https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877404
23 เมษายน 2563
2,871
เผย “งบแบงก์” ไตรมาสแรก สัดส่วนเอ็นพีแอล พุ่งแตะ 3.5% จากเดิม 2.98% ศูนย์วิเคราะห์ทีเอ็มบี คาดแนวโน้มสิ้นปีส่อแตะ 4% คิดเป็นมูลค่ากว่า 5.6 แสนล้าน ชี้หนี้เสียไตรมาสแรกที่พุ่งยังไม่สะท้อนภาพวิกฤติโควิด เหตุการบันทึกเอ็นพีแอลต้องรอให้เกิน 90 วัน
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหารสูงสุด ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย หรือ TMB Analytics กล่าวว่า หากดูภาพรวม หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในไตรมาสแรกปี 2563 พบว่า เอ็นพีแอลปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 9% มาอยู่ที่ 4.92 แสนล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่เอ็นพีแอลทั้งระบบอยู่เพียง 4.65 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น NPL Ratio อยู่ที่ 3.5 % ซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปีก่อน ที่มีเอ็นพีแอลอยู่เพียง 2.98% เท่านั้น ในภาพรวมจึงถือว่าเอ็นพีแอลปรับตัวขึ้นเร็ว หากเทียบกับสินเชื่อทั้งระบบ ที่เติบโตได้เพียง 2% เท่านั้นในไตรมาสนี้
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ประเมินสถานการณ์ในระยะข้างหน้า คาดว่า เอ็นพีแอล ในปีนี้มีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 4% หรือคิดเป็นมูลค่าเอ็นพีแอลที่ระดับ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายปีก่อน ส่วนผลกระทบจากไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ หรือ "โควิด-19" ยังไม่ได้มีผลกระทบเข้ามาในไตรมาสนี้ แต่จะเริ่มรับรู้ผลกระทบจากวิกฤตนี้ได้ ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ขึ้นไป เพราะกว่าที่ผลกระทบดังกล่าว ที่จะมีผลต่อคุณภาพหนี้ให้ด้อยลงได้ หรือเป็นหนี้เสียต้องเห็นการผิดนัดชำระเกิน 90 วันไปแล้ว ดังนั้นอาจต้องใช้ระยะเวลาสักระยะ ที่จะเห็นผลกระทบดังกล่าวชัดเจน
“เอ็นพีแอลปีนี้ ที่เริ่มออกมา เชื่อว่าอาจไม่ได้สะท้อนคุณภาพสินเชื่อที่เหมือนในอดีต เพราะปัจจุบันมีการพักชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้เยอะ ดังนั้น เอ็นพีแอลบางตัวก็อาจจะยังไม่เกิด เพราะจะถูกไปรวมอยู่ในเสตจ1 ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ จากการช่วยเหลือลูกหนี้ของแบงก์ ส่วนหนี้เสียที่เกิดขึ้น วันนี้เชื่อว่ามาจากผลพวงของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ยังไม่ได้มาจากผลกระทบโควิด-19 เพราะผลกระทบนี้ กว่าจะเห็นเป็นเอ็นพีแอลก็ต้องรอ 90วัน ดังนั้นกว่าจะเห็นเอ็นพีแอลขึ้นจากผลกระทบนี้ ก็ราวต้นไตรมาส4ถึงจะเห็นชัดเจน”
หนี้เสีย’แบงก์ส่อทะลุ5.6แสนล้าน ไตรมาสแรกสัดส่วนพุ่งแตะ 3.5%
23 เมษายน 2563
2,871
เผย “งบแบงก์” ไตรมาสแรก สัดส่วนเอ็นพีแอล พุ่งแตะ 3.5% จากเดิม 2.98% ศูนย์วิเคราะห์ทีเอ็มบี คาดแนวโน้มสิ้นปีส่อแตะ 4% คิดเป็นมูลค่ากว่า 5.6 แสนล้าน ชี้หนี้เสียไตรมาสแรกที่พุ่งยังไม่สะท้อนภาพวิกฤติโควิด เหตุการบันทึกเอ็นพีแอลต้องรอให้เกิน 90 วัน
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหารสูงสุด ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย หรือ TMB Analytics กล่าวว่า หากดูภาพรวม หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในไตรมาสแรกปี 2563 พบว่า เอ็นพีแอลปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 9% มาอยู่ที่ 4.92 แสนล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่เอ็นพีแอลทั้งระบบอยู่เพียง 4.65 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น NPL Ratio อยู่ที่ 3.5 % ซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปีก่อน ที่มีเอ็นพีแอลอยู่เพียง 2.98% เท่านั้น ในภาพรวมจึงถือว่าเอ็นพีแอลปรับตัวขึ้นเร็ว หากเทียบกับสินเชื่อทั้งระบบ ที่เติบโตได้เพียง 2% เท่านั้นในไตรมาสนี้
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ประเมินสถานการณ์ในระยะข้างหน้า คาดว่า เอ็นพีแอล ในปีนี้มีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 4% หรือคิดเป็นมูลค่าเอ็นพีแอลที่ระดับ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายปีก่อน ส่วนผลกระทบจากไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ หรือ "โควิด-19" ยังไม่ได้มีผลกระทบเข้ามาในไตรมาสนี้ แต่จะเริ่มรับรู้ผลกระทบจากวิกฤตนี้ได้ ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ขึ้นไป เพราะกว่าที่ผลกระทบดังกล่าว ที่จะมีผลต่อคุณภาพหนี้ให้ด้อยลงได้ หรือเป็นหนี้เสียต้องเห็นการผิดนัดชำระเกิน 90 วันไปแล้ว ดังนั้นอาจต้องใช้ระยะเวลาสักระยะ ที่จะเห็นผลกระทบดังกล่าวชัดเจน
“เอ็นพีแอลปีนี้ ที่เริ่มออกมา เชื่อว่าอาจไม่ได้สะท้อนคุณภาพสินเชื่อที่เหมือนในอดีต เพราะปัจจุบันมีการพักชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้เยอะ ดังนั้น เอ็นพีแอลบางตัวก็อาจจะยังไม่เกิด เพราะจะถูกไปรวมอยู่ในเสตจ1 ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ จากการช่วยเหลือลูกหนี้ของแบงก์ ส่วนหนี้เสียที่เกิดขึ้น วันนี้เชื่อว่ามาจากผลพวงของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ยังไม่ได้มาจากผลกระทบโควิด-19 เพราะผลกระทบนี้ กว่าจะเห็นเป็นเอ็นพีแอลก็ต้องรอ 90วัน ดังนั้นกว่าจะเห็นเอ็นพีแอลขึ้นจากผลกระทบนี้ ก็ราวต้นไตรมาส4ถึงจะเห็นชัดเจน”