‘สงวน’ ชี้ รัฐบาลออกมาตรการวิ่งตามปัญหา ถามหากขยายเคอร์ฟิว มีแผนช่วยปชช.หรือไม่?
https://www.matichon.co.th/politics/news_2125884
‘สงวน’ ชี้ รัฐบาลออกมาตรการวิ่งตามปัญหา หากขยายเวลาเคอร์ฟิวมีแผนรองรับช่วยประชาชนหรือไม่
เมื่อวันที่ 6 เมษายน นาย
สงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วทุกภาคของประเทศ ดังนั้นการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินจึงเป็นสิ่งจำเป็น พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับรัฐบาลในการใช้มาตรการเคอร์ฟิว เพื่อจำกัดการเดินทางของประชาชน แม้ผลที่ออกมาจะชี้ชัดว่า ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่า หากยังควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไม่ได้ รัฐบาลจะขยายเวลาในการประกาศเคอร์ฟิวจาก 6 ชั่วโมงเป็น 10 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น แต่เชื่อว่ายังไร้ผล เพราะรัฐยังคงมองไม่เห็นปัญหา ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรถึงจะหยุดการแพร่เชื้อได้ ทั้งนี้เพราะมาตรการรัฐที่ผ่านมา เป็นมาตรการวิ่งตามปัญหาก็จะไม่มีทางสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อร้ายได้
นาย
สงวน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้การบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลเป็นที่จับตามองของประชาชน ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน และหวั่นว่าจะกระทบกับท้องถิ่น บางท้องถิ่นไม่มีงบประมาณดำเนินการในการแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะการจัดหาหน้ากากอนามัยหรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่จะนำไปช่วยชาวบ้าน เพราะเห็นชัดว่า บ้านหนึ่งหลังตามต่างจังหวัดมีหน้ากากอนามัยไม่ครบจำนวนคนที่อยู่ในบ้าน เหตุผลสำคัญที่งบประมาณท้องถิ่นมีไม่เพียงพอในการดูแลประชาชน เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลให้นำงบประมาณท้องถิ่นที่มีไปกระตุ้นเศรษฐกิจหมดแล้ว จึงไม่มีงบประมาณมาบริการประชาชน
“หากรัฐมีมาตรการที่เข้มขึ้นถึงขนาดห้ามออกจากเคหะสถาน 24 ชั่วโมง อยากถามว่า รัฐบาลเตรียมการรับมือในเรื่องนี้หรือไม่ มีงบประมาณในการดูแลประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะการบริการอาหารให้ประชาชนครบ 3 มื้อจะใช้งบประมาณจากไหน รัฐบาลควรมีมาตรการรองรับ และงบประมาณสนับสนุนในการช่วยเหลือประชาชนที่ชัดเจน เพราะมาตรการของรัฐที่ออกมาจะส่งผลกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน” นาย
สงวน กล่าว
“ศิริกัญญา”จี้รัฐทบทวนจัดสรรงบฯ64เสนอแนะ7ข้อ
https://www.innnews.co.th/politics/news_639696/
นางสาว
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึง การจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า
จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในรายละเอียดแล้วนั้น เมื่อได้มาพิจารณาก็พบว่า ไม่ได้มีการเปลี่ยนในการจัดสรรงบประมาณแต่อย่างใด ยังคงเป็นการจัดสรรรูปแบบเดิม ถ้าไม่มีการทบทวนงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2564 ก็จะต้องพบกับปัญหาแบบเดิมๆ ดังนั้น อดีต กมธ.งบประมาณปี 2563 และทีมงานพรรคก้าวไกล จึงมี 7 ข้อเสนอในการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 ดังนี้
1. ต้องจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ เปรียบเหมือนกระเป๋าเดินทางที่ต้องเทของเก่าออกให้หมดก่อนแล้วเริ่มจัดใหม่ เพราะตอนนี้ยังไม่เข้าสู่สถานการณ์ปกติ
2. จัดลำดับความสำคัญใหม่ ควรตั้งเพื่อเป้าหมายความมั่นคงทางด้านสุขภาพและการเยียวยาปากท้องประชาชน
3. ต้องรีดไขมันให้เรียบ งบประมาณไม่จำเป็นต้องเอาออกให้หมด ไม่เว้นแม้แต่ในกระทรวงที่จัดลำดับความสำคัญเป็นพิเศษ
4. เพิ่มงบกลาง เตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนในอนาคต เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย
5. เร่งปฏิรูประบบราชการยามวิกฤต ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนว่ารัฐไทยยังไม่มีความสามารถรับมือกับวิกฤตได้ นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นำไปสู่การปฏิรูปหลายๆ อย่าง
6. ทบทวนสัญญางบผูกพันที่รัฐเคยทำมาก่อน
7. ต้องรอบคอบยิ่งขึ้นในการก่อหนี้ผูกพันใหม่เพราะจากนี้ไป ประเทศยังจำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศให้กลับมาอีกครั้ง
JJNY : สงวนชี้ออกมาตรการวิ่งตามปัญหา/ศิริกัญญาจี้ทบทวนงบฯ64/เด็กปชป.บี้อนุทินเอาผิดลูกพรรค ไม่กักตัว/ชี้โควิดควรจบใน3ด.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2125884
‘สงวน’ ชี้ รัฐบาลออกมาตรการวิ่งตามปัญหา หากขยายเวลาเคอร์ฟิวมีแผนรองรับช่วยประชาชนหรือไม่
เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วทุกภาคของประเทศ ดังนั้นการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินจึงเป็นสิ่งจำเป็น พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับรัฐบาลในการใช้มาตรการเคอร์ฟิว เพื่อจำกัดการเดินทางของประชาชน แม้ผลที่ออกมาจะชี้ชัดว่า ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่า หากยังควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไม่ได้ รัฐบาลจะขยายเวลาในการประกาศเคอร์ฟิวจาก 6 ชั่วโมงเป็น 10 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น แต่เชื่อว่ายังไร้ผล เพราะรัฐยังคงมองไม่เห็นปัญหา ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรถึงจะหยุดการแพร่เชื้อได้ ทั้งนี้เพราะมาตรการรัฐที่ผ่านมา เป็นมาตรการวิ่งตามปัญหาก็จะไม่มีทางสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อร้ายได้
นายสงวน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้การบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลเป็นที่จับตามองของประชาชน ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน และหวั่นว่าจะกระทบกับท้องถิ่น บางท้องถิ่นไม่มีงบประมาณดำเนินการในการแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะการจัดหาหน้ากากอนามัยหรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่จะนำไปช่วยชาวบ้าน เพราะเห็นชัดว่า บ้านหนึ่งหลังตามต่างจังหวัดมีหน้ากากอนามัยไม่ครบจำนวนคนที่อยู่ในบ้าน เหตุผลสำคัญที่งบประมาณท้องถิ่นมีไม่เพียงพอในการดูแลประชาชน เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลให้นำงบประมาณท้องถิ่นที่มีไปกระตุ้นเศรษฐกิจหมดแล้ว จึงไม่มีงบประมาณมาบริการประชาชน
“หากรัฐมีมาตรการที่เข้มขึ้นถึงขนาดห้ามออกจากเคหะสถาน 24 ชั่วโมง อยากถามว่า รัฐบาลเตรียมการรับมือในเรื่องนี้หรือไม่ มีงบประมาณในการดูแลประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะการบริการอาหารให้ประชาชนครบ 3 มื้อจะใช้งบประมาณจากไหน รัฐบาลควรมีมาตรการรองรับ และงบประมาณสนับสนุนในการช่วยเหลือประชาชนที่ชัดเจน เพราะมาตรการของรัฐที่ออกมาจะส่งผลกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน” นายสงวน กล่าว
“ศิริกัญญา”จี้รัฐทบทวนจัดสรรงบฯ64เสนอแนะ7ข้อ
https://www.innnews.co.th/politics/news_639696/
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึง การจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า
จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในรายละเอียดแล้วนั้น เมื่อได้มาพิจารณาก็พบว่า ไม่ได้มีการเปลี่ยนในการจัดสรรงบประมาณแต่อย่างใด ยังคงเป็นการจัดสรรรูปแบบเดิม ถ้าไม่มีการทบทวนงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2564 ก็จะต้องพบกับปัญหาแบบเดิมๆ ดังนั้น อดีต กมธ.งบประมาณปี 2563 และทีมงานพรรคก้าวไกล จึงมี 7 ข้อเสนอในการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 ดังนี้
1. ต้องจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ เปรียบเหมือนกระเป๋าเดินทางที่ต้องเทของเก่าออกให้หมดก่อนแล้วเริ่มจัดใหม่ เพราะตอนนี้ยังไม่เข้าสู่สถานการณ์ปกติ
2. จัดลำดับความสำคัญใหม่ ควรตั้งเพื่อเป้าหมายความมั่นคงทางด้านสุขภาพและการเยียวยาปากท้องประชาชน
3. ต้องรีดไขมันให้เรียบ งบประมาณไม่จำเป็นต้องเอาออกให้หมด ไม่เว้นแม้แต่ในกระทรวงที่จัดลำดับความสำคัญเป็นพิเศษ
4. เพิ่มงบกลาง เตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนในอนาคต เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย
5. เร่งปฏิรูประบบราชการยามวิกฤต ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนว่ารัฐไทยยังไม่มีความสามารถรับมือกับวิกฤตได้ นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นำไปสู่การปฏิรูปหลายๆ อย่าง
6. ทบทวนสัญญางบผูกพันที่รัฐเคยทำมาก่อน
7. ต้องรอบคอบยิ่งขึ้นในการก่อหนี้ผูกพันใหม่เพราะจากนี้ไป ประเทศยังจำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศให้กลับมาอีกครั้ง