมาณกล่องสี่เหลี่ยมที่สูง 187cm กว้าง 76cm ลึก 172cm ราคาขายของเครื่องในตอนนั้นอยู่ที่ 1 แสนถึง 2 แสน 5 หมื่นเหรียญ
เทียบเป็นค่าเงินในปัจจุบันจะได้ราคากลม ๆ ที่ 431,000 USD
นี่ยังไม่รวมค่ากราฟฟิกบอร์ด RealityEngine2 ที่ราคาขายสมัยนั้นอยู่ที่ 5 หมื่นเหรียญอีกด้วย
ต่อมาเมื่อ Hardware ของ N64 มีการกำหนดสเปกลงตัวแล้วประมาณปี 1995 การทดสอบและพัฒนาเกมจึงย้ายไปทำบน SGI Indy workstation ที่ขนาดเล็กและราคาถูกกว่ามากโดยติดตั้ง console simulation board เพิ่มลงไป
ชื่อการตลาดของเครื่องนั้น ในตอนแรกมีแผนว่าจะใช้ชื่อ "Ultra Famicom" ที่ญี่ปุ่นและ "Nintendo Ultra 64" ในตลาดต่างประเทศแต่ต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ “Nintendo 64” เป็นชื่อเดียวกันทั่วโลกตามข้อเสนอของ Shigesato Itoi ผู้สร้าง
เกมซีรีย์ Mother หรือในอีกชื่อว่า Earthbound(ชื่อเกมในตลาดอเมริกา) ซึ่งต่อมาถูกเรียกในกลุ่มผู้เล่นด้วยชื่อสั้น ๆ ว่า “N64”
มีการเปิดเผยต้นแบบของ N64 ครั้งแรกเมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี 1994 โดยตอนนั้นตัวเครื่องใช้ชื่อและโลโก้ว่า "Nintendo Ultra 64” จุดที่น่าสนใจในการโชว์ต้นแบบนั้นมีการโชว์ให้เห็นว่า Nintendo ยังคงใช้สื่อบรรจุเกมแบบตลับอยู่และยังไม่มีการโชว์จอยคอนโทรลของเครื่อง โดยมีการให้ข่าวว่าตัวเครื่องจะวางจำหน่ายในช่วงคริสมาสปี 1995 และจะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก
แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 1995 Nintendo ได้ออกมาประกาศเลื่อนการวางจำหน่าย "Nintendo Ultra 64” ไปเป็นช่วงเดือนเมษายน 1996 เพื่อเลี้ยงกระแสสื่อ สร้างความมั่นใจและความต้องการซื้อ จึงมีการนำเครื่อง Working Prototype หรือเครื่องต้นแบบที่เล่นเกมได้แล้วมาเปิดตัวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 1995 พร้อมชื่อการตลาดใหม่ “Nintendo 64” ที่งาน Shoshinkai trade show และได้รับความสนใจอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนที่ฝ่าอากาศหนาวมาดูกันจนแน่นงาน
โดยสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของ N64 คือจอยคอนโทรลแบบสามง้ามที่มีการเอาแกนอนาล็อกมาติดตั้งลงตรงกลางของจอย
ซึ่งต่อมาแนวคิดนี้ได้รับการยอมรับจากบริษัทผู้สร้างเครื่องเกมคอนโซลต่าง ๆ และนำไอเดียนี้ไปปรับใช้กับจอยคอนโทรลของตนจนแกนอนาล็อกกล้ายเป็นสิ่งที่ทุกจอยต้องมีจนถึงปัจจุบัน
แต่สุดท้ายแล้ว N64 ก็ไม่มีการวางขายในเดือนเมษายน 1996 ตามที่ประกาศไว้ โดยต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 1996 Nintendo ได้ออกมาประกาศว่าจะวางจำหน่าย N64 ครั้งแรกในวันที่ 23 มิถุนายน 1996 ที่ญี่ปุ่น ซึ่งคราวนี้ Nintendo ทำได้ตามที่ประกาศไว้ ส่วนตลาดที่อเมริกานั้น วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กันยายน 1996 แบบจำนวนจำกัดและวางจำหน่ายเต็มรูปแบบในวันที่ 29 เดือนและปีเดียวกัน
จากกำหนดการเดิมในช่วงคริสมาส 1995 เลื่อนถึง 2 ครั้งกว่าจะวางจำหน่ายครั้งแรกได้ก็เมื่อมิถุนายน 1996
เกิดอะไรขึ้นกับการพัฒนา N64
to be continued in “Nintendo64: Ultra Famicom” Part 2
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/
บทความตามใจฉัน “Nintendo64: Ultra Famicom” Part 1
จุดเริ่มต้นของ N64 เกิดขึ้นในปี 1993 หลังจากที่ดีลระหว่างบริษัท SGI กับ SEGA ในการนำชุดชิปกราฟฟิกของ SGI ไปใช้กับ Sega Saturn นั้นถูกปัดตกไป ทาง SGI ก็เริ่มมองหาคู่ค้าใหม่แทน SEGA ซึ่งไม่ทราบว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น มีบางแหล่งข้อมูลว่าไว้ว่าเพราะ Nintendo เห็นต่างกับ SEGA ในเรื่องชิปกราฟฟิกของ SGI ที่ SEGA มองว่าไม่เหมาะที่จะใช้ (ไม่ว่าจะเป็นมุมมองแบบอคติหรือด้วยข้อเท็จจริงก็ตาม) ในที่สุดผู้ก่อตั้งบริษัท SGI ก็ได้พบกับ Nintendo CEO สาขาแม่ที่ญี่ปุ่นเมื่อต้นปี 1993 และได้ตกลงที่จะใช้ชุดชิปกราฟฟิกของ SGI กับเครื่องเกมรุ่นถัดไปของ Nintendo จุดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาเครื่องเกม N64 โดยในตอนแรกนั้นโครงการใช้ชื่อว่า Project Reality เริ่มต้นโครงการเมื่อเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน
แนวทางการพัฒนา N64 นั้นจะพัฒนาบน CPU ซีรีย์ 4200 ของ MIPS Computer Systems (ปัจจุบันคือ MIPS Technologies) ที่พัฒนาบนสถาปัตยกรรม RISC รากฐานของสถาปัตยกรรม ARM ซึ่งต่อมาถูกใช้อย่างแพร่หลายในการสร้างชิปประมวลผลของอุปกรณ์มือถือต่าง ๆ ในปัจจุบัน โดยทำงานควบคู่กับ Reality Coprocessor(RCP) ชิปกราฟฟิกควบชิปเสียงที่ SGI และ Nintendo พัฒนาร่วมกันบนสถาปัตยกรรม RISC เวอร์ชั่นของ MIPS หรือพูดอีกอย่างว่าทั้ง CPU และ RCP ใช้สถาปัตยกรรมแบบเดียวกัน จากนั้นก็ออกแบบให้ขนาดของระบบเล็กและต้นทุนการผลิตต่ำพอที่จะผลิตจำนวนมากได้
ในส่วน CPU ของ N64 มีจุดน่าสนใจตรงที่ ทั้ง ps และ N64 ต่างก็ใช้ CPU ของ MIPS เช่นเดียวกันโดย ps ใช้ซีรีย์ 3000 ซึ่งผลิตโดย LSI Corporation ที่ไปซื้อ licensed จาก SGI มาผลิต ส่วน CPU ของ N64 ผลิตโดย NEC ที่ไปซื้อ licensed จาก SGI มาเช่นกัน
ในตอนเริ่มต้นโครงการนั้น การทดสอบและพัฒนาเกมจะทำบน SGI Onyx Super computer ขนาดใหญ่ รูปร่างประมาณกล่องสี่เหลี่ยมที่สูง 187cm กว้าง 76cm ลึก 172cm ราคาขายของเครื่องในตอนนั้นอยู่ที่ 1 แสนถึง 2 แสน 5 หมื่นเหรียญ
เทียบเป็นค่าเงินในปัจจุบันจะได้ราคากลม ๆ ที่ 431,000 USD
นี่ยังไม่รวมค่ากราฟฟิกบอร์ด RealityEngine2 ที่ราคาขายสมัยนั้นอยู่ที่ 5 หมื่นเหรียญอีกด้วย
ต่อมาเมื่อ Hardware ของ N64 มีการกำหนดสเปกลงตัวแล้วประมาณปี 1995 การทดสอบและพัฒนาเกมจึงย้ายไปทำบน SGI Indy workstation ที่ขนาดเล็กและราคาถูกกว่ามากโดยติดตั้ง console simulation board เพิ่มลงไป
ชื่อการตลาดของเครื่องนั้น ในตอนแรกมีแผนว่าจะใช้ชื่อ "Ultra Famicom" ที่ญี่ปุ่นและ "Nintendo Ultra 64" ในตลาดต่างประเทศแต่ต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ “Nintendo 64” เป็นชื่อเดียวกันทั่วโลกตามข้อเสนอของ Shigesato Itoi ผู้สร้าง
เกมซีรีย์ Mother หรือในอีกชื่อว่า Earthbound(ชื่อเกมในตลาดอเมริกา) ซึ่งต่อมาถูกเรียกในกลุ่มผู้เล่นด้วยชื่อสั้น ๆ ว่า “N64”
มีการเปิดเผยต้นแบบของ N64 ครั้งแรกเมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี 1994 โดยตอนนั้นตัวเครื่องใช้ชื่อและโลโก้ว่า "Nintendo Ultra 64” จุดที่น่าสนใจในการโชว์ต้นแบบนั้นมีการโชว์ให้เห็นว่า Nintendo ยังคงใช้สื่อบรรจุเกมแบบตลับอยู่และยังไม่มีการโชว์จอยคอนโทรลของเครื่อง โดยมีการให้ข่าวว่าตัวเครื่องจะวางจำหน่ายในช่วงคริสมาสปี 1995 และจะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก
แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 1995 Nintendo ได้ออกมาประกาศเลื่อนการวางจำหน่าย "Nintendo Ultra 64” ไปเป็นช่วงเดือนเมษายน 1996 เพื่อเลี้ยงกระแสสื่อ สร้างความมั่นใจและความต้องการซื้อ จึงมีการนำเครื่อง Working Prototype หรือเครื่องต้นแบบที่เล่นเกมได้แล้วมาเปิดตัวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 1995 พร้อมชื่อการตลาดใหม่ “Nintendo 64” ที่งาน Shoshinkai trade show และได้รับความสนใจอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนที่ฝ่าอากาศหนาวมาดูกันจนแน่นงาน
โดยสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของ N64 คือจอยคอนโทรลแบบสามง้ามที่มีการเอาแกนอนาล็อกมาติดตั้งลงตรงกลางของจอย
ซึ่งต่อมาแนวคิดนี้ได้รับการยอมรับจากบริษัทผู้สร้างเครื่องเกมคอนโซลต่าง ๆ และนำไอเดียนี้ไปปรับใช้กับจอยคอนโทรลของตนจนแกนอนาล็อกกล้ายเป็นสิ่งที่ทุกจอยต้องมีจนถึงปัจจุบัน
แต่สุดท้ายแล้ว N64 ก็ไม่มีการวางขายในเดือนเมษายน 1996 ตามที่ประกาศไว้ โดยต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 1996 Nintendo ได้ออกมาประกาศว่าจะวางจำหน่าย N64 ครั้งแรกในวันที่ 23 มิถุนายน 1996 ที่ญี่ปุ่น ซึ่งคราวนี้ Nintendo ทำได้ตามที่ประกาศไว้ ส่วนตลาดที่อเมริกานั้น วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กันยายน 1996 แบบจำนวนจำกัดและวางจำหน่ายเต็มรูปแบบในวันที่ 29 เดือนและปีเดียวกัน
จากกำหนดการเดิมในช่วงคริสมาส 1995 เลื่อนถึง 2 ครั้งกว่าจะวางจำหน่ายครั้งแรกได้ก็เมื่อมิถุนายน 1996
เกิดอะไรขึ้นกับการพัฒนา N64
to be continued in “Nintendo64: Ultra Famicom” Part 2
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/