สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมในพันทิป จะพยายามเขียนให้กระชับแต่เรื่องมันยาวหน่อยเลยต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ
น้องสาวผมฝากท้องที่โรงพยาบาลพญาไท 2 เพราะคุณหมอที่ทำ IVF ให้ท่านเข้าตรวจประจำที่นี่ ช่วงประมาณสองเดือนก่อนคลอด น้องสาวผมมีอาการท้องแข็งบ้าง เลยต้องเข้ามาพบคุณหมอทุกสัปดาห์เพื่ออัลตราซาวด์ครรภ์และตัวทารกในครรภ์ ทุกครั้งที่อัลตราซาวด์เค้าจะเก็บผลไว้ในประวัติคนไข้ แต่เเจ้งว่าให้คนไข้เอากลับไปไม่ได้ครับ
น้องสาวผมนัดผ่าคลอดวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา ทั้งแม่เเละเด็กปลอดภัยดีครับ ขอบคุณคุณหมอและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ทำคลอดด้วยครับ เราตัดสินใจให้ผ่าไส้ติ่งพร้อมผ่าคลอดเลยด้วยครับ จึงมีการนำชิ้นเนื้อไปตรวจด้วย ทั้งคุณแม่และทารกอยู่โรงพยาบาลประมาณ 3 คืนหลังคลอด กลางคืนวันที่ 16 มีนาคมประมาณเกือบเที่ยงคืน คุณพยาบาลได้มาแจ้งผลเลือดของทารกให้กับคุณแม่และคุณพ่อที่ห้อง โดยบอกว่าผลเลือดทารกปกติหมดทุกอย่าง และตัวทารกมีเลือดกรุ๊ป B
ถึงตรงนี้น้องสาวผมและสามีมองหน้ากัน แล้วถามย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่ากรุ๊ปเลือด B แน่เหรอ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า B แน่ๆ เพราะผลแล็ปแจ้งว่ายังงั้น น้องสาวผมและสามีเธอจึงอธิบายว่า ตัวน้องสาวผมกรุ๊ปเลือด A ส่วนสามีกรุ๊ป O จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทารกจะเลือดกรุ๊ป B ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเลือดตัวคุณแม่กรุ๊ป A จริง เพราะตรวจก่อนผ่าคลอด เลยแนะนำให้คุณพ่อไปตรวจกรุ๊ปเลือดตัวเองใหม่ ซึ่งจริงๆ แล้ว ตัวคุณพ่อตรวจกรุ๊ปเลือดมาหลายต่อหลายครั้ง ก็ได้กรุ๊ป O มาตลอด น้องสาวผมและสามีจึงกลุ้มใจมากๆ เพราะนี่หมายความว่าอาจมีความผิดพลาดหรือ mix up ตอนใส่ตัวอ่อน!
ความเครียดสุมทุมทั้งคู่ รวมถึงคุณแม่ผมที่นอนเฝ้าน้องสาวด้วย ไม่รู้จะทำยังไง เพราะทำได้ดีที่สุดคือรอตอนเช้าเเล้วให้ตัวคุณพ่อไปตรวจเลือดใหม่ หวังว่าปาฏิหาริย์มีจริง อยู่ดีๆ กรุ๊ปเลือดที่เป็น O มาตลอดชีวิต 40 ปีจะเปลี่ยนเป็นกรุ๊ป B!
คืนนั้น ระหว่างที่ต่างคนต่างนอนไม่หลับ ปรึกษากันว่าจะทำยังไงต่อไปดี มองหน้ากันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็เข้ามาแจ้งบอกว่าจริงๆ แล้วเด็กเลือดกรุ๊ป A! ผลแล็ปที่แจ้งไปก่อนหน้านั้นมันผิดพลาด เอิ่ม.....ถึงตอนนี้ทางเราถึงกับพูดไม่ออก ดีใจมันก็ใช่ แต่ก็ดีใจได้ไม่เต็มที่เพราะก็ยิ่งกังวลกับผลตรวจเลือดอื่นๆ ของตัวเด็กที่เค้าเเจ้งมาก่อนหน้านี้ รวมถึงผลตรวจชิ้นเนื้อไส้ติ่งของน้องสาวผมอีก ว่าตกลงที่เเจ้งมาคือถูกรึเปล่าเนี่ย
ก่อนออกจากโรงพยาบาลเราก็ได้มีการแจ้งข้อกังวลนี้ไปทางโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็ให้เจ้าหน้าที่ฝ่าย Risk Management โทรมาหาน้องสาวผม เค้าแจ้งว่าผลแล็ปเค้าไม่ได้ผิด ผลมันถูกอยู่แล้วคือกรุ๊ป A แต่เจ้าหน้าที่ของเค้าใส่ผลมาผิดเพราะมีอีกคนที่มาคลอดชื่อเดียวกัน พอทางเราทักท้วงว่าผลเลือดมันไม่น่าถูก เจ้าหน้าที่คนนั้นกลัวความผิด จึงโกหกว่าผลแล็ปผิด!
ทางเราก็กังวลเพราะไม่รู้ว่าผลอื่นๆ ที่เค้าเเจ้งมาจะผิดพลาดเหมือนกับกรุ๊ปเลือดรึเปล่า เพราะเราจับผิดได้เเค่นี้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่มั่นใจในตัวโรงพญาบาลมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เราประสบมา เช่น
- มีครั้งนึง ที่น้องสาวผมไปอัลตราซาวด์ก่อนคลอด พอจะขอดูผล ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่เอาผลอัลตราซาวด์ให้ไปกับคนไข้คนอื่น! ต้องตามตัวกันจ้าละหวั่น โชคดีเค้ายังนั่งในร้านกาแฟในโรงพยาบาล จึงไปตามเอาผลมาได้ แล้วก็ให้ผลน้องสาวผมกลับมาบ้านเฉยเลย (ก่อนหน้านี้เค้าเคยแจ้งว่าผลอัลตราซาวด์ห้ามให้คนไข้กลับ ต้องเก็บไว้ในประวัติที่ รพ อันนี้ถูกผิดยังไงผมเองก็ไม่ทราบ)
- ประมาณเดือนนึงก่อนคลอด น้องสาวผมต้อง admit เพราะท้องแข็งเยอะ เกรงจะคลอดก่อนกำหนด จึงต้องนอน รพ คืนนึง บังเอิญน้องสาวผมต้องนอนคนเดียวมีแค่พยาบาลดูแล ปรากฎว่าตอนเช้าตื่นมาเดินไปเข้าห้องน้ำ (ท้องเกือบ 8 เดือน) มีบ่อน้ำเล็กๆตรงทางเดินระหว่างเตียงกับห้องน้ำเพราะแอร์รั่ว ถือว่าโชคยังดีที่น้องสาวผมไม่เดินไปเข้าห้องน้ำตอนยังมืด เพราะต้องลื่นล้มแน่ๆ กับเเอ่งน้ำขนาดนั้น เรื่องนี้ผมข่อนข้างไม่พอใจมากๆ เพราะตอนเลือกห้องเราเลือกห้องที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ราคาแพงกว่า เพื่อให้สะดวกสบายมากกว่าห้องเก่า
- พยาบาลบางท่านมาวัดไข้วัดความดันน้องสาวผมเวลาไปตรวจโดยไม่ใส่ Mask ทั้งๆ ที่ตนเป็นหวัด มีน้ำมูก! เหตุการณ์แบบนี้เกิดระหว่าง covid-19 กำลังระบาดด้วยครับ
ทั้งนี้ทางเราเองไม่ได้สนใจเหตุการณ์อื่นๆ ที่ผ่านมาเเล้วเท่าไรนะครับ แค่กังวลกับเรื่องผลเลือดของเด็กและผมชิ้นเนื้อของคุณแม่ที่เค้าแจ้งมาพร้อมๆ กับผลกรุ๊ปเลือดที่ผิดเท่านั้นเอง แต่เล่าเหตุการณ์เก่าข้างต้นให้ฟังเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เรายิ่งมีความกังวลกับความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลนี้น่ะครับ
คำถามนะครับ เราสามารถให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบอะไรหรือไม่อย่างไรครับ?
1. เค้าบอกจะเจาะเลือดทารกมาตรวจให้ใหม่ แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่คงไม่มีใครอยากให้ลูกมาโดนเจาะเลือดพร่ำเพรื่อยิ่งกับเรื่องความผิดพลาดของโรงพยาบาลเเบบนี้เป็นเเน่ จะมีโอกาสในระยะเวลาอันใกล้มั้ยครับ ที่เด็กแรกเกิดต้องเจาะเลือดอีกครั้ง แล้วเราค่อยตรวจตอนนั้น?
2. เป็นไปได้ไหมครับที่เราจะให้เค้าส่งชิ้นเนื้อไส้ติ่งของคุณแม่ไปตรวจใหม่ที่ โรงพยาบาลอื่นที่น่าเชื่อถือแล้วเเจ้งผลใหม่ให้เราทราบครับ
ทางโรงพยาบาลเองไม่ได้เสนอจะรับผิดชอบอะไรนะครับนอกจากจะเจาะเลือดเด็กมาตรวจกรุ๊ปเลือดให้ใหม่อย่างเดียว (เค้าแจ้งว่าประเด็นอื่นมันไม่เกี่ยวกัน) ถ้ามีคำแนะนำอื่นก็ยินดีน้อมรับครับ
ขอบคุณนะครับ
โรงพยาบาลแจ้งผลเลือดทารกแรกเกิดผิด
น้องสาวผมฝากท้องที่โรงพยาบาลพญาไท 2 เพราะคุณหมอที่ทำ IVF ให้ท่านเข้าตรวจประจำที่นี่ ช่วงประมาณสองเดือนก่อนคลอด น้องสาวผมมีอาการท้องแข็งบ้าง เลยต้องเข้ามาพบคุณหมอทุกสัปดาห์เพื่ออัลตราซาวด์ครรภ์และตัวทารกในครรภ์ ทุกครั้งที่อัลตราซาวด์เค้าจะเก็บผลไว้ในประวัติคนไข้ แต่เเจ้งว่าให้คนไข้เอากลับไปไม่ได้ครับ
น้องสาวผมนัดผ่าคลอดวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา ทั้งแม่เเละเด็กปลอดภัยดีครับ ขอบคุณคุณหมอและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ทำคลอดด้วยครับ เราตัดสินใจให้ผ่าไส้ติ่งพร้อมผ่าคลอดเลยด้วยครับ จึงมีการนำชิ้นเนื้อไปตรวจด้วย ทั้งคุณแม่และทารกอยู่โรงพยาบาลประมาณ 3 คืนหลังคลอด กลางคืนวันที่ 16 มีนาคมประมาณเกือบเที่ยงคืน คุณพยาบาลได้มาแจ้งผลเลือดของทารกให้กับคุณแม่และคุณพ่อที่ห้อง โดยบอกว่าผลเลือดทารกปกติหมดทุกอย่าง และตัวทารกมีเลือดกรุ๊ป B
ถึงตรงนี้น้องสาวผมและสามีมองหน้ากัน แล้วถามย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่ากรุ๊ปเลือด B แน่เหรอ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า B แน่ๆ เพราะผลแล็ปแจ้งว่ายังงั้น น้องสาวผมและสามีเธอจึงอธิบายว่า ตัวน้องสาวผมกรุ๊ปเลือด A ส่วนสามีกรุ๊ป O จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทารกจะเลือดกรุ๊ป B ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเลือดตัวคุณแม่กรุ๊ป A จริง เพราะตรวจก่อนผ่าคลอด เลยแนะนำให้คุณพ่อไปตรวจกรุ๊ปเลือดตัวเองใหม่ ซึ่งจริงๆ แล้ว ตัวคุณพ่อตรวจกรุ๊ปเลือดมาหลายต่อหลายครั้ง ก็ได้กรุ๊ป O มาตลอด น้องสาวผมและสามีจึงกลุ้มใจมากๆ เพราะนี่หมายความว่าอาจมีความผิดพลาดหรือ mix up ตอนใส่ตัวอ่อน!
ความเครียดสุมทุมทั้งคู่ รวมถึงคุณแม่ผมที่นอนเฝ้าน้องสาวด้วย ไม่รู้จะทำยังไง เพราะทำได้ดีที่สุดคือรอตอนเช้าเเล้วให้ตัวคุณพ่อไปตรวจเลือดใหม่ หวังว่าปาฏิหาริย์มีจริง อยู่ดีๆ กรุ๊ปเลือดที่เป็น O มาตลอดชีวิต 40 ปีจะเปลี่ยนเป็นกรุ๊ป B!
คืนนั้น ระหว่างที่ต่างคนต่างนอนไม่หลับ ปรึกษากันว่าจะทำยังไงต่อไปดี มองหน้ากันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็เข้ามาแจ้งบอกว่าจริงๆ แล้วเด็กเลือดกรุ๊ป A! ผลแล็ปที่แจ้งไปก่อนหน้านั้นมันผิดพลาด เอิ่ม.....ถึงตอนนี้ทางเราถึงกับพูดไม่ออก ดีใจมันก็ใช่ แต่ก็ดีใจได้ไม่เต็มที่เพราะก็ยิ่งกังวลกับผลตรวจเลือดอื่นๆ ของตัวเด็กที่เค้าเเจ้งมาก่อนหน้านี้ รวมถึงผลตรวจชิ้นเนื้อไส้ติ่งของน้องสาวผมอีก ว่าตกลงที่เเจ้งมาคือถูกรึเปล่าเนี่ย
ก่อนออกจากโรงพยาบาลเราก็ได้มีการแจ้งข้อกังวลนี้ไปทางโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็ให้เจ้าหน้าที่ฝ่าย Risk Management โทรมาหาน้องสาวผม เค้าแจ้งว่าผลแล็ปเค้าไม่ได้ผิด ผลมันถูกอยู่แล้วคือกรุ๊ป A แต่เจ้าหน้าที่ของเค้าใส่ผลมาผิดเพราะมีอีกคนที่มาคลอดชื่อเดียวกัน พอทางเราทักท้วงว่าผลเลือดมันไม่น่าถูก เจ้าหน้าที่คนนั้นกลัวความผิด จึงโกหกว่าผลแล็ปผิด!
ทางเราก็กังวลเพราะไม่รู้ว่าผลอื่นๆ ที่เค้าเเจ้งมาจะผิดพลาดเหมือนกับกรุ๊ปเลือดรึเปล่า เพราะเราจับผิดได้เเค่นี้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่มั่นใจในตัวโรงพญาบาลมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เราประสบมา เช่น
- มีครั้งนึง ที่น้องสาวผมไปอัลตราซาวด์ก่อนคลอด พอจะขอดูผล ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่เอาผลอัลตราซาวด์ให้ไปกับคนไข้คนอื่น! ต้องตามตัวกันจ้าละหวั่น โชคดีเค้ายังนั่งในร้านกาแฟในโรงพยาบาล จึงไปตามเอาผลมาได้ แล้วก็ให้ผลน้องสาวผมกลับมาบ้านเฉยเลย (ก่อนหน้านี้เค้าเคยแจ้งว่าผลอัลตราซาวด์ห้ามให้คนไข้กลับ ต้องเก็บไว้ในประวัติที่ รพ อันนี้ถูกผิดยังไงผมเองก็ไม่ทราบ)
- ประมาณเดือนนึงก่อนคลอด น้องสาวผมต้อง admit เพราะท้องแข็งเยอะ เกรงจะคลอดก่อนกำหนด จึงต้องนอน รพ คืนนึง บังเอิญน้องสาวผมต้องนอนคนเดียวมีแค่พยาบาลดูแล ปรากฎว่าตอนเช้าตื่นมาเดินไปเข้าห้องน้ำ (ท้องเกือบ 8 เดือน) มีบ่อน้ำเล็กๆตรงทางเดินระหว่างเตียงกับห้องน้ำเพราะแอร์รั่ว ถือว่าโชคยังดีที่น้องสาวผมไม่เดินไปเข้าห้องน้ำตอนยังมืด เพราะต้องลื่นล้มแน่ๆ กับเเอ่งน้ำขนาดนั้น เรื่องนี้ผมข่อนข้างไม่พอใจมากๆ เพราะตอนเลือกห้องเราเลือกห้องที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ราคาแพงกว่า เพื่อให้สะดวกสบายมากกว่าห้องเก่า
- พยาบาลบางท่านมาวัดไข้วัดความดันน้องสาวผมเวลาไปตรวจโดยไม่ใส่ Mask ทั้งๆ ที่ตนเป็นหวัด มีน้ำมูก! เหตุการณ์แบบนี้เกิดระหว่าง covid-19 กำลังระบาดด้วยครับ
ทั้งนี้ทางเราเองไม่ได้สนใจเหตุการณ์อื่นๆ ที่ผ่านมาเเล้วเท่าไรนะครับ แค่กังวลกับเรื่องผลเลือดของเด็กและผมชิ้นเนื้อของคุณแม่ที่เค้าแจ้งมาพร้อมๆ กับผลกรุ๊ปเลือดที่ผิดเท่านั้นเอง แต่เล่าเหตุการณ์เก่าข้างต้นให้ฟังเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เรายิ่งมีความกังวลกับความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลนี้น่ะครับ
คำถามนะครับ เราสามารถให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบอะไรหรือไม่อย่างไรครับ?
1. เค้าบอกจะเจาะเลือดทารกมาตรวจให้ใหม่ แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่คงไม่มีใครอยากให้ลูกมาโดนเจาะเลือดพร่ำเพรื่อยิ่งกับเรื่องความผิดพลาดของโรงพยาบาลเเบบนี้เป็นเเน่ จะมีโอกาสในระยะเวลาอันใกล้มั้ยครับ ที่เด็กแรกเกิดต้องเจาะเลือดอีกครั้ง แล้วเราค่อยตรวจตอนนั้น?
2. เป็นไปได้ไหมครับที่เราจะให้เค้าส่งชิ้นเนื้อไส้ติ่งของคุณแม่ไปตรวจใหม่ที่ โรงพยาบาลอื่นที่น่าเชื่อถือแล้วเเจ้งผลใหม่ให้เราทราบครับ
ทางโรงพยาบาลเองไม่ได้เสนอจะรับผิดชอบอะไรนะครับนอกจากจะเจาะเลือดเด็กมาตรวจกรุ๊ปเลือดให้ใหม่อย่างเดียว (เค้าแจ้งว่าประเด็นอื่นมันไม่เกี่ยวกัน) ถ้ามีคำแนะนำอื่นก็ยินดีน้อมรับครับ
ขอบคุณนะครับ