เผื่อเป็นประโยชน์ได้บ้าง !!!
โปรแกรมนี้ สืบเนื่องมาจากมีตั๋วเครื่องบินฟรีภายในประเทศ (USA) กำลังจะหมดอายุ แต่ผู้ร่วมเดินทางต้องการไปเที่ยว Canada เลยใช้วิธีขับรถข้ามไปเลยละกัน เวลาสำหรับโปรแกรม 5 วัน 4 คืน (Oct. 21-25, 2019)
ขั้นตอนการเตรียมตัว และสิ่งควรจะต้องรู้...มัง
- จองตั๋วเครื่องบิน จากสนามบิน Fort Lauderdale, Florida (พวกเราอาศัยอยู่ที่ Florida USA.) เราเลือกลงสนามบินที่ใกล้ Border มากที่สุด Bangor, Maine (BGR) คือตัวเลือก จริงก็มีใกล้กว่านี้ แต่ข้อกำหนดของตั๋วฟรี มันแยอะ
- จองโรงแรม ควรจะเน้นไปทาง Free Parking เพราะค่าจอดรถที่ Quebec แพง และก็หายาก โรงแรมที่ตอบโจทย์ได้ดีคือ Hotel Classique Address : 2815 Boulevard Lauvier, Quebec จาก www.expedia.com ราคา 4 คืน $406.99 (๋Junior Suite 3 Queen Beds , 2 Bedroom 1 Bath) Free Wifi , Laundry Room (หยอดเหรียญ) และอยู่ติดกับถนนหลัก ขับรถไป Old Quebec ประมาณ 15 นาที แถวโรงแรมมี Walmart, Gas Station, Restaurants
- จองรถเช่า เฟ้นมาแล้วราคาโดนใจในช่วงนั้นบริษัท Budget รถที่ได้มาเป็น Jeep Cherokee ไม่จำกัดไมล์ สามารถขับไป Canada ได้ เจ้าหน้าที่บอก "คุณสามารถขับได้ทุกที่ยกเว้นในน้ำ" 555
- Border Croosing on the United states - Canada เราเลือกใช้ด่านที่ Jackman Port of Entre : 2614 Main Steet Sandy Bay Township, Maine USA. Open 24 Hours and 7 Days
- Passport , Visa , Driver Lincense
- internet บนโทรศัพท์มือถือ จำเป็นมากในยุคสมัยนี้ เพราะต้องเปิด Maps นำทางถึงแม้บางช่วงจะมีบ้าง ไม่มีบ้างก็ตาม เครือข่าย AT&T ซึ่งสามารถใช้ได้ท้ง phone & data Unlimited แต่ก็ขึ้นอยู่กับ Plans ที่เลือกด้วย หรือจะซื้อใช้เฉพาะช่วงวันที่ไป $10 ต่อวัน อีกหนึ่งทางเลือกคือซื้อแบบ Prepaid Plans
- Download App. "Copilote" เป็นแอฟจ่ายค่าชั่วโมงจอดรถ ตามฟุตบาท เวลาเดินเที่ยว หรือกินอาหารจะได้ไม่ร้อนลน สามารจ่ายทางมือถือได้เลย
- บัตรเครดิต ส่วนใหญ่ที่นั่นจะรับ Visa & Master เป็นหลัก Amex น้อยมาก ควรจะใช้บัตรที่ไม่มี Transaction Fees จะดีกว่า แต่ Canada สามารถใช้เงิน US Dollar ได้ แต่เวลาทอนเงินจะได้มาเป็น Canadian Dollar
- ภาษาที่ใช้ใน Qucbec ส่วนใหญ่จะพูดภาษาฝรั่งเศษกัน แต่ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ จะพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
- สถานที่ไปในโปรแกรมนี้ขอเป็น Qld Qucbec , Chute-Montmorency , Montreal ประมาณนี้ สามารถหาข้อมูลเพ่ิมได้จาก
https://www.quebec-cite.com/en/ ,
https://www.quebecoriginal.com/en-ca ,
https://www.mtl.org/en
Let's go ...
วันที่ 1 (Oct. 21, 2019)
เครื่องบินออกเวลา 09:00 am. Fight Connect LaGuardia NY. ถึง Bangor, Maine เวลา 02:25 pm.
รับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อย ไปยังเคาเตอร์ Budget อยู่ใกล้กับสายพานรับกระเป๋า เซ็นเอกสาร รับกุญแจ ไปเอารถซึ่งจะจอดอยู่ด้านหน้าอาคารสนามบินไม่สับซ้อน ตามหมายเลยช่องจอดรถที่เค้าบอกเลย อากาศข้างนอกเย็นสบาย...
ส่วนอาหารสำหรับวันนี้ใช้วิธีทำเตรียมมาจากที่บ้านเลยจร้าาาา จะได้ไม่ต้องจอดเวลาให้เสียเวลา กินกันในรถไปเลย
เอาของขึ้นรถ เปิด Maps เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยเริ่มเดินทางกันเลย ระยะทางจากสนามบินไปถึงโรงแรมที่พักใช้เวลา 4 h. 22 min. (ถ้าจากสนามบินไปถึง Border ใช้เวลา 3 h. และจาก Border ไปถึงโรงแรมอีก 1 h. 30 min.) ดังนั้นต้องทำเวลากันหน่อยช่วงนี้จะมึดเร็วมาก ถนนใน USA. ส่วนใหญ่จะเป็น 2 เลน วิ่งสวนกันตามเขา ตามป่า แต่แม่เจ้าคุณวิวต้นไม้เปลี่ยนสีสุดยอดไปเลย ตรงเนี่ยแหละทำให้เสียเวลาในการขับรถไปหลายนาทีทีเลยทีเดียว ขับรถจนมาถึงเมือง Showhegan เจอ Walmart ซื้อน้ำ และขนมตุนไว้นิดหน่อย อ๋อเข้าห้องน้ำด้วยก็ดี แวะเติมน้ำมันเพื่อความมั่นใจ เพราะหลังจากนี้ไม่น่าจะมีร้านค้า และปั้มน้ำมันมากนัก และอีกอย่างฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว และมืดมากด้วย ช่วงขับรถบน US-201 N. ถนนจะดีบ้าง ไม่ดีบ้าง นาน ๆ จะมีรถวิ่งสวนมาสักคัน ส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุก ขับกันเร็วมาก
ถึง Border USA. - Canada ตอน 1:40 pm. แวะจอดพักคนขับ พักรถ เข้าห้องน้ำทางฝั่ง USA. แล้วขับเข้า Canada ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ลักษณะของด่านจะเป็นเหมือนด่านจ่ายค่าทางด่วน ไม่ต้องลงจากรถ ลดกระจกลงทั้งหมดแล้วยื่น Passport ทั้งหมดพร้อมกันเลยก็ได้ให้กับเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จะมีคำถามนิดหน่อย เช่น จะไปไหนกัน ? / ไปกันกี่วัน ? / มีเงินมากันเท่าไร ? / มีเครื่องดิ่มแอลกอฮอร์ไหม ? ประมาณนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็คืน Passport กลับมาให้
ไปต่อ...เข้า Canada ถนนก็เป็น 2 เลนสวนกัน แต่ถนนจะดีกว่า USA. ขับจนถึง Autoroute 73 N. เป็นถนนสายใหญ่ขับสบายมาก อัดได้เต็มที แต่ระยะทางที่ Canada จะวัดระยะเป็นกิโลเมตร ต่างจากของ USA. ซึ่งวัดระยะเป็นไมล์ รถที่ได้มาจาก Budget ดันมีแต่วัดระยะเป็นไมล์ แต่ไม่เป็นไรก็กะ ๆ เอา
ถึงโรงแรม 09:30 pm. Check in เสร็จอาบน้ำนอนเลย วันรุ่งขี้นจะได้ไปต่อ >>>
วันที่ 2 (Oct. 22, 2019)
Old Quebec Maps
https://www.quebec-cite.com/media/4110376/otq-carte-otq-2019-20-5x16-5.pdf
อากาศวันนี้หนาว ครึ้ม ๆ แต่ต้องไปต่อ วันนี้จะไปเที่ยวที่ Old Quebec ถ้าไปช่วงน่าท่องเที่ยวอาจจะหาที่จอดรถยากหน่อย สำหรับวันนี้จะเป็นการเดิน เดินทั้งวัน แต่ก่อนอื่นต้องหาอะไรใส่ท้องซะหน่อย Paillard Le Cafe Boulangerie
https://www.paillard.ca/en/ เป็นร้าน Bread , Croissants เจ้าดังห้ามพลาดเลยละ
Porte Saint-Louis ประตูเข้า Old Quebec ด้านถนน Rue Saint-Louis
Porte Kent ประตูเข้า Old Quebec ด้านถนน Rue Dauphine ประตูตรงกลาง
Porte Saint-Jean ประตูเข้า Old Quebec ด้านถนน Rue Saint-Jean
Rue Saint-Jean ถนนเก่าซี่งเต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านค้าเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ตลอดทางเดิน
เดินไปตามถนนเรื่อยก็จะเจอสถานที่สำคัญ ตลอดเส้นทาง ทางเดินจะเป็นเดินขึ้น ลง เนิน อาจจะต้องเตรียมยาแก้ปวด แก้เมื่อยไว้ด้วย 555
The City Hall
Basilica Cathedral Notre-Dame de of Quebec : อีกหนึ่งในมหาวิหารเก่าแก่
ฺ
The Artists Street : Rue du Trésor เป็นถนนแคบ ๆ มีรูปภาพวาดขายตลอดถนน อยู่ระหว่าง Château Frontenac และ Notre-Dame de Quebec ถ้าเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวคนจะแยอะมาก ระวังบางร้านห้ามถ่ายรูป
Chateau Frontenac : โรงแรมเก่าแก่เกือบ 400 ปีได้ ที่มีชื่อเสียงที่สุด ว่าง่าย ๆ ถ้ามา Quebec แล้วไม่มาที่นี่ถือว่ายังมาไม่ถึง ลักษณะของโรงแรมเวอร์วัอลังการมาก ในโรงแรมสามารถเข้าไปชม Lobby พร้อมกับดูโบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ได้ แถวนี้จะมี Tourist information เข้าไปของแผนที่ได้
Dufferin Terrace : เดินไปตามพื้นไม้ชมทิวทัศน์ของ Chateau Frontenac และ St. Lawrence River
St. Lawrence River : แม่น้ำด้านหน้าของ Chateau Frontenac ฝั่งตรงข้ามจะเมือง Levis
จากนั้นจะลงไปเดินในส่วนของ Lower Town จะเดินลงบันไดเอง หรือจะลงลิฟท์ก็แล้วแต่สะดวก... พอถึงด้านล่างก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้เลย
Rue du Petit-Champlain ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนการค้าที่เก่าแก่ที่สุด เรียงรายไปด้วยร้านบูติก , ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารที่ไม่เหมือนใคร
Place-Royale
เพียงไม่กี่ก้าวจาก Place Royale จิตรกรรมฝาผนัง Fresque des Québécois ที่เล่าเรื่องราวของเมืองควิเบก และแสดงความเคารพต่อบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์จำนวน 15 คน นักเขียนและศิลปิน
เดินกลับที่ Porte Saint-Louis (ประตูเมืองตอนใต้) เพื่อที่จะไปชมวิวตรง Terrasse Pierre-Dugua-De Mons (The Citadelle) วิวตรงมันสวยจริง ๆ ถ้าไม่หนาวอยากจะนั่งนาน ๆ เลย
ได้เวลาอาหารเย็นกันละ วันนี้อยากจะกินซุปร้อน ๆ เลยได้ร้านนี้มา Tora-Ya Ramen
https://www.torayaramen.com เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แต่คนทำเป็นแคนาเดียน ร้านเล็ก ๆ นั่งชิล ๆ Street Food ครัวเป็นแบบเปิด
ยัง ๆ ยังไม่จบ ต้องไปนั่งเรือข้ามฟากไปอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเราจะได้เห็นวิว Old Qucbec แบบตอนกลางคืน ว่าเป็นอย่างไร ท่าเรือข้ามฟากจะอยู่ Lower Town จะตึกอยู่ทางด้านซ้ายมือ (หันหน้าออกแม่น้ำ) สำหรับจำหน่ายตั๋วเรือ และท่าขึ้นเรือ ตารางเดินเรือ และค่าโดยสารดูได้ใน
https://www.traversiers.com/fr/accueil/ พอถึงฝั่ง Levis ออกจากเรือ แล้วก็วนกลับมารอขึ้นเรือกลับไป
เอาละวันนี้เปลี้ย มากันทั้งวันแล้ว ไม่มืด ไม่เข้าโรงแรม หาวววว ปากกว้างงงง...zzz แล้วพรุ่งนี้ว่ากันต่อ >>>
นักท่องเที่ยว - ขับรถจาก Maine U.S.A. ข้ามไป Quebec Canada
เผื่อเป็นประโยชน์ได้บ้าง !!!
โปรแกรมนี้ สืบเนื่องมาจากมีตั๋วเครื่องบินฟรีภายในประเทศ (USA) กำลังจะหมดอายุ แต่ผู้ร่วมเดินทางต้องการไปเที่ยว Canada เลยใช้วิธีขับรถข้ามไปเลยละกัน เวลาสำหรับโปรแกรม 5 วัน 4 คืน (Oct. 21-25, 2019)
ขั้นตอนการเตรียมตัว และสิ่งควรจะต้องรู้...มัง
- จองตั๋วเครื่องบิน จากสนามบิน Fort Lauderdale, Florida (พวกเราอาศัยอยู่ที่ Florida USA.) เราเลือกลงสนามบินที่ใกล้ Border มากที่สุด Bangor, Maine (BGR) คือตัวเลือก จริงก็มีใกล้กว่านี้ แต่ข้อกำหนดของตั๋วฟรี มันแยอะ
- จองโรงแรม ควรจะเน้นไปทาง Free Parking เพราะค่าจอดรถที่ Quebec แพง และก็หายาก โรงแรมที่ตอบโจทย์ได้ดีคือ Hotel Classique Address : 2815 Boulevard Lauvier, Quebec จาก www.expedia.com ราคา 4 คืน $406.99 (๋Junior Suite 3 Queen Beds , 2 Bedroom 1 Bath) Free Wifi , Laundry Room (หยอดเหรียญ) และอยู่ติดกับถนนหลัก ขับรถไป Old Quebec ประมาณ 15 นาที แถวโรงแรมมี Walmart, Gas Station, Restaurants
- จองรถเช่า เฟ้นมาแล้วราคาโดนใจในช่วงนั้นบริษัท Budget รถที่ได้มาเป็น Jeep Cherokee ไม่จำกัดไมล์ สามารถขับไป Canada ได้ เจ้าหน้าที่บอก "คุณสามารถขับได้ทุกที่ยกเว้นในน้ำ" 555
- Border Croosing on the United states - Canada เราเลือกใช้ด่านที่ Jackman Port of Entre : 2614 Main Steet Sandy Bay Township, Maine USA. Open 24 Hours and 7 Days
- Passport , Visa , Driver Lincense
- internet บนโทรศัพท์มือถือ จำเป็นมากในยุคสมัยนี้ เพราะต้องเปิด Maps นำทางถึงแม้บางช่วงจะมีบ้าง ไม่มีบ้างก็ตาม เครือข่าย AT&T ซึ่งสามารถใช้ได้ท้ง phone & data Unlimited แต่ก็ขึ้นอยู่กับ Plans ที่เลือกด้วย หรือจะซื้อใช้เฉพาะช่วงวันที่ไป $10 ต่อวัน อีกหนึ่งทางเลือกคือซื้อแบบ Prepaid Plans
- Download App. "Copilote" เป็นแอฟจ่ายค่าชั่วโมงจอดรถ ตามฟุตบาท เวลาเดินเที่ยว หรือกินอาหารจะได้ไม่ร้อนลน สามารจ่ายทางมือถือได้เลย
- บัตรเครดิต ส่วนใหญ่ที่นั่นจะรับ Visa & Master เป็นหลัก Amex น้อยมาก ควรจะใช้บัตรที่ไม่มี Transaction Fees จะดีกว่า แต่ Canada สามารถใช้เงิน US Dollar ได้ แต่เวลาทอนเงินจะได้มาเป็น Canadian Dollar
- ภาษาที่ใช้ใน Qucbec ส่วนใหญ่จะพูดภาษาฝรั่งเศษกัน แต่ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ จะพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
- สถานที่ไปในโปรแกรมนี้ขอเป็น Qld Qucbec , Chute-Montmorency , Montreal ประมาณนี้ สามารถหาข้อมูลเพ่ิมได้จาก https://www.quebec-cite.com/en/ , https://www.quebecoriginal.com/en-ca , https://www.mtl.org/en
Let's go ...
รับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อย ไปยังเคาเตอร์ Budget อยู่ใกล้กับสายพานรับกระเป๋า เซ็นเอกสาร รับกุญแจ ไปเอารถซึ่งจะจอดอยู่ด้านหน้าอาคารสนามบินไม่สับซ้อน ตามหมายเลยช่องจอดรถที่เค้าบอกเลย อากาศข้างนอกเย็นสบาย...
ส่วนอาหารสำหรับวันนี้ใช้วิธีทำเตรียมมาจากที่บ้านเลยจร้าาาา จะได้ไม่ต้องจอดเวลาให้เสียเวลา กินกันในรถไปเลย
เอาของขึ้นรถ เปิด Maps เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยเริ่มเดินทางกันเลย ระยะทางจากสนามบินไปถึงโรงแรมที่พักใช้เวลา 4 h. 22 min. (ถ้าจากสนามบินไปถึง Border ใช้เวลา 3 h. และจาก Border ไปถึงโรงแรมอีก 1 h. 30 min.) ดังนั้นต้องทำเวลากันหน่อยช่วงนี้จะมึดเร็วมาก ถนนใน USA. ส่วนใหญ่จะเป็น 2 เลน วิ่งสวนกันตามเขา ตามป่า แต่แม่เจ้าคุณวิวต้นไม้เปลี่ยนสีสุดยอดไปเลย ตรงเนี่ยแหละทำให้เสียเวลาในการขับรถไปหลายนาทีทีเลยทีเดียว ขับรถจนมาถึงเมือง Showhegan เจอ Walmart ซื้อน้ำ และขนมตุนไว้นิดหน่อย อ๋อเข้าห้องน้ำด้วยก็ดี แวะเติมน้ำมันเพื่อความมั่นใจ เพราะหลังจากนี้ไม่น่าจะมีร้านค้า และปั้มน้ำมันมากนัก และอีกอย่างฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว และมืดมากด้วย ช่วงขับรถบน US-201 N. ถนนจะดีบ้าง ไม่ดีบ้าง นาน ๆ จะมีรถวิ่งสวนมาสักคัน ส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุก ขับกันเร็วมาก
ถึง Border USA. - Canada ตอน 1:40 pm. แวะจอดพักคนขับ พักรถ เข้าห้องน้ำทางฝั่ง USA. แล้วขับเข้า Canada ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ลักษณะของด่านจะเป็นเหมือนด่านจ่ายค่าทางด่วน ไม่ต้องลงจากรถ ลดกระจกลงทั้งหมดแล้วยื่น Passport ทั้งหมดพร้อมกันเลยก็ได้ให้กับเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จะมีคำถามนิดหน่อย เช่น จะไปไหนกัน ? / ไปกันกี่วัน ? / มีเงินมากันเท่าไร ? / มีเครื่องดิ่มแอลกอฮอร์ไหม ? ประมาณนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็คืน Passport กลับมาให้
ไปต่อ...เข้า Canada ถนนก็เป็น 2 เลนสวนกัน แต่ถนนจะดีกว่า USA. ขับจนถึง Autoroute 73 N. เป็นถนนสายใหญ่ขับสบายมาก อัดได้เต็มที แต่ระยะทางที่ Canada จะวัดระยะเป็นกิโลเมตร ต่างจากของ USA. ซึ่งวัดระยะเป็นไมล์ รถที่ได้มาจาก Budget ดันมีแต่วัดระยะเป็นไมล์ แต่ไม่เป็นไรก็กะ ๆ เอา
ถึงโรงแรม 09:30 pm. Check in เสร็จอาบน้ำนอนเลย วันรุ่งขี้นจะได้ไปต่อ >>>
อากาศวันนี้หนาว ครึ้ม ๆ แต่ต้องไปต่อ วันนี้จะไปเที่ยวที่ Old Quebec ถ้าไปช่วงน่าท่องเที่ยวอาจจะหาที่จอดรถยากหน่อย สำหรับวันนี้จะเป็นการเดิน เดินทั้งวัน แต่ก่อนอื่นต้องหาอะไรใส่ท้องซะหน่อย Paillard Le Cafe Boulangerie https://www.paillard.ca/en/ เป็นร้าน Bread , Croissants เจ้าดังห้ามพลาดเลยละ
Porte Saint-Louis ประตูเข้า Old Quebec ด้านถนน Rue Saint-Louis
Porte Kent ประตูเข้า Old Quebec ด้านถนน Rue Dauphine ประตูตรงกลาง
Porte Saint-Jean ประตูเข้า Old Quebec ด้านถนน Rue Saint-Jean
Rue Saint-Jean ถนนเก่าซี่งเต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านค้าเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ตลอดทางเดิน
เดินไปตามถนนเรื่อยก็จะเจอสถานที่สำคัญ ตลอดเส้นทาง ทางเดินจะเป็นเดินขึ้น ลง เนิน อาจจะต้องเตรียมยาแก้ปวด แก้เมื่อยไว้ด้วย 555
The City Hall
Basilica Cathedral Notre-Dame de of Quebec : อีกหนึ่งในมหาวิหารเก่าแก่
ฺ
The Artists Street : Rue du Trésor เป็นถนนแคบ ๆ มีรูปภาพวาดขายตลอดถนน อยู่ระหว่าง Château Frontenac และ Notre-Dame de Quebec ถ้าเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวคนจะแยอะมาก ระวังบางร้านห้ามถ่ายรูป
Chateau Frontenac : โรงแรมเก่าแก่เกือบ 400 ปีได้ ที่มีชื่อเสียงที่สุด ว่าง่าย ๆ ถ้ามา Quebec แล้วไม่มาที่นี่ถือว่ายังมาไม่ถึง ลักษณะของโรงแรมเวอร์วัอลังการมาก ในโรงแรมสามารถเข้าไปชม Lobby พร้อมกับดูโบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ได้ แถวนี้จะมี Tourist information เข้าไปของแผนที่ได้
Dufferin Terrace : เดินไปตามพื้นไม้ชมทิวทัศน์ของ Chateau Frontenac และ St. Lawrence River
St. Lawrence River : แม่น้ำด้านหน้าของ Chateau Frontenac ฝั่งตรงข้ามจะเมือง Levis
จากนั้นจะลงไปเดินในส่วนของ Lower Town จะเดินลงบันไดเอง หรือจะลงลิฟท์ก็แล้วแต่สะดวก... พอถึงด้านล่างก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้เลย
Rue du Petit-Champlain ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนการค้าที่เก่าแก่ที่สุด เรียงรายไปด้วยร้านบูติก , ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารที่ไม่เหมือนใคร
Place-Royale
เพียงไม่กี่ก้าวจาก Place Royale จิตรกรรมฝาผนัง Fresque des Québécois ที่เล่าเรื่องราวของเมืองควิเบก และแสดงความเคารพต่อบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์จำนวน 15 คน นักเขียนและศิลปิน
เดินกลับที่ Porte Saint-Louis (ประตูเมืองตอนใต้) เพื่อที่จะไปชมวิวตรง Terrasse Pierre-Dugua-De Mons (The Citadelle) วิวตรงมันสวยจริง ๆ ถ้าไม่หนาวอยากจะนั่งนาน ๆ เลย
ได้เวลาอาหารเย็นกันละ วันนี้อยากจะกินซุปร้อน ๆ เลยได้ร้านนี้มา Tora-Ya Ramen https://www.torayaramen.com เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แต่คนทำเป็นแคนาเดียน ร้านเล็ก ๆ นั่งชิล ๆ Street Food ครัวเป็นแบบเปิด
ยัง ๆ ยังไม่จบ ต้องไปนั่งเรือข้ามฟากไปอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเราจะได้เห็นวิว Old Qucbec แบบตอนกลางคืน ว่าเป็นอย่างไร ท่าเรือข้ามฟากจะอยู่ Lower Town จะตึกอยู่ทางด้านซ้ายมือ (หันหน้าออกแม่น้ำ) สำหรับจำหน่ายตั๋วเรือ และท่าขึ้นเรือ ตารางเดินเรือ และค่าโดยสารดูได้ใน https://www.traversiers.com/fr/accueil/ พอถึงฝั่ง Levis ออกจากเรือ แล้วก็วนกลับมารอขึ้นเรือกลับไป
เอาละวันนี้เปลี้ย มากันทั้งวันแล้ว ไม่มืด ไม่เข้าโรงแรม หาวววว ปากกว้างงงง...zzz แล้วพรุ่งนี้ว่ากันต่อ >>>