ถึงจุดหนึ่งที่พ่อแม่เราแก่ตัวลง เราจะมองว่าเขาเหมือนเป็นวัตถุหนึ่ง ที่รอวันหมดอายุขัย กันหรือเปล่าครับ

ชีวิตคนชราที่อาศัยอยู่ในบ้าน ที่ปัจจุบันลูกๆ แต่งงาน ไปมีบ้านมีครอบครัวของแต่ละคนข้างนอก ไปทำมาหากินกันเอง ถ้าลูกมาเยี่ยมมาเฝ้าบ้าง ก็คงดีอยู่

มันคงไม่น่ามีภาพจำแบบที่เคยอ่านในหนังสือเรียน บรรยายว่า มีคนรุ่นปู่ย่าตาทวด อยู่ในเรือนเดียวกัน ลูกหลานคอยดูแล ให้คนแก่อบรมบ่มนิสัยเด็ก ให้เป็นคนมีมารยาท อะไรทำนองนี้คงหมดไปแล้วรึเปล่าครับ

พอช่วงโควิด ผมสังเกตว่า ถึงคนจะ work from home แต่จริงๆ ต่างคนก็ต่างมีโลกส่วนตัวของแต่ละคน มันไม่ได้เชื่อมต่อกันแบบสมัยก่อนอีกแล้ว ถ้าบ้านมีห้องซอยได้เยอะก็ต่างคนต่างอยู่ กินข้าวก็ต่างคนต่างกินเมื่อตอนตัวเองรู้สึกหิว ไม่ได้เห็นว่า การกินข้าวพร้อมกันเป็นเรื่องที่ต้องยึดถือไว้เป็นครรลองครอบครัวกันเท่าไหร่

คนที่เกิดมาในสภาวการณ์ที่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว คือเจนรุ่นหลาน ที่น่าจะไม่รู้สึกอะไร กับการที่คนต่างไม่ได้เชื่อมถึงกันอย่างสมัยก่อน ถ้าความรู้สึกต่อผู้สูงอายุที่เป็นญาติผู้ใหญ่จะห่างเหินกัน ไม่ได้เห็นคุณค่าต่อการมาเยี่ยมเยียน ก็คงจะไม่แปลก

ถ้าเปรียบเทียบช่วงอายุกับคนเจนหลานในวัยนี้ ตัวผมเป็นเจนที่โตมาก่อนประมาณ 10 ปี พอจะได้มีความทรงจำตอนที่กินข้าวพร้อมกัน หรือจำได้ว่าพ่อแม่พาไปเยี่ยมคนรุ่นปู่ย่าอยู่บ้าง

ซึ่งพอมาเห็นแบบนี้ มันก็รู้สึกหดหู่อยู่นิดๆ เหมือนกัน จุดหนึ่งเหมือนเราแอบคิดมากไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ คนที่เป็นลูกหลาน ทำเหมือนแค่รอให้ผู้สูงวัยเหล่านี้ค่อยๆ หมดอายุขัยไปเอง คงจัดงานศพ แล้วก็พูดถึงตอนที่พอนึกได้

ผมเคยมานั่งคิดแบบเล่นๆ ว่า หรือเพราะคนแก่เขาแบ่งมรดกให้ลูกกันหมดแล้ว สิ่งที่จะเป็นแรงขับให้ลูกๆ หลานๆ มาเอาใจใส่มันเลยไม่มี ยิ่งถ้าลูกทุกคนต่างมีธุรกิจที่ต้องดู มีคนรุ่นหลานที่ต้องส่งเสียให้เรียนดีๆ จะมาใส่ใจกับคนแก่อะไรอีก

ผมเคยเจอเหตุการณ์นึง ตอนไปนั่งกินร้านอาหาร เป็นวาระที่ทั้งครอบครัวไปฉลองกัน ครอบครัวผมมีย่าเหลือคนเดียว คือทุกอย่างก็ดูปกติดี แต่มันมีจุดนึงที่เราเห็นว่า มันมีภาวะที่ทุกคนต่างตัดขาดกันอยู่ ด้วยช่วงวัย

คนรุ่นลูก (แบบพ่อแม่ผม+ป้าน้าอา) ก็จะคุยแต่เรื่องแวดวงการค้าหรือสังคมที่เขาเจอ ข่าว นินทาชาวบ้าน คนรุ่นหลาน ก็เล่นมือถือ โซเชียล และคนรุ่นที่ถูกมองข้ามนิดๆ คือคนแก่ ซึ่งก็คือ ย่า

ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากโกรธเคืองใครที่อะไรๆ มันเกิดแบบนั้น ไม่ได้อยากโทษมือถือหรือยุคโซเชียล ทั้งหมดมันก็คงเป็นธรรมดา เป็นปรากฏการณ์ของยุคสมัย เป็นสิ่งที่เราเห็นแล้วก็ต้องทำใจ

ถ้าเกิดมีคนมาถามตัวผมว่า แล้วตัวคุณเองดีกว่าคนอื่นเหรอ เห็นแล้วทำอะไรได้ไหม ก็ต้องบอกว่าเปล่าเลย เราก็ทำให้มันเหมือนเก่าไม่ได้ แค่รู้ แค่พยายามให้เราอยู่ในฐานะหลานคนนึงให้ดีหน่อยก็แค่นั้น

เคยคิดไปทางศาสนาอยู่บ้างนะครับ บางครั้งคิดว่า เราทำกรรมดีกับคนแก่ไว้บ้าง ถ้าเกิดมีลูกมีหลานขึ้นมา เขาจะได้เอาใจใส่เรา ไหมนะ? แต่คิดไปคิดมา คงไปคาดหวังอะไรไม่ได้ เดี๋ยวจะวิตกจริต เสียสติไปเสียเปล่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่