ศาลแพ่งยกฟ้อง หนุ่มไทยจะกลับเข้าประเทศฟ้องนายกฯ ออกกฎเข้มงวด
ศาลแพ่งยกฟ้องชายไทยอยู่ต่างประเทศจะเดินทางกลับเพื่อหนีโรคระบาดโควิด-19 ฟ้อง “นายกฯ ตู่” ออกข้อกำหนดคัดกรองคนเข้าประเทศเข้มงวด
ศาลชี้นายกฯ มีอำนาจออกกฎได้
วันนี้ (4 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก มีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ พ.1864/2563 ที่ นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์ อายุ 40 ปี คนไทยซึ่งพำนักอาศัยอยู่เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ได้มอบอำนาจให้ นายพศินทัศน์ สินโสภณเกษม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในความผิดเรื่องละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ได้รับความเสียหายที่ไม่สามารถกลับเข้าประเทศได้ จากการที่มีการออกข้อกำหนด ในข้อ 3 ระบุว่า..
การเปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ในการใช้ยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นอากาศยาน เรือรถยนต์ หรือพาหนะใด หรือการใช้เส้นทางคมนาคมไม่ว่าทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางบก เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ปิดช่องทางเข้า-ออก, ด่าน, จุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรน ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง สำหรับผู้โดยสารหรือผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่ (6) เป็นผู้มีสัญชาติไทย ในกรณีเช่นนี้ให้ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่พำนัก เพื่อออกหนังสือรับรอง หรือ มีใบรับรองแพทย์ และปฏิบัติตามวรรคสอง โดยให้สถานทูตไทยและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศให้ข้อมูล และอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสัญชาติไทยในการเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร
และข้อ 3 วรรคสอง ระบุว่า บุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันตาม (4), (5) หรือ (6) ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit To Fly Health Certificate) ซึ่งได้รับการตรวจรับรอง หรือออกให้มีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง และเมื่อเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ตามที่ราชการกำหนดไว้ ในข้อ 11 โดยอนุโลม
ซึ่งการออกข้อกำหนดดังกล่าว เป็นไปตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 1 ที่จำเลยประกาศ
คดีนี้โจทก์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อกำหนด ข้อ 3 วรรคหนึ่ง (6) และวรรคสอง ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 ฉบับลงวันที่ 25 มี.ค. 2563 ให้เหลือข้อความเพียงว่า “เป็นผู้มีสัญชาติไทย” และ “บุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผัน ตาม (4) หรือ (5) ต้องมีใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่า มีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit To Fly Health Certificate) ซึ่งได้รับการตรวจ”
และขอให้ศาลพิพากษา ห้ามจำเลยหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ออกกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติที่มีลักษณะเดียวกับข้อ 3 วรรคหนึ่ง (6) และวรรคสอง รวมทั้ง ห้ามออกกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติที่บังคับให้บุคคลสัญชาติไทยต้องแสดงเอกสารอื่นใดนอกจากหนังสือเดินทาง ในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย หรือออกกฎหรือคำสั่งใดๆ อันมีลักษณะห้ามบุคคลสัญชาติไทยเดินทางกลับประเทศไทย หรือให้กลับประเทศไทยได้แต่ต้องได้รับอนุญาตก่อน และให้ศาลห้ามจำเลยหรือผู้ใต้บังคับบัญชาออกกฎหมาย หรือแนวทางปฏิบัติอื่นใด อันมีผลบังคับให้โจทก์และบุคคลสัญชาติไทยที่พำนักอยู่ในต่างประเทศต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในการเดินทางเข้าประเทศนอกเหนือไปจากการดำเนินการตามปกติ
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อกำหนดดังกล่าวออกตาม มาตรา 9, 11 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 1) ซึ่งมาตรา 9(4) ให้อำนาจ จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี ออกข้อกำหนดห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ
ดังนั้น ข้อกำหนดข้อ 3(6) เป็นการออกข้อกำหนดโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายที่จะเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งโจทก์ไม่ได้โต้แย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ.) มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้อง
https://mgronline.com/crime/detail/9630000034752
ลุงตู่รอดแล้วค่ะ....✌
ออกกฎเข้มงวดทำได้ตามกฎหมาย...👍
🔮🔮🔮🔮มาลาริน/เฮ้อ ! โล่งใจค่ะ ลุงตู่ทำได้ตามกฎหมาย...ศาลแพ่งยกฟ้อง หนุ่มไทยจะกลับเข้าประเทศฟ้องนายกฯ ออกกฎเข้มงวด
ศาลแพ่งยกฟ้องชายไทยอยู่ต่างประเทศจะเดินทางกลับเพื่อหนีโรคระบาดโควิด-19 ฟ้อง “นายกฯ ตู่” ออกข้อกำหนดคัดกรองคนเข้าประเทศเข้มงวด
ศาลชี้นายกฯ มีอำนาจออกกฎได้
วันนี้ (4 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก มีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ พ.1864/2563 ที่ นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์ อายุ 40 ปี คนไทยซึ่งพำนักอาศัยอยู่เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ได้มอบอำนาจให้ นายพศินทัศน์ สินโสภณเกษม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในความผิดเรื่องละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ได้รับความเสียหายที่ไม่สามารถกลับเข้าประเทศได้ จากการที่มีการออกข้อกำหนด ในข้อ 3 ระบุว่า..
การเปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ในการใช้ยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นอากาศยาน เรือรถยนต์ หรือพาหนะใด หรือการใช้เส้นทางคมนาคมไม่ว่าทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางบก เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ปิดช่องทางเข้า-ออก, ด่าน, จุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรน ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง สำหรับผู้โดยสารหรือผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่ (6) เป็นผู้มีสัญชาติไทย ในกรณีเช่นนี้ให้ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่พำนัก เพื่อออกหนังสือรับรอง หรือ มีใบรับรองแพทย์ และปฏิบัติตามวรรคสอง โดยให้สถานทูตไทยและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศให้ข้อมูล และอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสัญชาติไทยในการเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร
และข้อ 3 วรรคสอง ระบุว่า บุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันตาม (4), (5) หรือ (6) ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit To Fly Health Certificate) ซึ่งได้รับการตรวจรับรอง หรือออกให้มีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง และเมื่อเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ตามที่ราชการกำหนดไว้ ในข้อ 11 โดยอนุโลม
ซึ่งการออกข้อกำหนดดังกล่าว เป็นไปตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 1 ที่จำเลยประกาศ
คดีนี้โจทก์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อกำหนด ข้อ 3 วรรคหนึ่ง (6) และวรรคสอง ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 ฉบับลงวันที่ 25 มี.ค. 2563 ให้เหลือข้อความเพียงว่า “เป็นผู้มีสัญชาติไทย” และ “บุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผัน ตาม (4) หรือ (5) ต้องมีใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่า มีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit To Fly Health Certificate) ซึ่งได้รับการตรวจ”
และขอให้ศาลพิพากษา ห้ามจำเลยหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ออกกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติที่มีลักษณะเดียวกับข้อ 3 วรรคหนึ่ง (6) และวรรคสอง รวมทั้ง ห้ามออกกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติที่บังคับให้บุคคลสัญชาติไทยต้องแสดงเอกสารอื่นใดนอกจากหนังสือเดินทาง ในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย หรือออกกฎหรือคำสั่งใดๆ อันมีลักษณะห้ามบุคคลสัญชาติไทยเดินทางกลับประเทศไทย หรือให้กลับประเทศไทยได้แต่ต้องได้รับอนุญาตก่อน และให้ศาลห้ามจำเลยหรือผู้ใต้บังคับบัญชาออกกฎหมาย หรือแนวทางปฏิบัติอื่นใด อันมีผลบังคับให้โจทก์และบุคคลสัญชาติไทยที่พำนักอยู่ในต่างประเทศต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในการเดินทางเข้าประเทศนอกเหนือไปจากการดำเนินการตามปกติ
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อกำหนดดังกล่าวออกตาม มาตรา 9, 11 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 1) ซึ่งมาตรา 9(4) ให้อำนาจ จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี ออกข้อกำหนดห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ
ดังนั้น ข้อกำหนดข้อ 3(6) เป็นการออกข้อกำหนดโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายที่จะเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งโจทก์ไม่ได้โต้แย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ.) มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้อง
https://mgronline.com/crime/detail/9630000034752
ลุงตู่รอดแล้วค่ะ....✌
ออกกฎเข้มงวดทำได้ตามกฎหมาย...👍