'พิชัย' แนะ ลดดอกเบี้ยเหลือ 0 % จัดซอฟท์โลน 5 แสนล้านประคองธุรกิจได้ผลกระทบโควิด-19
https://www.matichon.co.th/politics/news_2071707
‘พิชัย’ แนะ ลดดอกเบี้ยเหลือ 0 % จัดซอฟท์โลน 5 แสนล้านประคองธุรกิจได้ผลกระทบ ชี้ ต้องเตรียมการภาครัฐให้พร้อมก่อนปิดประเทศ จี้ ห้ามส่งหน้ากาก และ เร่งนำเข้าอุปกรณ์ตรวจไวรัส
นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลยังสับสนในการบริหารจัดการประเทศในช่วงวิกฤต ขนาดจะปิดกรุงเทพหรือไม่ปิดกรุงเทพ พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ โฆษกรัฐบาลยังพูดไม่ตรงกัน ต้องแก้กันไปแก้กันมา ขณะเดียวกันรัฐบาลประกาศปิดสถานบริการต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ไม่ได้มีแผนรองรับว่าจะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร พลเอกประยุทธ์บอกว่าการส่งออกหน้ากากอนามัย 5.6 ล้านชิ้นไม่มีจริง แต่นาย
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว. พาณิชย์ กลับยอมรับเองว่าได้รับอนุญาตส่งออกถูกต้อง ทั้งที่ต้องถามว่ายังจะให้มีการส่งออกหน้ากากอนามัยกันอยู่อีกหรือ ทั้งๆที่ประชาชนขาดแคลนอย่างหนัก ต้องเข้าแถวซื้อหน้ากากกันยาวเหยียดเหมือนอดีตประเทศโซเวียตรัสเซียเข้าคิวซื้อแบ่งปันสินค้าก่อนที่ประเทศโซเวียตจะล่มสลาย หรือ แม้กระทั่งเรื่องจัดพิธีสวดมนต์ก็ยังสับสน ถึงแม้จะให้คนอยู่นอกอุโบสถก็ไม่ได้แปลว่าจะห้ามการแพร่กระจายของไวรัสได้ สุดท้ายประชาชนคงอยากสวดมนต์ที่บ้านตามศาสนาที่ตนศรัทธา เพื่อขอให้ได้รัฐบาลใหม่ที่ฉลาดและมีการบริหารจัดการประเทศที่ดีกว่ารัฐบาลปัจจุบัน
ในภาวะวิกฤตนี้รัฐบาลควรคิดให้ครบกรอบในหลายด้าน เพื่อรองรับปัญหาให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะต้องอธิบายยาว ดังนั้นจึงขอแนะนำ 4 เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบางควรต้องทำเพื่อช่วยเหลือประชาชนดังนี้
1. ให้ รัฐบาล และ กระทรวงการคลัง ร่วมกับ ธนาคารแห่งประะทศไทย ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% พร้อมเตรียมวงเงินซอฟท์โลน อัตราดอกเบี้ย 0% จำนวน 500,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบให้ประคองตัวให้ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ ทั้งนี้ สหรัฐเองก็ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0% เช่นกัน และประกาศอัดฉีดเงินกว่า 7 แสนล้านเหรียญ การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของไทยลงเหลือ 0% เหมือนของสหรัฐ จะช่วยลดภาระของธุรกิจได้มาก และจะลดภาระของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยในการช่วยเหลือภาคธุรกิจ อีกทั้งยังทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเพื่อช่วยการส่งออก และจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น โดยไม่ต้องห่วงเงินเฟ้อ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่ำมากเหลือเพียง 20 กว่าเหรียญสหรัฐต่อบาเรลเท่านั้น จากสงครามราคาน้ำมันของประเทศซาอุดิอาราเบีย และ ประเทศรัสเซีย อีกทั้งการออกซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท แก่ภาคธุรกิจ เอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบ ที่อัตราดอกเบี้ย 0 % เพื่อประคองธุรกิจและรักษาการจ้างงาน แบงต์ชาติต้องขอความร่วมมือแกมบังคับจากธนาคารพาณิชย์ให้ลดค่าใช้จ่ายในการลดอัตราดอกเบี้ยให้กับภาคธุรกิจลงเช่นกัน โดยรัฐบาลยอมร่วมออกบางส่วนและธนาคารพาณิชย์ควรต้องเฉือนเนื้อตัดกำไรบ้างเพื่อช่วยสนับสนุนด้วย หลังจากปีที่แล้วที่ธนาคารพาณิชย์กำไรถึง 2.7 แสนล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นถึง 30.8% โดยซอฟท์โลนนี้อาจจะต้องให้ยาวไปถึงหลังวิกฤตผ่านไปแล้วด้วย เพื่อให้หน่วยธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้ การที่จะต้องออกนโยบายการเงินและนโยบายการคลังให้สอดคล้องกันเป็นเรื่องจำเป็นในภาวะเช่นนี้ และรัฐบาลอาจจะต้องพิจารณาลดภาษีหลายด้านเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในภาวะวิกฤตประเทศต้องการมาตรการที่รุนแรงเฉียบพลันและได้ผล ซึ่งจะมาคิดแบบอนุรักษ์นิยมเหมือนในภาวะปกติไม่ได้
2. เชื่อว่าในที่สุดแล้ว ประเทศไทยจะต้องประกาศปิดประเทศจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 เหมือนหลายประเทศที่ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และควรเร่งปิดประเทศ แต่ก่อนที่จะปิดประเทศรัฐบาลควรจะต้องเตรียมการในเรื่องต่างๆทุกด้านให้พร้อม โดยเฉพาะการจัดการภาครัฐ ที่จะต้องรีบปรับตัวพัฒนาการเชื่อมต่อออนไลน์เพื่อรองรับการปิดประเทศ ไม่ใช่พอจวนตัวแล้วรีบปิดประเทศโดยไม่ได้สร้างระบบรองรับ ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจจะยิ่งส่งผลรุนแรง ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเตรียมพร้อมทุกด้านก่อนจะประกาศปิดประเทศ ทั้งนี้ ในภาวะวิกฤติก็เป็นโอกาสดีที่ประเทศนี้จะพัฒนาราชการให้เป็นระบบออนไลน์ทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพ เพื่อประเทศไทยจะได้พัฒนาขึ้นหลังจากวิกฤตนี้ โดยในภาวะวิกฤตนี้ก็จะเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยทั้งภาคเอกชนและภาครัฐจะสามารถพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันโลกได้เช่นกันถ้ารัฐบาลฉลาดพอ
3. สั่งห้ามการส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะได้รับ BOI หรือ มีลิขสิทธิ์ใดๆ เพื่อให้ประชาชนในประเทศมีหน้ากากอนามัยใช้ให้เพียงพอ ไม่ต้องไปเข้าคิวรอยาวเหยียดและเสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัส เหมือนที่ประเทศไต้หวันสั่งห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งหมดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ในภาวะวิกฤตนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการเรื่องนี้ได้ และทุกบริษัทต้องเข้าใจและต้องปฏิบัติตาม จะมาอ้างเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวกันไม่ได้ ความจริงคือพลเอก
ประยุทธ์ได้สั่งการหลายเรื่องที่เป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมากมายที่ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ แต่กับเรื่องนี้ที่เป็นความจำเป็นของประชาขนกลับไม่สั่งทำหรือคิดไม่ออก
4. เร่งการใช้อุปกรณ์ตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบตัวเองได้ ที่ต่างประเทศได้คิดค้น ผลิต และมีจำหน่ายกันแล้ว หรือ ที่ กลุ่มปตท. คิดค้นได้แล้วก็ได้ และมีราคาไม่แพง เพียงชุดละ ไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น เพื่อลดความกังวลของประชาชนว่าตนเองจะติดไวรัสโควิท-19 หรือไม่ และหากพบว่าติดไวรัส จะได้เร่งพบแพทย์และกักตัวในทันทีเพื่อทำการรักษา การพบแต่แรกและเร่งเข้ารับการรักษาจะช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้มาก รัฐบาลอาจจะใช้อุปกรณ์นี้ในการตรวจประชาชนในกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อโดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพราะราคาถูก และไม่ต้องวิ่งไปหาผู้ที่จะป่วยแต่ผู้เสี่ยงที่จะป่วยจะวิ่งมาหาเอง
นี่เป็นเพียง 4 เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลควรต้องรีบทำเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลต้องคิดล่วงหน้าว่าจะต้องออกนโยบายอะไร เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หมดสมัยแล้วที่จะมีรัฐบาลที่คอยแต่ตั้งรับปัญหา และแก้ปัญหาอย่างล่าช้า ทั้งนี้ หากประเทศไทยจะรอดและพัฒนาต่อไปได้ ประเทศไทยจะต้องมีผู้นำและรัฐบาลที่คิดล่วงหน้าและป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดปัญหา ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่าทำไม่ได้เพราะคิดไม่เป็น
ในวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ของโลกครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลที่ “
ทำมากไปและทำเร็วไป” (Too much too soon) จะดีกว่า รัฐบาลที่ “
ทำช้าไปและทำน้อยไป” (Too little too late) มากเพราะจะช่วยเหลือชีวิตของประชาชนได้มากกว่า
อำนาจไม่ใช่ของประชาชน! “ธนาธร” ไลฟ์สด-กางโรดแมป พาปท.สู่ปชต.ลั่นไม่กลัว-ไม่หนีคุก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2071275
อำนาจไม่ใช่ของประชาชน! “ธนาธร” ไลฟ์สดบรรยาย นศ.กางโรดแม็ป พาปท.สู่ประชาธิปไตย ลั่นไม่กลัว- ไม่หนีคุก ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊ก บรรยายทางไกลในฐานะอาจารย์พิเศษ ให้กับนักศึกษาหลักสูตรรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในหัวข้อ “
จากขบวนการเคลื่อนไหวสู่พรรคการเมือง: ประสบการณ์การสร้างพรรคการเมืองใหม่และความท้าทาย” ซึ่งเป็นไปตามคำเชิญของอาจารย์ผู้สอนใน วิชา POS-221 พรรคการเมืองและการเมืองของการเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้นายธนาธรตั้งใจจะเดินทางไปบรรยายถึงมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด19 ระบาด จึงเลือกที่จะใช้วิธีบรรยายทางไกลและไลฟ์สดให้ผู้สนใจทั่วไปได้รับชมด้วย
โดยตอนหนึ่ง นาย
ธนาธร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ออกแบบมาให้อำนาจองค์กรอิสระต่างๆ มากมาย และต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง ซึ่งหลังจากการเลือกตั้ง เราเจอกับผลของรัฐธรรมนูญฉบับบนี้ ดังจะเห็นได้ว่า เดิมทีมีพรรคการเมืองที่ประกาศตัวไม่สนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนวนรวมกันมากกว่าพรรคที่ประกาศตัวสนับสนุน พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่การดำรงอยู่ของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.
ประยุทธ์ ทำให้เกิดการบิดเบือนเจตจำนงของพรรคการเมืองต่างๆ ที่เคยให้ไว้ ดังคำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลเป็นเพราะต้องการนำนโยบายไปปฏิบัติ และเพราะคณิตศาสตร์การเมือง ที่เป็นฝ่ายต่อต้าน คสช. มี 245 เสียง ซึ่งต่อให้พรรคประชาธิปัตย์ไปรวมก็ยังไม่มีเสียงพอที่จะตั้งรัฐบาลได้
“
นี่คือความท้าทายและอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับพรรคการเมือง เมื่อเป็นพรรคการเมืองที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ก็จะเจอเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ การดำรงอยู่ของ ส.ว.ในลักษณะนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ย้อนกลับไปได้ถึงต้นตอของปัญหาทั้งหมด คือ คำถามที่ว่าอำนาจในประเทศนี้เป็นของใคร นี่คือต้นตอของความขัดแย้งทางการเมืองในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบไว้ชัดเจนว่า อำนาจในประเทศนี้ไม่ใช่ของประชาชนในประเทศไทย” นาย
ธนาธร กล่าว
https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/videos/639276430183452/
JJNY : พิชัยแนะลดดอกเบี้ยเหลือ 0%/ธนาธรไลฟ์สด-กางโรดแมป พาปท.สู่ปชต./ไลน์ปชป.เดือด!/ยอดผู้ติดเชื้อโควิด19ยังเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2071707
‘พิชัย’ แนะ ลดดอกเบี้ยเหลือ 0 % จัดซอฟท์โลน 5 แสนล้านประคองธุรกิจได้ผลกระทบ ชี้ ต้องเตรียมการภาครัฐให้พร้อมก่อนปิดประเทศ จี้ ห้ามส่งหน้ากาก และ เร่งนำเข้าอุปกรณ์ตรวจไวรัส
นาย พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลยังสับสนในการบริหารจัดการประเทศในช่วงวิกฤต ขนาดจะปิดกรุงเทพหรือไม่ปิดกรุงเทพ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ โฆษกรัฐบาลยังพูดไม่ตรงกัน ต้องแก้กันไปแก้กันมา ขณะเดียวกันรัฐบาลประกาศปิดสถานบริการต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ไม่ได้มีแผนรองรับว่าจะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร พลเอกประยุทธ์บอกว่าการส่งออกหน้ากากอนามัย 5.6 ล้านชิ้นไม่มีจริง แต่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว. พาณิชย์ กลับยอมรับเองว่าได้รับอนุญาตส่งออกถูกต้อง ทั้งที่ต้องถามว่ายังจะให้มีการส่งออกหน้ากากอนามัยกันอยู่อีกหรือ ทั้งๆที่ประชาชนขาดแคลนอย่างหนัก ต้องเข้าแถวซื้อหน้ากากกันยาวเหยียดเหมือนอดีตประเทศโซเวียตรัสเซียเข้าคิวซื้อแบ่งปันสินค้าก่อนที่ประเทศโซเวียตจะล่มสลาย หรือ แม้กระทั่งเรื่องจัดพิธีสวดมนต์ก็ยังสับสน ถึงแม้จะให้คนอยู่นอกอุโบสถก็ไม่ได้แปลว่าจะห้ามการแพร่กระจายของไวรัสได้ สุดท้ายประชาชนคงอยากสวดมนต์ที่บ้านตามศาสนาที่ตนศรัทธา เพื่อขอให้ได้รัฐบาลใหม่ที่ฉลาดและมีการบริหารจัดการประเทศที่ดีกว่ารัฐบาลปัจจุบัน
ในภาวะวิกฤตนี้รัฐบาลควรคิดให้ครบกรอบในหลายด้าน เพื่อรองรับปัญหาให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะต้องอธิบายยาว ดังนั้นจึงขอแนะนำ 4 เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบางควรต้องทำเพื่อช่วยเหลือประชาชนดังนี้
1. ให้ รัฐบาล และ กระทรวงการคลัง ร่วมกับ ธนาคารแห่งประะทศไทย ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% พร้อมเตรียมวงเงินซอฟท์โลน อัตราดอกเบี้ย 0% จำนวน 500,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบให้ประคองตัวให้ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ ทั้งนี้ สหรัฐเองก็ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0% เช่นกัน และประกาศอัดฉีดเงินกว่า 7 แสนล้านเหรียญ การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของไทยลงเหลือ 0% เหมือนของสหรัฐ จะช่วยลดภาระของธุรกิจได้มาก และจะลดภาระของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยในการช่วยเหลือภาคธุรกิจ อีกทั้งยังทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเพื่อช่วยการส่งออก และจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น โดยไม่ต้องห่วงเงินเฟ้อ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่ำมากเหลือเพียง 20 กว่าเหรียญสหรัฐต่อบาเรลเท่านั้น จากสงครามราคาน้ำมันของประเทศซาอุดิอาราเบีย และ ประเทศรัสเซีย อีกทั้งการออกซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท แก่ภาคธุรกิจ เอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบ ที่อัตราดอกเบี้ย 0 % เพื่อประคองธุรกิจและรักษาการจ้างงาน แบงต์ชาติต้องขอความร่วมมือแกมบังคับจากธนาคารพาณิชย์ให้ลดค่าใช้จ่ายในการลดอัตราดอกเบี้ยให้กับภาคธุรกิจลงเช่นกัน โดยรัฐบาลยอมร่วมออกบางส่วนและธนาคารพาณิชย์ควรต้องเฉือนเนื้อตัดกำไรบ้างเพื่อช่วยสนับสนุนด้วย หลังจากปีที่แล้วที่ธนาคารพาณิชย์กำไรถึง 2.7 แสนล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นถึง 30.8% โดยซอฟท์โลนนี้อาจจะต้องให้ยาวไปถึงหลังวิกฤตผ่านไปแล้วด้วย เพื่อให้หน่วยธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้ การที่จะต้องออกนโยบายการเงินและนโยบายการคลังให้สอดคล้องกันเป็นเรื่องจำเป็นในภาวะเช่นนี้ และรัฐบาลอาจจะต้องพิจารณาลดภาษีหลายด้านเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในภาวะวิกฤตประเทศต้องการมาตรการที่รุนแรงเฉียบพลันและได้ผล ซึ่งจะมาคิดแบบอนุรักษ์นิยมเหมือนในภาวะปกติไม่ได้
2. เชื่อว่าในที่สุดแล้ว ประเทศไทยจะต้องประกาศปิดประเทศจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 เหมือนหลายประเทศที่ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และควรเร่งปิดประเทศ แต่ก่อนที่จะปิดประเทศรัฐบาลควรจะต้องเตรียมการในเรื่องต่างๆทุกด้านให้พร้อม โดยเฉพาะการจัดการภาครัฐ ที่จะต้องรีบปรับตัวพัฒนาการเชื่อมต่อออนไลน์เพื่อรองรับการปิดประเทศ ไม่ใช่พอจวนตัวแล้วรีบปิดประเทศโดยไม่ได้สร้างระบบรองรับ ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจจะยิ่งส่งผลรุนแรง ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเตรียมพร้อมทุกด้านก่อนจะประกาศปิดประเทศ ทั้งนี้ ในภาวะวิกฤติก็เป็นโอกาสดีที่ประเทศนี้จะพัฒนาราชการให้เป็นระบบออนไลน์ทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพ เพื่อประเทศไทยจะได้พัฒนาขึ้นหลังจากวิกฤตนี้ โดยในภาวะวิกฤตนี้ก็จะเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยทั้งภาคเอกชนและภาครัฐจะสามารถพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันโลกได้เช่นกันถ้ารัฐบาลฉลาดพอ
3. สั่งห้ามการส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะได้รับ BOI หรือ มีลิขสิทธิ์ใดๆ เพื่อให้ประชาชนในประเทศมีหน้ากากอนามัยใช้ให้เพียงพอ ไม่ต้องไปเข้าคิวรอยาวเหยียดและเสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัส เหมือนที่ประเทศไต้หวันสั่งห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งหมดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ในภาวะวิกฤตนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการเรื่องนี้ได้ และทุกบริษัทต้องเข้าใจและต้องปฏิบัติตาม จะมาอ้างเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวกันไม่ได้ ความจริงคือพลเอกประยุทธ์ได้สั่งการหลายเรื่องที่เป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมากมายที่ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ แต่กับเรื่องนี้ที่เป็นความจำเป็นของประชาขนกลับไม่สั่งทำหรือคิดไม่ออก
4. เร่งการใช้อุปกรณ์ตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบตัวเองได้ ที่ต่างประเทศได้คิดค้น ผลิต และมีจำหน่ายกันแล้ว หรือ ที่ กลุ่มปตท. คิดค้นได้แล้วก็ได้ และมีราคาไม่แพง เพียงชุดละ ไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น เพื่อลดความกังวลของประชาชนว่าตนเองจะติดไวรัสโควิท-19 หรือไม่ และหากพบว่าติดไวรัส จะได้เร่งพบแพทย์และกักตัวในทันทีเพื่อทำการรักษา การพบแต่แรกและเร่งเข้ารับการรักษาจะช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้มาก รัฐบาลอาจจะใช้อุปกรณ์นี้ในการตรวจประชาชนในกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อโดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพราะราคาถูก และไม่ต้องวิ่งไปหาผู้ที่จะป่วยแต่ผู้เสี่ยงที่จะป่วยจะวิ่งมาหาเอง
นี่เป็นเพียง 4 เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลควรต้องรีบทำเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลต้องคิดล่วงหน้าว่าจะต้องออกนโยบายอะไร เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หมดสมัยแล้วที่จะมีรัฐบาลที่คอยแต่ตั้งรับปัญหา และแก้ปัญหาอย่างล่าช้า ทั้งนี้ หากประเทศไทยจะรอดและพัฒนาต่อไปได้ ประเทศไทยจะต้องมีผู้นำและรัฐบาลที่คิดล่วงหน้าและป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดปัญหา ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่าทำไม่ได้เพราะคิดไม่เป็น
ในวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ของโลกครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลที่ “ทำมากไปและทำเร็วไป” (Too much too soon) จะดีกว่า รัฐบาลที่ “ทำช้าไปและทำน้อยไป” (Too little too late) มากเพราะจะช่วยเหลือชีวิตของประชาชนได้มากกว่า
อำนาจไม่ใช่ของประชาชน! “ธนาธร” ไลฟ์สด-กางโรดแมป พาปท.สู่ปชต.ลั่นไม่กลัว-ไม่หนีคุก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2071275
อำนาจไม่ใช่ของประชาชน! “ธนาธร” ไลฟ์สดบรรยาย นศ.กางโรดแม็ป พาปท.สู่ประชาธิปไตย ลั่นไม่กลัว- ไม่หนีคุก ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊ก บรรยายทางไกลในฐานะอาจารย์พิเศษ ให้กับนักศึกษาหลักสูตรรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในหัวข้อ “จากขบวนการเคลื่อนไหวสู่พรรคการเมือง: ประสบการณ์การสร้างพรรคการเมืองใหม่และความท้าทาย” ซึ่งเป็นไปตามคำเชิญของอาจารย์ผู้สอนใน วิชา POS-221 พรรคการเมืองและการเมืองของการเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้นายธนาธรตั้งใจจะเดินทางไปบรรยายถึงมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด19 ระบาด จึงเลือกที่จะใช้วิธีบรรยายทางไกลและไลฟ์สดให้ผู้สนใจทั่วไปได้รับชมด้วย
โดยตอนหนึ่ง นายธนาธร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ออกแบบมาให้อำนาจองค์กรอิสระต่างๆ มากมาย และต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง ซึ่งหลังจากการเลือกตั้ง เราเจอกับผลของรัฐธรรมนูญฉบับบนี้ ดังจะเห็นได้ว่า เดิมทีมีพรรคการเมืองที่ประกาศตัวไม่สนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนวนรวมกันมากกว่าพรรคที่ประกาศตัวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่การดำรงอยู่ของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดการบิดเบือนเจตจำนงของพรรคการเมืองต่างๆ ที่เคยให้ไว้ ดังคำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลเป็นเพราะต้องการนำนโยบายไปปฏิบัติ และเพราะคณิตศาสตร์การเมือง ที่เป็นฝ่ายต่อต้าน คสช. มี 245 เสียง ซึ่งต่อให้พรรคประชาธิปัตย์ไปรวมก็ยังไม่มีเสียงพอที่จะตั้งรัฐบาลได้
“นี่คือความท้าทายและอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับพรรคการเมือง เมื่อเป็นพรรคการเมืองที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ก็จะเจอเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ การดำรงอยู่ของ ส.ว.ในลักษณะนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ย้อนกลับไปได้ถึงต้นตอของปัญหาทั้งหมด คือ คำถามที่ว่าอำนาจในประเทศนี้เป็นของใคร นี่คือต้นตอของความขัดแย้งทางการเมืองในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบไว้ชัดเจนว่า อำนาจในประเทศนี้ไม่ใช่ของประชาชนในประเทศไทย” นายธนาธร กล่าว
https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/videos/639276430183452/