SPRC ราคาดีดขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่น ทันทีที่มีข่าวดีเข้ามาสะกิด เพียงแต่ว่าแนวโน้มที่ดูดีขึ้นมาแค่เล็กน้อย...กลับทำให้นักลงทุนหลายรายกลัวตกรถจนไล่ราคาหุ้นไปไกลเสียแล้ว และนี่คือเหตุผลว่าทำไมราคาหุ้น SPRC อาจไม่ควรซื้อขายในราคาแพงๆแบบนี้!
*** สิ่งที่ผลักดันราคาหุ้นวันนี้ มี(แค่)สองสาเหตุ...
วันนี้ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC กระโดดขึ้นมาทำจุดสูงสุดรอบเช้าที่ 5.15 บาท ก่อนมาปิดตลาดรอบเช้าไปที่ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.39 บาท หรือ 8.37% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นถึง 140.44% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้านี้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาได้ในวันนี้ มีอยู่ 2 สาเหตุเท่านั้น คือ
สาเหตุแรก ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศลดราคาน้ำมันอย่างเป็นทางการ (Official selling price : OSP) ของเดือนพ.ค.สำหรับน้ำมันดิบทุกประเภท เช่น ประกาศ OSP ของ Arab Extra Lt ที่ส่งมอบเอเซียเท่ากับ -7.4 เหรียญต่อบาร์เรล จากระดับ -3.1 เหรียญต่อบาร์เรลในเดือน เม.ษ. ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลงในภูมิภาคจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกลั่นถูกลง และค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นโรงกลั่นอย่าง SPRC
สาเหตุสอง ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยที่ชะลอลง โดยล่าสุด(13 เม.ย. 63) มียอดติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียง 28 ราย ขณะที่รักษาหาย 70 ราย ซึ่งหากตัวเลขยังดีขึ้นตลอดสัปดาห์จะส่งผลดีต่อปริมาณการใช้น้ำมันดิบมากขึ้น จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่น่าจะกลับมาเป็นปกติได้เร็วกว่าคาด
*** สิ่งที่ต้องเจอ หากลงทุน SPRC ไตรมาสแรกขาดทุนสุทธิ 1.5 - 5.5 พันลบ.
ทีนี้มาลองดูกันว่าหากนักลงทุนใจร้อนอยากเข้าไปไล่ราคา SPRC กับเขาบ้าง....จะต้องเจอกับอะไร
จากความเห็นของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุไว้ว่า ผลประกอบการ SPRC ในไตรมาส 1/63 จะขาดทุนสุทธิถึง 1.5 พันล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกจำนวนมาก, ค่าการกลั่น(GRM)แคบลงโดยเฉพาะ JET และ ULG เนื่องจากผลกระทบโควิด-19, การเพิ่มขึ้นของค่าพรีเมียมน้ำมันดิบ และขาดทุน FX
หากไม่รวมรายการขาดทุนสต็อกและรายการพิเศษอื่นๆ พบว่าจะป็น Norm loss (ก่อนภาษี) ในไตรมาสนี้เท่ากับ 1.18 พันล้านบาท
ด้วยแนวโน้มธุรกิจเช่นนี้ คาดว่าผลประกอบการทั้งปี 63 จะขาดทุนสุทธิ 5.5 พันล้านบาท ขณะที่ปี 64 ก็คาดว่าจะฟื้นตัวได้ยากเช่นกัน
ขณะที่ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี มองผลกระทบไว้หนักกว่ามาก โดยคาด SPRC จะขาดทุนสุทธิเฉพาะในไตรมาส 1/63 ไปถึง 5.5 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดการผลิตน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันเบนซินตามความต้องการที่ลดลงทั่วโลก จึงคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นจะอยู่ในระดับต่ำ ที่ 89-90%
*** แต่ฐานะการเงินดี-ไม่มีภาระดอกเบี้ย ซึ่งจำเป็นกับสถานการณ์ตอนนี้
หากจะมองหาข้อดีในหุ้น SPRC ขณะนี้ก็คือฐานะการเงินดีนั่นเอง ซึ่งก็สำคัญเพราะการที่ต้องขาดทุนไปอีก 1 - 2 ปี ในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ถึงขั้นเสียหลัก
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า SPRC ก็มีฐานะการเงินที่ดี แม้ว่าในช่วงนี้อาจจะมีปัญหาขาดทุนจากกระแสเงินสดในการดำเนินงาน แต่ก็ไม่มีหนี้สินระยะยาวที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย มีความสามารถในการกู้ยืมได้อีกมาก ณ สิ้นปี 62 มีสัดส่วนหนี้สินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.22 เท่า รวมทั้งมีบริษัทแม่คือเชฟรอน ที่มีความมั่นคง
บล.ทิสโก้ ระบุว่าแม้ SPRC จะมีกระแสเงินสดเป็นลบ แต่มีความสามารถในการกู้เงินสูงสุด (คาด 500 ล้านดอลลาร์) และไม่มีแผนการลงทุนล่วงหน้า รวมถึงสามารถขอยืดระยะเวลาจ่ายเงินจาก PTT และ Chevron ได้
การเทขายในตลาดหุ้นกู้ทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น แต่เรามองว่าธุรกิจพลังงานเป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดสูงและมีสถาบันการเงินหนุนหลังกับงบดุลที่แข็งแกร่ง ทำให้เรามองว่าในปี 63 ที่ไม่มีการครบอายุของหุ้นกู้นั้นมีความสี่ยงต่ำ แต่ความเสี่ยงสำคัญจะมาจากการปรับความน่าเชื่อถือลง และทำให้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ในอนาคตเพิ่มขึ้น
*** ราคาหุ้นไม่ควรซื้อขายไปสูงกว่านี้แล้ว
แม้นักวิเคราะห์จะเห็นพ้องว่าผลประกอบการปี 63 ของ SPRC จะออกมาย่ำแย่ แต่สวนใหญ่ให้คะแนนไปกับสถานะการเงินที่แข็งแกร่งดังนั้นจึงให้ราคาเหมาะสมไว้ค่อนข้างสูงเฉลี่ยที่ 5.82 บาท สำหรับธุรกิจที่จะขาดทุนสุทธิไปอีก 1 - 2 ปี
คำแนะนำและราคาเหมาะสมหุ้น SPRC
การปรับขึ้นเล็กน้อยของค่าการกลั่นจากประเด็นซาอุฯ ผนวกกับภาวะตลาดที่ขึ้นมาแรงในวันนี้ ก็น่าจะทำให้นักลงทุนหน้ามืดอยากเคาะขวาหุ้น SPRC เพราะกลัวตกรถกันบ้าง ซึ่งหากนักลงทุนรับไม่ได้กับผลประกอบการปีนี้ที่อาจขาดทุนหนัก ก็ควรซื้อขายแบบเก็งกำไรจากประเด็นนี้ก็พอ แต่หากท่านรู้ตัวทุกอย่างก็ต้องยอมรับความเสี่ยงให้ได้!
.
**อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่==>>
http://www.efinancethai.com/HotStocks/HotStockMain.aspx?release=y&id=MXl6ZlhueWh5UFU9
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่
Website :
https://www.efinancethai.com
Facebook :
https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/
Facebook :
https://www.facebook.com/efinanceThai/
lTwitter : @eFinanceThai
IG : @efinancethai_official
line : @efin
SPRC แนวโน้มดูดี แต่ทำไมราคาหุ้นไม่ควรสูงไปกว่านี้!
SPRC ราคาดีดขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่น ทันทีที่มีข่าวดีเข้ามาสะกิด เพียงแต่ว่าแนวโน้มที่ดูดีขึ้นมาแค่เล็กน้อย...กลับทำให้นักลงทุนหลายรายกลัวตกรถจนไล่ราคาหุ้นไปไกลเสียแล้ว และนี่คือเหตุผลว่าทำไมราคาหุ้น SPRC อาจไม่ควรซื้อขายในราคาแพงๆแบบนี้!
*** สิ่งที่ผลักดันราคาหุ้นวันนี้ มี(แค่)สองสาเหตุ...
วันนี้ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC กระโดดขึ้นมาทำจุดสูงสุดรอบเช้าที่ 5.15 บาท ก่อนมาปิดตลาดรอบเช้าไปที่ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.39 บาท หรือ 8.37% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นถึง 140.44% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้านี้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาได้ในวันนี้ มีอยู่ 2 สาเหตุเท่านั้น คือ
สาเหตุแรก ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศลดราคาน้ำมันอย่างเป็นทางการ (Official selling price : OSP) ของเดือนพ.ค.สำหรับน้ำมันดิบทุกประเภท เช่น ประกาศ OSP ของ Arab Extra Lt ที่ส่งมอบเอเซียเท่ากับ -7.4 เหรียญต่อบาร์เรล จากระดับ -3.1 เหรียญต่อบาร์เรลในเดือน เม.ษ. ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลงในภูมิภาคจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกลั่นถูกลง และค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นโรงกลั่นอย่าง SPRC
สาเหตุสอง ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยที่ชะลอลง โดยล่าสุด(13 เม.ย. 63) มียอดติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียง 28 ราย ขณะที่รักษาหาย 70 ราย ซึ่งหากตัวเลขยังดีขึ้นตลอดสัปดาห์จะส่งผลดีต่อปริมาณการใช้น้ำมันดิบมากขึ้น จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่น่าจะกลับมาเป็นปกติได้เร็วกว่าคาด
*** สิ่งที่ต้องเจอ หากลงทุน SPRC ไตรมาสแรกขาดทุนสุทธิ 1.5 - 5.5 พันลบ.
ทีนี้มาลองดูกันว่าหากนักลงทุนใจร้อนอยากเข้าไปไล่ราคา SPRC กับเขาบ้าง....จะต้องเจอกับอะไร
จากความเห็นของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุไว้ว่า ผลประกอบการ SPRC ในไตรมาส 1/63 จะขาดทุนสุทธิถึง 1.5 พันล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกจำนวนมาก, ค่าการกลั่น(GRM)แคบลงโดยเฉพาะ JET และ ULG เนื่องจากผลกระทบโควิด-19, การเพิ่มขึ้นของค่าพรีเมียมน้ำมันดิบ และขาดทุน FX
หากไม่รวมรายการขาดทุนสต็อกและรายการพิเศษอื่นๆ พบว่าจะป็น Norm loss (ก่อนภาษี) ในไตรมาสนี้เท่ากับ 1.18 พันล้านบาท
ด้วยแนวโน้มธุรกิจเช่นนี้ คาดว่าผลประกอบการทั้งปี 63 จะขาดทุนสุทธิ 5.5 พันล้านบาท ขณะที่ปี 64 ก็คาดว่าจะฟื้นตัวได้ยากเช่นกัน
ขณะที่ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี มองผลกระทบไว้หนักกว่ามาก โดยคาด SPRC จะขาดทุนสุทธิเฉพาะในไตรมาส 1/63 ไปถึง 5.5 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดการผลิตน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันเบนซินตามความต้องการที่ลดลงทั่วโลก จึงคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นจะอยู่ในระดับต่ำ ที่ 89-90%
*** แต่ฐานะการเงินดี-ไม่มีภาระดอกเบี้ย ซึ่งจำเป็นกับสถานการณ์ตอนนี้
หากจะมองหาข้อดีในหุ้น SPRC ขณะนี้ก็คือฐานะการเงินดีนั่นเอง ซึ่งก็สำคัญเพราะการที่ต้องขาดทุนไปอีก 1 - 2 ปี ในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ถึงขั้นเสียหลัก
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า SPRC ก็มีฐานะการเงินที่ดี แม้ว่าในช่วงนี้อาจจะมีปัญหาขาดทุนจากกระแสเงินสดในการดำเนินงาน แต่ก็ไม่มีหนี้สินระยะยาวที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย มีความสามารถในการกู้ยืมได้อีกมาก ณ สิ้นปี 62 มีสัดส่วนหนี้สินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.22 เท่า รวมทั้งมีบริษัทแม่คือเชฟรอน ที่มีความมั่นคง
บล.ทิสโก้ ระบุว่าแม้ SPRC จะมีกระแสเงินสดเป็นลบ แต่มีความสามารถในการกู้เงินสูงสุด (คาด 500 ล้านดอลลาร์) และไม่มีแผนการลงทุนล่วงหน้า รวมถึงสามารถขอยืดระยะเวลาจ่ายเงินจาก PTT และ Chevron ได้
การเทขายในตลาดหุ้นกู้ทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น แต่เรามองว่าธุรกิจพลังงานเป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดสูงและมีสถาบันการเงินหนุนหลังกับงบดุลที่แข็งแกร่ง ทำให้เรามองว่าในปี 63 ที่ไม่มีการครบอายุของหุ้นกู้นั้นมีความสี่ยงต่ำ แต่ความเสี่ยงสำคัญจะมาจากการปรับความน่าเชื่อถือลง และทำให้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ในอนาคตเพิ่มขึ้น
*** ราคาหุ้นไม่ควรซื้อขายไปสูงกว่านี้แล้ว
แม้นักวิเคราะห์จะเห็นพ้องว่าผลประกอบการปี 63 ของ SPRC จะออกมาย่ำแย่ แต่สวนใหญ่ให้คะแนนไปกับสถานะการเงินที่แข็งแกร่งดังนั้นจึงให้ราคาเหมาะสมไว้ค่อนข้างสูงเฉลี่ยที่ 5.82 บาท สำหรับธุรกิจที่จะขาดทุนสุทธิไปอีก 1 - 2 ปี
คำแนะนำและราคาเหมาะสมหุ้น SPRC
การปรับขึ้นเล็กน้อยของค่าการกลั่นจากประเด็นซาอุฯ ผนวกกับภาวะตลาดที่ขึ้นมาแรงในวันนี้ ก็น่าจะทำให้นักลงทุนหน้ามืดอยากเคาะขวาหุ้น SPRC เพราะกลัวตกรถกันบ้าง ซึ่งหากนักลงทุนรับไม่ได้กับผลประกอบการปีนี้ที่อาจขาดทุนหนัก ก็ควรซื้อขายแบบเก็งกำไรจากประเด็นนี้ก็พอ แต่หากท่านรู้ตัวทุกอย่างก็ต้องยอมรับความเสี่ยงให้ได้!
.
**อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่==>> http://www.efinancethai.com/HotStocks/HotStockMain.aspx?release=y&id=MXl6ZlhueWh5UFU9
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่
Website : https://www.efinancethai.com
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThai/
lTwitter : @eFinanceThai
IG : @efinancethai_official
line : @efin