สวัสดีครับ ตอนนี้ผมอายุ 29 ปี เริ่มหารายได้เองตั้งแต่อายุ 10 ปี
อยู่จังหวัดนนทบุรี
ปี 2545 ช่วงวัยเด็ก ที่บ้านเปิดร้านขายของชำ เลยหารายได้เพิ่ม นำดอกไม้ไฟมาขายช่วงเทศกาลลอยกระทง และพวกของเล่น
ทำกำไรให้ตัวเองปีละ 20,000-30,000 บาท
ปี 2550 พอเริ่มมีเงินเก็บได้หลักแสน ก็นำเงินไปปล่อยกู้ให้เจ้าของเต็นท์รถ โดยมีทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกัน มีรายได้ต่อเดือน 5,000 บาท
ปี 2552 ได้รับมรดกได้รถกระบะมือสองใช้งานไปแล้ว 5 ปี มา 1 คัน และได้ที่ดิน 200 ตร.ว.ในจังหวัดนนทบุรี หน้ากว้างติดถนน 20 เมตร ลึก 40 เมตร
ปี 2553 เปิดกิจการร้านกาแฟและรับช่วงร้านของชำต่อจากครอบครัว ร้านกาแฟขายไปได้ 1 ปี ก็เลิกกิจการ เนื่องจากได้กำไรน้อยเกินไป ส่วนร้านขายของก็ทำกำไรได้เดือนหนึ่งประมาณ 10,000 บาท
ปี 2554 แต่งงาน มีลูก และเปิดกิจการรับซื้อของเก่าในที่ดินของตัวเอง และได้เริ่มเล่นแชร์ครั้งแรก ปล่อยเงินกู้ ขาดทุนไปเป็น 100,000 บาท แต่ร้านรับซื้อของเก่าไปได้ด้วยดี ทำกำไรได้เดือนละ 15,000-20,000 บาท ช่วงนั้นมีคนงาน 3 คน จนกระทั้งเกิดวิกฤตน้ำท่วมในเดือนตุลาคม ทำให้ต้องหยุดกิจการรับซื้อของเก่าและร้านขายของ ของเสียหายขาดทุนไปหลายหมื่น ต้องพาครอบครัวย้ายไปต่างจังหวัด แล้วญาติภรรยาก็ขายที่นาให้ 4 ไร่ ในราคา 400,000 บาท แต่ตอนนั้นมีเงินเพียง 240,000 บาท เลยจ่ายไปเท่านี้ก่อน แล้วก็ผ่อนภายหลังจนหมดในระยะเวลา 3 ปี
พอน้ำลดก็กลับมาทำกิจการรับซื้อของเก่า แต่ทำคนเดียวไม่จ้างคนอื่น เริ่มซื้อของในราคาที่ถูกและขายแพง ไม่เน้นปริมาณ ก็พออยู่ได้ กำไรเดือนละ 10,000 บาท
ปี 2555 เรียนจบ ป.ตรี และได้ลงทุนใช้เงินเก็บสร้างร้านค้าชั้นเดียว 3 ห้อง ให้คนมาเช่าหมดไป 200,000 บาท ได้ค่าเช่าเดือนละ 12,000 บาท
ปี 2556 เริ่มมีความรู้ในด้านก่อสร้างจากการสร้างร้านค้า เลยมาทำรับเหมาก่อสร้าง งานแรกขาดทุนไป 30,000 กว่าบาท ตั้งแต่นั้นก็รับงานมาเรื่อย ๆ ได้กำไรมาเรื่อย ๆ จนมีเงินเก็บ 100,000 กว่าบาท ก็เลยเลิกกิจการรับซื้อของเก่า นำที่ตรงนั้นมาสร้างบ้านให้ตัวเองอยู่ ตอนแรกตั้งใจจะทำ 2 ชั้น หมดค่าโครงสร้างไป 100,000 บาท ทำสลับกับไปรับเหมางานคนอื่น ๆ
ปี 2557 ทางญาติแฟนโทรมาบอกว่ามีคนจะขายที่ดินทำเลดี 131 ตร.ว.ในราคา 320,000 บาท ตอนนั้นมีเงินเก็บอยู่ 100,000 บาท ก็เลยเอารถที่ได้รับมรดกไปรีไฟแนนซ์ได้เงินออกมา 250,000 บาท ก็พอที่จะซื้อที่ดินแปลงนี้ได้ ส่วนงานรับเหมาก่อสร้างมาได้งานใหญ่ด้วยการแข่งขันราคาเลยรับงานไปในราคาต่ำ ทำให้ทำงานขาดทุนไปหลายหมื่น เคราะซ้ำ จ้างที่จ้างมาทำงานให้ไม่ดี ทำพื้นทรุด โดยเจ้าของบ้านฟ้องร้อง เสียเงินไปอีก 150,000 บาท ขาดทุนย่อยยับ ต้องไปหายืมเงินพ่อและแม่มาจ่าย แต่จังหวะดีไปรับงานรีโนเวทบ้านเก่าได้กำไรมา 300,000 บาท เลยนำเงินส่วนนี้มาสร้างบ้านตัวเองใช้จบและก็เลิกรับเหมาก่อสร้างไปโดยปริยาย
ปี 2558 หลังจากไม่ได้รับงานรับเหมาก่อสร้างแล้ว ก็หันมาเป็นนายหน้าขายฝากที่ดิน ได้ไปเกือบ 1 ปี ได้ค่านายหน้ามา 100,000 บาท ใช้หนี้พ่อและแม่หมด แต่เบื่อมาก อยู่บ้านจนเบื่อ รู้สึกชีวิตไร้ค่ามาก ยังดีมีรายได้จากการเก็บค่าเช่าร้านค้าเดือนละ 12,000 บาท
ปี 2559 เริ่มสมัครงานประจำ ได้ทำงานประจำครั้งแต่ตำแหน่ง ธุรการสนามในไซด์งานก่อสร้าง เงินเดือน 18,500 บาท ทำงานได้ 1 ปี ก็ลาออกเพราะคิดว่าไม่เหมาะกับตัวเอง หลังจากลาออก ทางญาติแฟนก็ขายบ้านให้ในราคา 240,000 บาท ตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเล พร้อมปล่อยเช่าได้เดือนละ 3,000 บาท (ที่ขายถูกเพราะบ้านและที่ดินแปลงนี้มีปัญหาคือ บ้านนั้นไปลุกล้ำที่ดินอีกแปลงหนึ่ง คือคนขายคิดว่าขายเฉพาะที่ดินเปล่าเพราะเข้าใจว่ายังไงก็ต้องรื้อบ้าน) แต่ด้วยที่ผมไปศึกษากฎหมายมาเลยกล้าที่จะซื้อ
ปี 2560 เริ่มงานใหม่ เป็นนายหน้าบ้านมือสอง เงินดือน 15,000 บาท ทำได้ 3 เดือนลาออก เนื่องจากมีบริษัท อสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ใกล้บ้านติดต่อเข้ามา ได้เงินเดือน 18,000 บาท งานค่อยข้างเหมาะสมกับตัวเอง ก็ทำมาเรื่อย ๆผ่านโปรก็ได้เงินเพิ่มเป็น 19,000 บาท ครบปีก็ขึ้นเป็น 21,000 บาท
ปี 2561 จังหวะทางบ้านข้างเคียงที่รุกล้ำ เสนอขายบ้านพร้อมที่ดินที่ติดกันให้ ต่อรองไปมาจบที่ราคา 500,000 บาท จำเป็นต้องซื้อราคานี้เพราะบ้านที่ซื้อมาตอนแรกไปล้ำอยู่ครึ่งหลัง เลยกู้ธนาคารได้เต็มจำนวนมาซื้อ และก็ปล่อยเช่าไปเดือนละ 3,000 บาท
ปี 2562 จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตมนุษย์เงินเดือน หัวหน้างานลาออก ทำให้รับผิดชอบงานทุกอย่าง เงินเดือนปรับ 2 รอบ จนมาจบอยู่ที่ 32,000 บาท ตำแหน่งจากพนักงานธรรมดา เลื่อนมาเป็น ผช.ผจก. และช่วงกลางปีก็นำที่ดินที่ซื้อไว้ปี 2554 มาแบ่งแยกได้ 8 แปลง ขายออกได้ 3 แปลง (ขายเงินผ่อนแปลงละประมาณ 250,000) ได้เงินดาวน์เกือบ 100,000 บาท และได้เงินผ่อนรายเดือน ๆ แปลงละ 5,000 บาท ผ่อนแปลง 4 ปี
ช่วงกลางเดือนตุลาคม 62 ขายที่ดินติดถนน 131 ตร.ว.ที่ซื้อมาตอนแปลง 2557 ได้ราคา 750,000 บาทเงินสด ทำให้มีเงินเก็บเกิน 1 ล้านแรกในชีวิตในอายุ 28 ปี 9 เดือน
แต่มีเงินล้านได้แค่ 3 วัน ก็นำเงินไปซื้อที่ดินในระแวกใกล้เคียงเพิ่ม 1,100,000 บาท ที่ดิน 2-2-30 ไร่ แล้วนำมาแบ่งแยกเพื่อขายทำกำไรต่อในอนาคตต่อไป ถ้าขายหมดจะได้เงินประมาณ 3-4 ล้าน ในระยะเวลา 5 ปี
ปี 2563 ช่วงต้นปี นำเงินไปให้แม่กับยายคนละ 100,000 บาท เพื่อตอบแทนความสำเร็จที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันนี้มีเงินเก็บไม่ถึง 500,000 บาทแล้ว แต่ก็ยังพอมีรายได้ต่อเดือนรวม ๆ กันประมาณ 60,000-70,000 บาท แล้วก็ต้องลุ้นรอขายที่ดินที่ซื้อมาแบ่งขาย ซึ่งสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมไปถึงสถาณการณ์โควิด 19 ทำให้ยิ่งลำบากกว่าจะหาเงิน 1 ล้านบาทกลับเข้ามาอีกครั้ง
ได้หนึ่งล้านแรกอายุเท่าไร ?
อยู่จังหวัดนนทบุรี
ปี 2545 ช่วงวัยเด็ก ที่บ้านเปิดร้านขายของชำ เลยหารายได้เพิ่ม นำดอกไม้ไฟมาขายช่วงเทศกาลลอยกระทง และพวกของเล่น
ทำกำไรให้ตัวเองปีละ 20,000-30,000 บาท
ปี 2550 พอเริ่มมีเงินเก็บได้หลักแสน ก็นำเงินไปปล่อยกู้ให้เจ้าของเต็นท์รถ โดยมีทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกัน มีรายได้ต่อเดือน 5,000 บาท
ปี 2552 ได้รับมรดกได้รถกระบะมือสองใช้งานไปแล้ว 5 ปี มา 1 คัน และได้ที่ดิน 200 ตร.ว.ในจังหวัดนนทบุรี หน้ากว้างติดถนน 20 เมตร ลึก 40 เมตร
ปี 2553 เปิดกิจการร้านกาแฟและรับช่วงร้านของชำต่อจากครอบครัว ร้านกาแฟขายไปได้ 1 ปี ก็เลิกกิจการ เนื่องจากได้กำไรน้อยเกินไป ส่วนร้านขายของก็ทำกำไรได้เดือนหนึ่งประมาณ 10,000 บาท
ปี 2554 แต่งงาน มีลูก และเปิดกิจการรับซื้อของเก่าในที่ดินของตัวเอง และได้เริ่มเล่นแชร์ครั้งแรก ปล่อยเงินกู้ ขาดทุนไปเป็น 100,000 บาท แต่ร้านรับซื้อของเก่าไปได้ด้วยดี ทำกำไรได้เดือนละ 15,000-20,000 บาท ช่วงนั้นมีคนงาน 3 คน จนกระทั้งเกิดวิกฤตน้ำท่วมในเดือนตุลาคม ทำให้ต้องหยุดกิจการรับซื้อของเก่าและร้านขายของ ของเสียหายขาดทุนไปหลายหมื่น ต้องพาครอบครัวย้ายไปต่างจังหวัด แล้วญาติภรรยาก็ขายที่นาให้ 4 ไร่ ในราคา 400,000 บาท แต่ตอนนั้นมีเงินเพียง 240,000 บาท เลยจ่ายไปเท่านี้ก่อน แล้วก็ผ่อนภายหลังจนหมดในระยะเวลา 3 ปี
พอน้ำลดก็กลับมาทำกิจการรับซื้อของเก่า แต่ทำคนเดียวไม่จ้างคนอื่น เริ่มซื้อของในราคาที่ถูกและขายแพง ไม่เน้นปริมาณ ก็พออยู่ได้ กำไรเดือนละ 10,000 บาท
ปี 2555 เรียนจบ ป.ตรี และได้ลงทุนใช้เงินเก็บสร้างร้านค้าชั้นเดียว 3 ห้อง ให้คนมาเช่าหมดไป 200,000 บาท ได้ค่าเช่าเดือนละ 12,000 บาท
ปี 2556 เริ่มมีความรู้ในด้านก่อสร้างจากการสร้างร้านค้า เลยมาทำรับเหมาก่อสร้าง งานแรกขาดทุนไป 30,000 กว่าบาท ตั้งแต่นั้นก็รับงานมาเรื่อย ๆ ได้กำไรมาเรื่อย ๆ จนมีเงินเก็บ 100,000 กว่าบาท ก็เลยเลิกกิจการรับซื้อของเก่า นำที่ตรงนั้นมาสร้างบ้านให้ตัวเองอยู่ ตอนแรกตั้งใจจะทำ 2 ชั้น หมดค่าโครงสร้างไป 100,000 บาท ทำสลับกับไปรับเหมางานคนอื่น ๆ
ปี 2557 ทางญาติแฟนโทรมาบอกว่ามีคนจะขายที่ดินทำเลดี 131 ตร.ว.ในราคา 320,000 บาท ตอนนั้นมีเงินเก็บอยู่ 100,000 บาท ก็เลยเอารถที่ได้รับมรดกไปรีไฟแนนซ์ได้เงินออกมา 250,000 บาท ก็พอที่จะซื้อที่ดินแปลงนี้ได้ ส่วนงานรับเหมาก่อสร้างมาได้งานใหญ่ด้วยการแข่งขันราคาเลยรับงานไปในราคาต่ำ ทำให้ทำงานขาดทุนไปหลายหมื่น เคราะซ้ำ จ้างที่จ้างมาทำงานให้ไม่ดี ทำพื้นทรุด โดยเจ้าของบ้านฟ้องร้อง เสียเงินไปอีก 150,000 บาท ขาดทุนย่อยยับ ต้องไปหายืมเงินพ่อและแม่มาจ่าย แต่จังหวะดีไปรับงานรีโนเวทบ้านเก่าได้กำไรมา 300,000 บาท เลยนำเงินส่วนนี้มาสร้างบ้านตัวเองใช้จบและก็เลิกรับเหมาก่อสร้างไปโดยปริยาย
ปี 2558 หลังจากไม่ได้รับงานรับเหมาก่อสร้างแล้ว ก็หันมาเป็นนายหน้าขายฝากที่ดิน ได้ไปเกือบ 1 ปี ได้ค่านายหน้ามา 100,000 บาท ใช้หนี้พ่อและแม่หมด แต่เบื่อมาก อยู่บ้านจนเบื่อ รู้สึกชีวิตไร้ค่ามาก ยังดีมีรายได้จากการเก็บค่าเช่าร้านค้าเดือนละ 12,000 บาท
ปี 2559 เริ่มสมัครงานประจำ ได้ทำงานประจำครั้งแต่ตำแหน่ง ธุรการสนามในไซด์งานก่อสร้าง เงินเดือน 18,500 บาท ทำงานได้ 1 ปี ก็ลาออกเพราะคิดว่าไม่เหมาะกับตัวเอง หลังจากลาออก ทางญาติแฟนก็ขายบ้านให้ในราคา 240,000 บาท ตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเล พร้อมปล่อยเช่าได้เดือนละ 3,000 บาท (ที่ขายถูกเพราะบ้านและที่ดินแปลงนี้มีปัญหาคือ บ้านนั้นไปลุกล้ำที่ดินอีกแปลงหนึ่ง คือคนขายคิดว่าขายเฉพาะที่ดินเปล่าเพราะเข้าใจว่ายังไงก็ต้องรื้อบ้าน) แต่ด้วยที่ผมไปศึกษากฎหมายมาเลยกล้าที่จะซื้อ
ปี 2560 เริ่มงานใหม่ เป็นนายหน้าบ้านมือสอง เงินดือน 15,000 บาท ทำได้ 3 เดือนลาออก เนื่องจากมีบริษัท อสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ใกล้บ้านติดต่อเข้ามา ได้เงินเดือน 18,000 บาท งานค่อยข้างเหมาะสมกับตัวเอง ก็ทำมาเรื่อย ๆผ่านโปรก็ได้เงินเพิ่มเป็น 19,000 บาท ครบปีก็ขึ้นเป็น 21,000 บาท
ปี 2561 จังหวะทางบ้านข้างเคียงที่รุกล้ำ เสนอขายบ้านพร้อมที่ดินที่ติดกันให้ ต่อรองไปมาจบที่ราคา 500,000 บาท จำเป็นต้องซื้อราคานี้เพราะบ้านที่ซื้อมาตอนแรกไปล้ำอยู่ครึ่งหลัง เลยกู้ธนาคารได้เต็มจำนวนมาซื้อ และก็ปล่อยเช่าไปเดือนละ 3,000 บาท
ปี 2562 จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตมนุษย์เงินเดือน หัวหน้างานลาออก ทำให้รับผิดชอบงานทุกอย่าง เงินเดือนปรับ 2 รอบ จนมาจบอยู่ที่ 32,000 บาท ตำแหน่งจากพนักงานธรรมดา เลื่อนมาเป็น ผช.ผจก. และช่วงกลางปีก็นำที่ดินที่ซื้อไว้ปี 2554 มาแบ่งแยกได้ 8 แปลง ขายออกได้ 3 แปลง (ขายเงินผ่อนแปลงละประมาณ 250,000) ได้เงินดาวน์เกือบ 100,000 บาท และได้เงินผ่อนรายเดือน ๆ แปลงละ 5,000 บาท ผ่อนแปลง 4 ปี
ช่วงกลางเดือนตุลาคม 62 ขายที่ดินติดถนน 131 ตร.ว.ที่ซื้อมาตอนแปลง 2557 ได้ราคา 750,000 บาทเงินสด ทำให้มีเงินเก็บเกิน 1 ล้านแรกในชีวิตในอายุ 28 ปี 9 เดือน
แต่มีเงินล้านได้แค่ 3 วัน ก็นำเงินไปซื้อที่ดินในระแวกใกล้เคียงเพิ่ม 1,100,000 บาท ที่ดิน 2-2-30 ไร่ แล้วนำมาแบ่งแยกเพื่อขายทำกำไรต่อในอนาคตต่อไป ถ้าขายหมดจะได้เงินประมาณ 3-4 ล้าน ในระยะเวลา 5 ปี
ปี 2563 ช่วงต้นปี นำเงินไปให้แม่กับยายคนละ 100,000 บาท เพื่อตอบแทนความสำเร็จที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันนี้มีเงินเก็บไม่ถึง 500,000 บาทแล้ว แต่ก็ยังพอมีรายได้ต่อเดือนรวม ๆ กันประมาณ 60,000-70,000 บาท แล้วก็ต้องลุ้นรอขายที่ดินที่ซื้อมาแบ่งขาย ซึ่งสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมไปถึงสถาณการณ์โควิด 19 ทำให้ยิ่งลำบากกว่าจะหาเงิน 1 ล้านบาทกลับเข้ามาอีกครั้ง