ปตท.หืดจับไตรมาส 3 พลิกขาดทุน อ่วมบ.ลูก "ปตท.สผ.-ไทยออยล์" เจ๊ง

กระทู้สนทนา
นักวิเคราะห์ชี้ไตรมาส 3 ปตท.พลิกขาดทุนสูงสุดประวัติการณ์ ติดหล่ม "ปตท.สผ." เจ๊งกระฉูด 4.6 หมื่นล้าน ลาก ปตท.อ่วม 2.9 หมื่นล้าน แถมธุรกิจปิโตรเลียมและโรงกลั่นขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ทำใจไทยออยล์ขาดทุนอีกราย ล้วนกดดันผลงานกลุ่ม ปตท.ต่ำสุดในรอบปีนี้ โบรกฯพาเหรดหั่นคาดการณ์กำไร ปตท.ลดฮวบราว 40% ลุ้นไตรมาส 4 ปีนขึ้นมามีกำไร

นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแนวโน้มผลดำเนินงานของกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) ว่า ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3/58 ของ ปตท.มีโอกาสขาดทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับจากไตรมาส 4/57 ที่มีผลขาดทุน 26,000 ล้านบาท โดยเป็นผลจากบริษัทลูก คือ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) แจ้งไตรมาส 3/57 ขาดทุนกว่า 46,212 ล้านบาท (ปตท.ถือหุ้นใหญ่ PTTEP สัดส่วนประมาณ 64% ของหุ้นทั้งหมด) จะฉุดให้ ปตท.มีผลขาดทุนกว่า 29,000 ล้านบาท ประกอบกับกลุ่มธุรกิจประเภทปิโตรเลียมและโรงกลั่นคาดว่าจะขาดทุนจากการสต๊อกน้ำมัน (stock loss) เช่นกัน

โดยในช่วงที่ผ่านมา ปตท.สผ.มีผลขาดทุนที่เกิดจากการบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ (Impairment Charges) สูงถึง 49,800 ล้านบาท รวมทั้งการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 9,500 ล้านบาท ประกอบกับเป็นช่วงโลซีซั่นของธุรกิจโรงกลั่น เนื่องจากค่าการกลั่นที่ลดลงจากปริมาณการใช้น้อยกว่าไตรมาสอื่น ๆ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในงวดไตรมาส 3/58 อ่อนตัวลงเฉลี่ยที่ระดับ 49.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับตัวลดลงจากราคาเฉลี่ยงวดไตรมาส 2/58 ที่อยู่ระดับ 60-63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และลดต่ำกว่าสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งปีหลังที่เท่ากับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลต่อผู้ดำเนินการธุรกิจปิโตรเลียมและโรงกลั่นของ ปตท.ให้เกิดปัญหา stock loss โดยเฉพาะในส่วนของ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ที่เป็นบริษัทลูกอีกแห่ง ที่น่ามีผลขาดทุนเช่นกัน

ดังนั้น ในงวดไตรมาส 3/58 กลุ่ม ปตท.จะทยอยประกาศผลดำเนินงานออกมา น่าจะต่ำสุดในรอบปีนี้และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวมกว่า 45,660 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทำการปรับลดประมาณการทั้งปีนี้ของ ปตท.ลง หลังจากที่ช่วงครึ่งปีแรก ปตท.มีกำไรแล้วประมาณ 46,329 ล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้กำไรของ ปตท.น่าจะทำได้ประมาณ 45,000-50,000 ล้านบาท ลดลงประมาณ 33,000-28,000 ล้านบาท หรือ 35-40% จากคาดการณ์เดิมที่อยู่ 78,000 ล้านบาท

"แต่ยังเชื่อว่าในงวดไตรมาส 4 นี้ ผลดำเนินงาน ปตท.น่าจะกลับมามีกำไร เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจน้ำมันรวมถึงไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษอีกครั้ง ส่วนราคาหุ้นของ PTTEP นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ก็ได้ปรับลงมากว่า 35% และราคาปัจจุบันต่ำกว่าเมื่อช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551-2552 ทั้งยังต่ำกว่าบุ๊กแวลู (มูลค่าทางบัญชี) ไปแล้ว ซึ่งราคาหุ้นที่มีโอกาสถูกกดดันปรับลดลงมา ก็คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสมหุ้น" นางสาวนลินรัตน์กล่าว

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคเคเทรด คาดการณ์ว่าผลดำเนินงานของกลุ่ม ปตท.ในงวดไตรมาส 3 จะเป็นช่วงต่ำสุดของปีเช่นกัน โดยเฉพาะ ปตท.สผ. ที่รายงานผลขาดทุนหนัก และทำให้งวด 9 เดือน ขาดทุนรวม 36,283 ล้านบาท ส่วน บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดว่าจะขาดทุน 2,300 ล้านบาท แต่ยังมีบริษัทลูกที่ยังมีกำไร คือ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) และ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) คาดจะมีกำไรประมาณ 319 และ 720 ล้านบาทตามลำดับ

"ปัจจุบัน เราอยู่ระหว่างทบทวนราคาหุ้นของกลุ่มนี้อยู่ คาดจะมีการปรับลดบุ๊กแวลูในปีนี้และปีหน้าของ ปตท. ซึ่งจะทำให้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสมในช่วงปี 2558-2559 ปรับตัวลดลง ช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นจุดต่ำสุดของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานแล้ว และปีหน้าผลดำเนินงานน่าจะเป็นเชิงบวกมากขึ้น" นายเบญจพลกล่าว

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1446021149
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่