🤵รอยต่อของความมั่งคั่ง

🤵รอยต่อของความมั่งคั่ง
.
ความมั่งคั่งในอดีตของประเทศไทยถูกส่งต่อผ่านบริษัทในตลาดหุ้น ตั้งแต่ ยุคสินค้าเกษตร โรงสีข้าว มายัง โรงงานสิ่งทอ ส่งต่อมากลุ่มสถาบันการเงิน ธนาคาร และส่งต่อมาถึงกลุ่มบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ แต่ในยุคต่อไปล่ะ ความมั่งคั่งจะถูกส่งต่อไปยังบริษัทจดทะเบียนไหน และประเทศไทยจะรักษา GDP ระดับ 15 ล้านล้านบาทไว้ได้อย่างไร ?
.
♟ความมั่งคั่งที่ถูกส่งต่อ ๆ กันมาเป็นร้อย ๆ ปี
ความมั่งคั่งในอดีตของประเทศไทยถูกส่งต่อผ่านบริษัทในตลาดหุ้น ตั้งแต่ ยุคสินค้าเกษตร โรงสีข้าว มายัง โรงงานสิ่งทอ ส่งต่อมากลุ่มสถาบันการเงิน ธนาคาร และส่งต่อมาถึงกลุ่มบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ แต่ในยุคต่อไปล่ะ ความมั่งคั่งจะถูกส่งต่อไปยังบริษัทจดทะเบียนไหน และประเทศไทยจะรักษา GDP ระดับ 15 ล้านล้านบาทไว้ได้อย่างไร ?
.
คำถามข้างต้นถือเป็น “คำถามสำคัญ” ที่ประเทศไทยต้องหาคำตอบ และต้องหาทางออก ... ในยุคปัจจุบัน “ความมั่งคั่งของชาติ” อยู่ในมือบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ อย่าง PTT ที่มีขนาดกิจการใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีขนาดกิจการทะลุ 1 ล้านล้านบาท และเมื่อยุคพลังงานฟอสซิลกำลังจะหดตัว ความมั่งคั่งของประเทศดูเหมือนจะถูกส่งต่อมายัง “อุตสาหกรรมท่องเที่ยว” โดยเราจะเห็นว่า หุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่าง AOT มีขนาดกิจการทะลุ 1 ล้านล้านบาท และใหญ่กว่า PTT ไปแล้ว
.
แล้วในยุคโควิดวิกฤตล่ะ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะ “รับไม้ต่อ” ความมั่งคั่งของประเทศไทยได้หรือไม่ ... คำถามนี้เป็นคำถามหนักหนา และซีเรียส เพราะหากไม่มีอุตสาหกรรมใหม่ ๆ มารับไม้ต่อความมั่งคั่งของประเทศ ใครจะมารับผิดชอบ GDP ของประเทศขนาด 15 ล้านล้านบาท มีอะไรจะมารับประกันได้ว่า GDP ที่ใหญ่ขนาดนี้จะอิ่มตัว และไม่เติบโตแล้ว ?
.
♟อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ความหวังใหม่ จริงหรือไม่ ?
.
หากเรามองย้อนกลับไปในทศวรรษที่ 2010-2020 อุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ในประเทศ ที่เติบโตในทศวรรษที่ผ่านมา ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน การค้าปลีก โรงพยาบาล และการท่องเที่ยว
.
โดยดาวเด่นคงหนีไม่พ้น การท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมามีนักเดินทางท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยหลายสิบกว่าล้านคน ซึ่งหน้าด่านแห่งทศวรรษแห่งการท่องเที่ยวก็คือ “สนามบิน” ที่รับผู้คนนักท่องเที่ยวกว่า 40-60 ล้านคนต่อปี ถือว่ามากมายมหาศาลติดอันดับโลก และทำรายได้เข้าประเทศหลายล้านล้านบาท สร้างงาน สร้างอาชีพมากมายมหาศาล ดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรจะมาหยุดความมั่งคั่ง กระแสแห่งเงินตราจากการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ ?
.
ทว่า ... เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น !! “ไวรัสโควิด” โรคระบาด ทำร้ายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างรุนแรง สายการบิน สนามบิน โรงแรมที่พัก แทบรกร้างว่างเปล่า ? ฤ ... ทศวรรษแห่งการท่องเที่ยวจะสงบจบลงไปแล้ว ??
.
♟อุตสาหกรรมใหม่ แห่งทศวรรษหน้า
.
หากเรามีความเชื่อมั่นว่า “ประเทศไทยต้องได้ไปต่อ” ... ถ้าเรามีความเชื่อแบบนี้ อุตสาหกรรมแห่งทศวรรษหน้าย่อมมีอยู่จริง และอาจกำลังเป็นหน่อเนื้อเชื้อไข เป็น “ต้นกล้าหุ้น” ที่รอคอยให้นักลงทุนเงินล้านแห่งยุค 2020-2030 ได้จับจองเป็นเจ้าของตั้งแต่ต้นยุคต้นสมัยกันเลยทีเดียว
.
คุณสมบัติของอุตสาหกรรมแห่งทศวรรษหน้า จะต้องมีผู้คนมาใช้เป็นจำนวนมาก ... ถ้าเราสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า ... มนุษย์ที่ร่ำรวย และมั่งคั่งที่สุดในโลกก็คือ “เจฟฟ์ เบซอส” เจ้าของ Amazon อุตสาหกรรมค้าขายบนโลกออนไลน์ แม้แต่ผู้ที่รวยที่สุดในมหาประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก อย่างประเทศจีน ... คนที่รวยที่สุด ก็คือ “แจ็คหม่า” แห่งอาลีบาบา ซึ่งก็ค้าขายออนไลน์เช่นกัน
.
จะเห็นว่า ... เงินกำลังเปลี่ยนทิศทางการไหลอย่างไม่หวลกลับไปยังจุดเดิมอีก ... เงินกำลังไหลไปยัง “โลกออนไลน์” และนั่นคือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นจอกแห่งความมั่งคั่งแห่งใหม่ของโลกใบนี้ รวมทั้งประเทศไทย
.
♟โลกออนไลน์กำลังปะทะตรง ๆ ซึ่ง ๆ หน้า
.
สิ่งที่เรากินเราใช้ ในปัจจุบันกว่าครึ่งเราสั่งผ่านโลกออนไลน์ การเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย ทำให้โลกออนไลน์ทวีบทบาท และมีผลกระทบต่อพวกเรามากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะโควิดไวรัส ยิ่งเป็นตัวเร่งชั้นดี หรือเป็น catalyzer ที่ทำให้สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น เงินไหลออกจากออฟไลน์ ไปออนไลน์ และความมั่งคั่งกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง
.
ผมลองคิดเล่น ๆ ว่า ... หากเราสั่งของออนไลน์เดือนละ 1000 บาท ทั้งปีเราจะสั่งของ 12,000 บาท ถ้ามีคนสั่งของแบบนี้ 1 ล้านคน เท่ากับเป็นเงิน 12,000 ล้าน และถ้า 10 ล้านคนจะเป็นเงิน 120,000 ล้าน ถ้า 100 ล้านคน จะเป็นเงิน 1.2 ล้านล้าน !
.
นี่แหละคือสิ่งที่เกิดขึ้น “ตำตา” แต่หลายคนอาจคาดไม่ถึง หรือคนที่คาดคิดเอาไว้แล้ว กำลังเล็งเก็บหุ้นอยู่ ? เพราะเราเป็นนักลงทุน จึงต้องมองไปข้างหน้า การมองตัวเลขปัจจุบัน หรืออัตราส่วนทางการเงิน ก็เหมือนมองกระจกหลัง การเป็นนักลงทุนต้องมองให้ไกล มีวิสัยทัศน์กว้าง แล้วเราจะเห็นภาพใหญ่ หลายครั้งเหตุการณ์เริ่มเกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะกลายเป็นปรากฏการณ์ แต่เราอาจตกอยู่ในภาวะบางอย่างจนมองไม่เห็น หรือเห็นไม่ชัด เราต้องใส่แว่นของนักลงทุน มองไปข้างหน้า เท่านั้น !
.
📚ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ ... การเป็นนักลงทุนเราต้องมองไปข้างหน้า การส่งต่อความมั่งคั่งของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ร่องรอยของความมั่งคั่งแห่งใหม่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์กำลังผุดขึ้นมาในทศวรรษหน้า อยู่ที่เราแล้วว่าจะทำอย่างไร วางกลยุทธ์อย่างไร ไว้ตอนต่อ ๆ ไปมาติดตามกันต่อ ถึงการเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งในทศวรรษต่อไป และสิ่งเหล่านี้จะทำให้ คุณ! กลายเป็นเศรษฐีใหม่อย่างไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไปเลยครับ #นายแว่นลงทุน ☕️
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่