[SR] รูทส์ Roots


คุณจะรู้สึกอย่างไรบ้าง? ถ้าได้อ่านเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนขึ้นโดยฝ่ายผู้พ่ายแพ้  สำหรับผมมันเป็นความสะเทือนใจเมื่อได้ทราบว่า ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงอีกด้านนั้นถูกเปิดเผยด้วยความเจ็บปวด ถูกบอกกล่าวผ่านความทรงจำอันเลวร้ายที่ประทับลึกอยู่ในรอยแผลเป็น และรอยแค้นในใจที่เกิดจากการถูกโบยตีด้วยแส้เป็นร้อยครั้งพันครั้ง
 
ผมพอจะจำได้ว่าเมื่อตอนเป็นเด็ก  มีละครโทรทัศน์ต่างประเทศเรื่องหนึ่งที่ฉายให้คนไทยชม ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นทางช่อง 3 ผมจำภาพในทีวีที่เป็นภาพของคนผิวดำกำลังชูทารกแรกเกิดขึ้นบนฟ้า  เด็กน้อยที่ถูกยกตัวนั้นผิวดำสนิทเช่นกัน  มีเสียงเรียกชื่อหนึ่งออกมาผมยังจำได้ดี  “คุนต้า คินเต้”  ตามด้วยเสียงบรรยายที่บอกว่าละครเรื่องนี้ชื่อ “รูทส์ ลูกทาส”  ในตอนนั้นผมยังเด็กเกินกว่าที่จะได้ชมละครฝรั่งเรื่องนี้  แต่ในวันนี้หลังจากที่ผ่านไปเกือบ 40 ปี  เสียงที่ผมจำได้ดีนั้นกลับมาก้องดังในหัวผมอีกครั้ง  เมื่อผมได้อ่านนวนิยายอเมริกันเรื่อง “รูทส์” (Roots) สองเล่มที่ผมถืออยู่ในมือขณะนี้
 

 
“ Roots คือวรรณกรรมเชิงวิชาการขนาดยาวที่ Alex Haley ลูกหลานทาสนิโกรรุ่นที่ 7 ใช้เวลายาวนานถึง 12 ปี ในการสืบค้น รวบรวมและวิจัยข้อมูลประวัติศาสตร์ของต้นตระกูลเมื่อ 200 ปีก่อน  เพื่อนำมาเรียงร้อยและเรียบเรียงจนกลายเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของโลกเล่มหนึ่งที่ถูกตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1976  งานเขียนชิ้นนี้ของเขาอบอวลไปด้วยสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมที่เกิดขึ้นจริงอย่างสลับซับซ้อน และต่อเนื่องพัวพันกับลมหายของบรรพชนทาสนิโกรของเขาที่มีชายหนุ่มจากแอฟริกา คุนต้า คินเต้ เป็นต้นตระกูล ดังนั้นภาพใหญ่ของวรรณกรรมเชิงวิชาการเล่มนี้จึงประกอบด้วย 5 สถานการณ์คือ 1.วิถีแห่งแอฟริกันบริสุทธิ์  2.การค้าทาส  3.สงครามเรียกร้องอิสรภาพของอเมริกันจากกษัตริย์อังกฤษ  4.สงครามกลางเมืองของอเมริการะหว่างฝ่ายเหนือที่สนับสนุนการปลดปล่อยทาสกับฝ่ายใต้ที่เรียกร้องให้คงทาสไว้ และ 5.การสร้างชาติพหุวัฒนธรรมสมานฉันท์สหรัฐอเมริกา”
(จากบทนำ , รูทส์ : กระบวนการสร้างชาติพหุวัฒนธรรมสมานฉันท์ โดยสมาน อู่งามสิน , หน้า 8)
 
 

จากย่อหน้าข้างบนที่ผมยกมานั้นได้อธิบายเรื่องราวในหนังสือเรื่องนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว  ดังนั้นถ้าท่านมีใจรักในการอ่านเรื่องที่ยาวขนาด 1,410 หน้าได้  ท่านจะเข้าใจภาพรวมทั้งหมดของหนังสือเรื่องนี้ที่นำเสนอ  แต่สำหรับตัวผมยอมรับตามตรงเลยว่าผมใช้เวลาอ่านเรื่องนี้นานมาก ในช่วงหนึ่งประมาณกลางเล่มแรกผมเกือบทิ้งที่จะไม่อ่านแล้ว  เพราะความโหดร้ายจากทัณฑ์ทรมานที่ตัวละครหลัก คุนต้า คินเต้ ได้รับนั้น  มันส่งผลกระทบมายังจิตใจของผมที่เป็นผู้อ่านอย่างมาก   ถ้าท่านใดพอทราบเรื่องการค้าทาสของอเมริกันในยุคก่อนมาแล้ว  ท่านก็คงทราบดีถึงความอยุติธรรม และความไร้ซึ่งมนุษยธรรมที่ชาวอเมริกันผิวขาวถือยึดปฏิบัติได้อย่างเอกฉันท์ ยิ่งถ้าท่านใดมีความเที่ยงตรงในจิตใจแล้วด้วย  เรื่องราวในที่เกิดขึ้นในเล่มแรกช่วงที่ คุนต้า คินเต้ โดนจับตัวลงเรือไปเป็นทาสนั้น  ท่านอาจจะรับไม่ได้เหมือนอย่างที่ผมรู้สึกก็เป็นได้   แต่ถ้าท่านอ่านที่ผมเขียนบรรยายความรู้สึกนี้แล้วท่านอาจจะคิดว่าผมพูดโอเว่อร์เกินไปนั้น  ก็ขอให้ท่านลองคิดตามว่าถ้าต้องอ่านช่วงที่ตัวละครหลักได้รับความทรมานยาวนานถึง 300 กว่าหน้านั้น  ถ้าอ่านผ่านไปได้ท่านคงเหนื่อยในการเอาในช่วยตัวละครหลักเช่นเดียวกับผมแน่ ๆ 
 
 

“มีชาวแอฟริกันนับล้านที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นทาส มีผู้คนที่ถูกลักพาตัวเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับคุนต้า คินเต้  แต่มันไม่เพียงแค่นั้น  ยังมีผู้คนอีกนับล้านเช่นกันที่ต้องตกใจตื่นจากหลับใหลในยามกลางคืน  ส่งเสียงกรีดร้องระงมและวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดเมื่อหมู่บ้านของพวกเขาถูกบุกเข้าโจมตี เปลวไฟโหมกระหน่ำไปทั่ว  ผู้ที่รอดชีวิตจะถูกจับเอาโซ่คล้องคอชนิดคนต่อคน  ให้เดินเรียงแถวยาว ซึ่งบางครั้งก็ยาวเป็นไมล์  มีคนผิวดำที่ล้มตาย หรือไม่ก็ถูกทิ้งให้ตายเพราะร่างกายอ่อนแอหมดสภาพ เนื่องจากถูกทารุณกรรมไปตลอดทางกว่าจะถึงชายฝั่งทะเล ...” 
(จากหน้า 1,393)
 

 
รูทส์  Roots  ประพันธ์โดย Alex Haley  แปลเป็นภาษาไทยอย่างวิจิตรบรรจงโดย เพชร  ภาษพิรัช  แบ่งเป็น 2 เล่มหนาประมาณเล่มละ 700 หน้า  โดยเล่มแรกเป็นเรื่องราวของคุนต้า คินเต้ ที่เป็นตัวละครหลัก ในเล่มพูดถึงวิถีของแอฟริกันในยุค 200 กว่าปีที่แล้วที่ยังมีวิถีชีวิตแบบชนเผ่าดั้งเดิม  รวมทั้งพูดถึงความน่ากลัวของพวก “ทูบ๊อบ” ที่หมายถึงคนผิวขาวที่บุกรุกเข้าไปในดินแดนบริสุทธิ์นั้นแล้วจับคนแอฟริกันผิวดำลงเรือส่งมาเป็นทาสที่ทวีปอเมริกา  ส่วนเล่มที่สองจะพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแผ่นดินของคนผิวขาว(ทวีปอเมริกา)  โดยมีตัวละครหลักเป็นลูกหลานของคุนต้า คินเต้ ที่ถูกจับมา  มีตัวละครผิวดำและผิวสีน้ำตาล(พ่อเป็นคนขาว แม่เป็นคนดำที่ถูกข่มขืน) มากมายถึง 6 รุ่นกว่าจะถึงยุคปัจจุบันของ Alex Haley  สำหรับเรื่องราวในเล่มที่สองนี้เป็นยุคแรกเริ่มของการสร้างชาติของชาวอเมริกัน ตั้งแต่เรื่องการเรียกร้องอิสรภาพของอเมริกันจากกษัตริย์อังกฤษ  มีการพูดถึงสงครามกลางเมืองของอเมริการะหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ที่ทำให้เกิดการเลิกทาสในที่สุด   จนกลายมาเป็นการสร้างชาติพหุวัฒนธรรมแบบผสมผสานของสหรัฐอเมริกาที่เราเห็นในทุกวันนี้
 
สำหรับตัวผมเมื่อได้อ่านเรื่อง รูทส์  Roots แล้วผมเห็นหลากหลายมุมมองมาก  คือถ้าจะพูดถึงมุมมองทางประวัติศาสตร์ เรื่องนี้เป็นการบันทึกเรื่องราวการค้าทาสที่เกิดขึ้นจริงในอเมริกา  ซึ่งถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของโลกที่เราควรจะต้องศึกษา  , ถ้าจะพูดถึงมุมมองทางด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องของชาติพันธุ์ที่มีบทบาทสำคัญของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งมีการพูดถึงการเคลื่อนย้ายชาติพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกถึง 2 ชาติพันธุ์ (คืออังกฤษมาอเมริกาและแอฟริกันมาอเมริกา) ที่มนุษย์เราสามารถศึกษาและรับรู้ได้ , ถ้ามองในมุมมองทางศาสนา  เรื่องนี้เป็นการพูดถึงความเคร่งครัดในการนับถือศาสนา  ที่ปรากฏให้เห็นชัดอยู่ถึง 2 ศาสนา คือศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์  ซึ่งทั้งสองศาสนานี้สามารถอยู่ร่วมกันได้  โดยในเรื่องไม่มีความชัดแย้งที่ก่อให้เกิดความรุนแรงเลย เป็นประเด็นที่น่าประทับใจมาก , ถ้ามองในมุมมองของการเมืองการปกครอง  เรื่องนี้ก็บันทึกถึงวิธีการและระบอบการปกครองของอเมริกา  ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายมาก  รวมทั้งพูดถึงการปกครองคนในกลุ่มย่อย  ตั้งแต่การปกครองแบบชนชั้นในชนเผ่าต่าง ๆ ของแอฟริกาและการปกครองระหว่างเจ้านายที่เป็นคนผิวขาวกับทาสที่เป็นคนผิวดำด้วย 
 
และถ้าพูดถึงมุมมองทางด้านวรรณกรรมแล้ว  น่าจะเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดที่นักเขียนและนักอ่านควรจะต้องสนใจมากที่สุด   เพราะเรื่องนี้จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องราวที่เขียนย้อนไปในอดีตเมื่อกว่า 200 ปีที่แล้ว ด้วยการประพันธ์ในรูปแบบนวนิยายสมัยใหม่  คือเรื่องนี้ถ้าจะบอกว่าเป็นนิยายแนวพีเรียดที่ย้อนยุคก็ได้ แต่เป็นการย้อนยุคไปตั้งหลักตั้งแต่สมัยอดีตกาลเพื่อเล่าเรื่องย้อนมาจนถึงปัจจุบัน(ในขณะที่ผู้ประพันธ์กำลังเขียน)  มันเป็นการสร้างภาพที่ใหญ่มาก ๆ เป็นการวางโครงเรื่องที่กว้างและมีรายละเอียดมากมาย  ด้วยการสร้างภาพความลวงขึ้นเพื่อบรรยายให้เห็นภาพความจริงในอดีต  ตัวนักเขียนเองต้องศึกษาและหาข้อมูลเยอะอย่างมหาศาลมากแน่  ๆ กว่าที่จะเขียนเรื่องนี้ได้  นอกจากข้อมูลที่สร้างความสมจริงให้เกิดขึ้นในตัวนวนิยายแล้ว  เส้นเรื่องก็เป็นสิ่งที่สำคัญ  ในเรื่องนี้เล่าเรื่องตามลำดับเวลาโดยมีการอิงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์  ทำให้เรื่อง รูทส์  Roots นี้มีความสมบูรณ์ค่อนข้างมาก จนอาจจะกล่าวได้ว่าสามารถเอาไปใช้อ้างอิงทางวิชาการได้  หรือจะบอกว่าจริง ๆ แล้วเรื่องนี้คือสาระนิยาย หรือนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ หรือจะบอกว่าเป็นสารคดีชีวิตก็ได้
 
เมื่อผมอ่านหนังสือเรื่อง รูทส์  Roots นี้จบแล้ว  ผมรับรู้ได้ว่าหนังสือเรื่องนี้ต้องการบอกแก่ผมโดยสรุปเป็นประโยคเดียวว่า 
 
“ขอให้รู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน  และอะไรคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เป็นตัวเราในทุกวันนี้”




สำหรับหนังสือ รูทส์  Roots ที่อยู่ในมือผมนี้  เป็นหนังสือปกแข็งสันโค้งอย่างดีจำนวน 2 เล่มที่บรรจุอยู่ในกล่องแข็งที่เรียกว่า Box Set โดยแต่ละเล่มมีความหนาประมาณ 700 หน้า หนังสือ 2 เล่มรวมกันมีความหนา 1,410 หน้า ราคาขายระบุไว้ที่ Box Set  ราคา 1,100 บาท (ไม่มีราคาขายแยกเล่ม) ราคาถูกมาก ๆ สำหรับหนังสือวรรณกรรมระดับโลกที่ทางสำนักพิมพ์ ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006) พิมพ์ออกมาจำหน่าย  เหมาะสำหรับซื้อหามาอ่านในช่วงที่ท่านต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านเพื่อป้องกันเชื้อโรค โควิด-19  ให้คุนต้า คินเต้ และลูกหลานของเขาพาท่านเดินตามหลังย้อนอดีตกลับไปรับรู้เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น  อ่านยาว ๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กว้างไกลขึ้น  อีกทั้งตัวบรรจุภัณฑ์ Box Set และภาพหน้าปกหนังสือออกแบบได้อย่างงดงามมาก  ควรค่าแก่การประดับไว้ในชั้นหนังสือของท่านเป็นอย่างมาก  บอกดัง ๆ เลยว่านักสะสมหนังสือต้องไม่พลาดเช่นกันครับ  
 
ท้ายสุดนี้ผมต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์บุญญรัตน์  บุญญาทิษฐาน ผู้แปลหนังสือเรื่องนี้เป็นอย่างสูงที่มอบหนังสือ รูทส์  Roots ไว้ให้ผมอ่าน  ผมขอขอบพระคุณครับ
 
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือครับ

พาพันขยันพาพันชอบพาพันขอบคุณ
ชื่อสินค้า:   รูทส์ Roots
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่