ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
.
คำเตือน : เรื่องสั้นนี้ อาจมีเนื้อหาเหนือจริง ที่แฝงไว้ด้วยความรุนแรง
พฤติกรรม การกระทำ ความคิดและคำพูดของตัวละคร ตั้งอยู่เหนือความไม่สมเหตุสมผลทั้งปวง
รวมถึงมีการใช้คำหยาบ คำไม่เข้าใจ ในบางบริบท กลวิธีการเขียน ไม่อิงตามรูปแบบปกติทั่วไป
ไม่เหมาะกับคนเคร่งจริยธรรมสังคมระดับสูง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
^
ที่มา ดัดแปลงมาจาก คำเตือน ของคุณ zionzany จากเรื่อง Tcell H.A.V ขออนุญาต ขอขอบคุณ มา ณ ที่นี้
ผู้หญิงหากิน
ฉันไม่แน่ใจว่า ทำไมผู้คนเรียกกันแบบนั้น ทั้งที่มีคำอื่นมากมาย เช่น หญิงขายบริการ. คุณโส, โสเภณี, อิตัว , ออหรี่, นางโลม, นางคณิกา ฉันเห็นคำนี้บ่อย ๆ ในสื่อหลายประเภท รวมทั้งการพูดคุย ในขณะที่พวกผู้ชายขายบริการ ไม่ค่อยเห็นเรียก ผู้ชายหากิน กันสักเท่าไรเลย ฉันเองก็ไม่เคยอ้าง ความยากจน โอกาสทางสังคม หรือเหตุผลอื่น มาหาความชอบธรรม ทำให้ตัวเองดีขึ้นหรอกนะ คนอย่างพวกเรา ยังไงก็กู่ไม่กลับ ดึงไม่ขึ้นอยู่แล้ว
เจ๊ทิพย์ เพื่อนรุ่นพี่ในกลุ่ม เป็นคนโชคดีกว่าใคร เพราะเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็น ‘เจ๊ใหญ่’ ของถิ่นนี้ อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยการเป็นสิ่งที่คนเรียกกันว่า ‘แม่เล้า’ นั่นเอง การมาอยู่ในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องมีความสามารถในการบริหารงาน การแก้ปัญหา และการยอมรับ โดยไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
ระยะนี้กิจการจะไม่ค่อยดีเพราะพิษเศรษฐกิจ ลูกค้าไม่ค่อยมาเที่ยว แม้จะจัดโปรโมชัน ลดแหลกแจกแถมก็ตาม ส่วนสาวบริการในสังกัด ไม่ต้องเสียค่านายหน้าให้ดสียเวลาไปหลอกสาวที่ไหน แค่ประกาศลงในเฟซบุ๊ก ก็มีสาวมาสมัครมากมาย ขอทำงานด้วย ชนิดต้องมีการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกเข้าทำงาน เจ๊ทิพย์เชิญให้ฉันไปเป็นกรรมการคัดเลือกอยู่บ่อย ๆ ผู้หญิงหลายคนเต็มใจกับงาน ทั้งที่รู้ว่าเป็นงานประเภทไหน เพราะความไม่อยากทำงานอย่างอื่น หรืออะไรก็สุดคาดเดาได้ บางคนให้สัมภาษณ์ตรง ๆ ว่า ถ้าจะให้ไปทำงานกรรมกรกลางแดดกลางลม ขอมาทำงานขายบริการดีกว่า สบายกว่ากันเยอะ เผลอ ๆ จับฝรั่ง รวย ๆ แก่ ๆ ตายง่าย ย้ายไปอยู่เมืองนอกสบายใจเฉิบ
บางคนก็เป็นนักศึกษา ให้สัมภาษณ์ว่าต้องการเงินค่าเทอม เงินที่ทางบ้านส่งมาให้ ไม่พอใช้ เพราะเอาเงินไปปรนเปรอแฟนหนุ่มขี้ยาไร้อาชีพไร้อนาคต จนหมด ด้วยติดค่านิยมว่า “มีแฟนผู้ชายเลว มันกินไม่ได้ แต่แบดบอยเท่เร้าใจ” ฉันเองก็ไม่เคยเชื่อหรอกว่าจะมีคนคิดเป็นจริงเป็นจัง จนได้ฟังจากปากของสาวบางคน ครั้นจะให้ไปทำงานเสริมรายได้ ด้วยการไปล้างจาน แคชเชียร์ งานตามศูนย์การค้า หรือโครงการช่วยเหลือของสถานศึกษา ก็เห็นว่าเสียเกียรติวงค์ตระกูล สู้มีคู่แมงดาไร้อนาคต มาเกาะกินไปวัน ๆ ไม่ได้ ยิ่งวันไหนคู่ขาโดนตำรวจ จับคดีปล้นจี้เสพติด ยิ่งรู้สึกมีหน้ามีตา เป็นที่รู้จักเลื่องลือ โด่งดังในสังคม หน้าบานเป็นจานเชิงหลายวัน
เพื่อนรุ่นน้องของฉันชื่อน้อย หน้าตาดีกว่าพวกเราทุกคน มักจะโดนเพื่อนร้องเพลงล้อเลียนบ่อย ๆ ด้วยเพลงสมัยเก่าแก่ ว่า ไอ้น้อยเสียคน...ไอ้น้อยเสียคน เสียจนหมดตัว...เป็นที่เฮฮากันสนุกสนาน รายนี้เป็นสาวโรงงาน ลูกชายรูปหล่อแบบเกาหลีเจ้าของคนงาน บังเอิญมาเจอ บอกว่ารักใคร่ชอบพอ จะให้เป็นภรรยา ตกแต่งตามประเพณี ให้มีหน้ามีตา ไม่รังเกียจว่าเป็นสาวบ้านนอก หลังจากฝันหวานไม่นาน เธอก็รู้ตัวว่าถูกหลอก หนุ่มหน้าเกาหลีกลายเป็นไอ้หน้าเกาเหลา บอกอย่างโอ่อ่าสง่างาม ว่ามีลูกมีเมียอยู่แล้ว แถมไม่รู้ว่ากี่คน ไม่รู้ว่าน้องเป็นคนรักที่เท่าไร ซ้ำร้ายพอเจ้าของโรงงานรู้เรื่อง ก็รับแก้ปัญหาแบบไม่ต้องส่งฟ้องศาลให้เสียอารมณ์ โดยมีลูกชายแสนดียิ้มระรื่นชื่นบานลอยหน้าลอยตาเต้นเชียร์ชนิดไม่เกรงใจ ลงโทษลูกชายตัวเองขั้นเด็ดขาด ด้วยการเชิญเจ้าน้อยออกจากโรงงานทันที เงินชดเชยอะไรก็ไม่ได้
คนอย่างน้อย สาวบ้านนอก จะเอาปัญหาที่ไหน ไปเรียกร้องฟ้องขอสิทธิ์อันพึงจะได้
เจ้าน้อยเสียคน จึงเชิญตัวเองมาอยู่ในร่มเงาในเล้าของเจ๊ทิพย์ เพื่อนรุ่นพี่ของฉัน เพราะไม่อยากอับอายทางบ้าน ที่ไปประกาศออกวิทยุชุมชนแล้วว่า เธอจะแต่งงาน เป็นสะใภ้คนรวย แฟนเป็นลูกชายเจ้าของโรงงาน โจษจันไปทั้งตำบล น้อยก็คงไม่ได้ผิดอะไรมากมายกับการคิดฝันไปตามประสาสาวใสวัยฝัน เธอผิดที่หลงรักคนผิดต่างหาก ดีว่ายังไม่มีลูกด้วยกัน
เจ๊ทิพย์ เป็นคนน้ำใจดี แม้ว่าอาชีพที่ทำจะไม่ถูกกฎหมาย สังคมไม่ยอมรับ แต่ลูกค้ายอมรับ คำว่า น้ำใจ ไม่เคยขาดหาย ฉันเองก็เชื่อเช่นนั้น เราจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด ช่วยเหลือกันและกันเท่าที่จะทำได้ เจ๊ทิพย์ไม่เคยบังคับผู้หญิงคนไหนให้มาทำงาน บางคนลาออก เธอยังจัดงานอาลาอาลัย มอบเงินชดเชยและเงินสวัสดิการให้ หลายคนมองเธอเป็นทั้งพี่ทั้งแม่ เพราะเจ๊ทิพย์ช่วยแก้ปัญหาอะไรต่อมิอะไรให้หลายอย่าง เท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถทำได้
ปัญหาระยะนี้ของเจ้ทิพย์ น่าจะเป็นนายตำรวจหนุ่ม มาดเขื่องโข มาใช้บริการฟรีโดยอ้างว่าเป็นการจ่ายส่วย ตำรวจดี ๆ ก็มีมากมาย แต่ตำรวจแบบนี้เจ๊ทิพย์เกลียดที่สุด ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ กร่างไปทั่ว คนที่มาหากินกับผู้หญิงหากิน เป็นคนขนิดใดกัน
“ไอ้คุณหน้าปลาบล็อบมันมาไถเงิน” เจ๊กระซิบ พลางขยับตาทำท่าให้ฉัน และคนอื่นหลบไปจากห้องรับแขก คงอยากจะเจรจากับไอ้คุณหน้าปลาบล็อบเพียงลำพัง ฉันรู้จักว่าปลาบล็อบหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะเจ๊เคยเอาภาพจากหนังสือท่องโลกมาให้ดู ทำเอาพวกเราพากันหัวเราะกับหน้าตาน่าเกลียดของมัน
พวกเรารู้สึกสงสารลูกพี่ทิพย์ไม่ได้
คืนนี้ แทบไม่มีลูกค้าพลัดหลงเข้ามา นวลนางในตู้กระจกยังมีหลายคนไม่ยอมถอยทัพ หวังว่าจะมีลูกค้า เวลาก็แค่สองทุ่มกว่า พอมีหวัง พวกนางจึงนั่งรอ พูดคุยกันไปตามประสา บางคนก็เริ่มหัดถักนิตติ้ง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ทุกคนทำหน้าเบ้หน้าเอือมละอา เมื่อเห็นคุณหน้าปลาบล็อบด้อม ๆ มอง ๆ หน้าตู้ น้ำลายยืดไหลน่าเกลียดที่สุด
เราเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ๊ทิพย์อย่างไร ได้แต่พากันถอนใจ
“เอ วันนี้วันอะไรคะ” น้อยที่ออกมาค่าเวลา ด้วยการนั่งดูทีวีแขวนผนังบริเวณห้องรับแขก หันมาถาม เธอเป็นคนหนึ่งที่ถอดใจไม่ยอมรอแขก
“วันศุกร์ มีอะไรเหรอ” ฉันถามอย่างสงสัย
“น้อยเบื่อ...” เธอตอบสั้น ๆ พลางมองตามหลังไอ้คุณหน้าปลาบล็อบ ที่เดินตามหลังเจ้ทิพย์ไปหลังร้าน มีตู้เซฟของเจ๊อยู่ตรงนั้น ครั้งสุดท้ายที่จำได้ เหลือเงินอยู่ไม่กี่พันเท่านั้น ยังจะมาโดนตำรวจนอกรีต มารีดไถไปอีก
“ได้ข่าวว่า กร๊วกสะโป๊กด๊าช มาสร้างปัญหาอะไรให้อีกเหรอ” ฉันเลียบเคียงตามถึงอดีตแฟน คำว่า ‘กร๊วกสะโป๊กด๊าช’ เป็นชื่อที่เจ๊ทิพย์ ใช้เรียกลูกชายเจ้าของโรงงาน อดีตคนรักของน้อย เธอมีวิธีการตั้งฉายาให้คนอื่นที่ไม่ชอบหน้า ได้อย่างสุดฮา แม้ว่าบางทีไม่รู้ความหมายเลยสักนิด ว่าฉายาที่ตั้ง หมายถึงอะไร
“มันเอาคลิปน้อยสมัยคบกับมัน ไปลงเน็ต” น้อยบอกอย่างเซ็งจิตกับเจ้ากรรมนายเวรที่ไม่ยอมเลิกจองเวร “แถมมันยังขู่น้อยอีกว่ายังมีอีกเยอะ จะลงไปเรื่อย จนกว่าฉันจะยอมบริการเพื่อน ๆ ของมันฟรี ”
“นั่นปะไร” ฉันตบเข่าฉาด “นึกแล้วไม่ผิดว่าไอ้คุณกร๊วกสะโป๊กด๊าช จะต้องมารบกวนหัวใจจนได้ บอกเจ๊เขาหรือยัง”
“ไม่ค่ะ น้อยไม่อยากรบกวนพี่เขา” น้อยพูดเสียงอ่อย แต่เรื่องแบบนี้ เจ๊ทิพย์อาจรู้แล้วก็ได้ ฉันนึกในใจ คนรักกัน พอเลิกคบกันก็ควรทางใครทางมัน ไม่ควรมาจ้องทำร้ายเอาเปรียบกันอีก ฉันเกลียดคนแบบนี้เหลือเกิน ชนิดว่าถ้าฆ่าคนพวกให้หมดไปจากโลกได้ คงทำไปแล้ว ทำไมฉันถึงไม่ถูกเลือกให้เป็น วันเดอร์ วูแมน - แบล็ค วิโดว์นาตาชา โรมา หรือ สกาเล็ต วิช จะได้จัดการซากสกปรกมนุษย์ให้หมดสิ้น
คุยกับน้อยอีกพักใหญ่ จึงนึกอะไรขึ้นได้ รีบดึงแขนของน้อยชวนกันไปหาเจ๊ทิพย์อย่างรีบร้อน ทั้งเจ้และไอ้คุณตำรวจหน้าปลาบล็อบ หายไปนานจนน่าสงสัย
วันนี้วันศุกร์ ตำรวจคนนั้นมักจะแอบหนีหน้าที่การงาน มาที่นี่ พวกเราต่างรู้กันดี และรู้ดีว่า ควรจะทำอย่างไร
นั่นไง นึกแล้วไม่มีผิด
ในห้องครัวมิดชิด ห้องลับเฉพาะ ร่างของนายตำรวจปลาบล็อบ กำลังถูกเชือกมัดห้อยโตงโตงหมุนไปมากลางอากาศ สีหน้าท่าทางหวาดกลัวสุดขีด ร้องไม่เป็นภาษา ด้านข้างร่างของ กร๊วกสะโป๊กด๊าช อดีตคนรักของน้อย ก็ถูกแขวนอยู่ด้วยลักษณะอาการคล้ายกัน
เจ็ทิพย์จัดการแก้ปัญหาให้กับตัวเอง และพวกเราได้เสมอ
น้อยพอมองเห็นอดีตคนรักกำลังหมุนไปมา เธอก็แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ ปากแสยะกว้างจดใบหู ฟันขาววับคมกริบเรียงราย หันไปมองเจ๊ทิพย์ เธอก็เริ่มมีอาการเหมือนน้อยบ้าง เพียงแต่ฟันของเจ๊ยาวกว่าเท่านั้น ชุดที่เรียกว่า มนุษย์ ถูกสลัดออกไปกองบนพื้น
ได้เวลาลอกคราบเสียที
เสียงเคาะประตูดังสนั่น สาว ๆ ในสังกัดของเจ๊นั่นเอง
“เปิดประตูนะ หนูรู้นะว่าพวกพี่ทำอะไรกัน”
จมูกไวเสียจริง เด็กพวกนี้ ฉันยิ้มอย่างนึกเอ็นดู พลางเดินไปเปิดประตู พวกนางคงหิวเหมือนกันเพราะระยะนี้ลูกค้ามีน้อย นั่นไง บรรดาสาว ๆ ทั้งหลาย ยืนออหน้าห้องพากันแสยะยิ้มอย่างหิวกระหาย มองเห็นฟันขาววาววับเรียงรายเต็มไปหมด ส่งเสียงอย่างเปรมปรีดิ์ ชุดร่างมนุษย์ถอดออกเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง เพื่อรับสุนทรียรสในการกินอาหารมื้อเด็ด
ฉันเองก็หิวจนน้ำลายไหล กระโดดงับน่องของนายตำรวจ กัดกินเลือดเนื้อด้วยความเอร็ดอร่อยกำซาบฟัน ชุ่มคอหวานมัน บำรุงร่างกาย ยิ่งกว่าอาหารของพวกมนุษย์ร้อยเท่า
ถึงเวลาที่พวกผู้หญิงหากินอย่างเรา จะได้กินบ้างละคราวนี้
เสียงแผดร้องขอตวามเมตตาของเหยื่อ ประสานโหยหวน เป็นดนตรีมโหรีขับกล่อมเสนาะโสต เสียงกระดูกแตกหักถี่ยิบแสนเพลิน เสียงกัดแทะฉีกกระชากอันเร้าใจ อาการกระตุกสั่นสะท้านของเหยื่อ เป็นสิ่งชูรสชั้นเยี่ยม เลือดเนื้อกระเด็นเซ็นซ่านไปทั่วห้อง แต่งแต้มผนัง งดงามราวศิลปะจากนรก สะท้อนความเจ็บปวดทรมานหฤหรรษ์
ใช่ พวกเราเป็น ผู้หญิงหากิน ก็ต้องกิน พวกมนุษย์ชั่ว ๆ ยังมีถมไป กินเป็นปีเป็นชาติก็ไม่หมด มาโลกมนุษย์มันก็ดีแบบนี้เอง วันนี้เป็นวันศุกร์ พวกเราต่างรู้กันดี และรู้ดีว่า ควรจะทำอย่างไร ไม่ให้ข่าวการหายตัวของบรรดาลูกค้ารั่วไหล
โดยเฉพาะศุกร์ที่ สิบสาม ต้องมีพิเศษกันบ้าง...
จบครับ
ขอบคุณ มิตรรักแฟนเพลง มาอุดหนุน ให้กำลังใจ กันเด้อครับ^^
ผู้หญิงหากิน
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
.
ผู้หญิงหากิน
ฉันไม่แน่ใจว่า ทำไมผู้คนเรียกกันแบบนั้น ทั้งที่มีคำอื่นมากมาย เช่น หญิงขายบริการ. คุณโส, โสเภณี, อิตัว , ออหรี่, นางโลม, นางคณิกา ฉันเห็นคำนี้บ่อย ๆ ในสื่อหลายประเภท รวมทั้งการพูดคุย ในขณะที่พวกผู้ชายขายบริการ ไม่ค่อยเห็นเรียก ผู้ชายหากิน กันสักเท่าไรเลย ฉันเองก็ไม่เคยอ้าง ความยากจน โอกาสทางสังคม หรือเหตุผลอื่น มาหาความชอบธรรม ทำให้ตัวเองดีขึ้นหรอกนะ คนอย่างพวกเรา ยังไงก็กู่ไม่กลับ ดึงไม่ขึ้นอยู่แล้ว
เจ๊ทิพย์ เพื่อนรุ่นพี่ในกลุ่ม เป็นคนโชคดีกว่าใคร เพราะเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็น ‘เจ๊ใหญ่’ ของถิ่นนี้ อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยการเป็นสิ่งที่คนเรียกกันว่า ‘แม่เล้า’ นั่นเอง การมาอยู่ในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องมีความสามารถในการบริหารงาน การแก้ปัญหา และการยอมรับ โดยไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
ระยะนี้กิจการจะไม่ค่อยดีเพราะพิษเศรษฐกิจ ลูกค้าไม่ค่อยมาเที่ยว แม้จะจัดโปรโมชัน ลดแหลกแจกแถมก็ตาม ส่วนสาวบริการในสังกัด ไม่ต้องเสียค่านายหน้าให้ดสียเวลาไปหลอกสาวที่ไหน แค่ประกาศลงในเฟซบุ๊ก ก็มีสาวมาสมัครมากมาย ขอทำงานด้วย ชนิดต้องมีการสอบสัมภาษณ์คัดเลือกเข้าทำงาน เจ๊ทิพย์เชิญให้ฉันไปเป็นกรรมการคัดเลือกอยู่บ่อย ๆ ผู้หญิงหลายคนเต็มใจกับงาน ทั้งที่รู้ว่าเป็นงานประเภทไหน เพราะความไม่อยากทำงานอย่างอื่น หรืออะไรก็สุดคาดเดาได้ บางคนให้สัมภาษณ์ตรง ๆ ว่า ถ้าจะให้ไปทำงานกรรมกรกลางแดดกลางลม ขอมาทำงานขายบริการดีกว่า สบายกว่ากันเยอะ เผลอ ๆ จับฝรั่ง รวย ๆ แก่ ๆ ตายง่าย ย้ายไปอยู่เมืองนอกสบายใจเฉิบ
บางคนก็เป็นนักศึกษา ให้สัมภาษณ์ว่าต้องการเงินค่าเทอม เงินที่ทางบ้านส่งมาให้ ไม่พอใช้ เพราะเอาเงินไปปรนเปรอแฟนหนุ่มขี้ยาไร้อาชีพไร้อนาคต จนหมด ด้วยติดค่านิยมว่า “มีแฟนผู้ชายเลว มันกินไม่ได้ แต่แบดบอยเท่เร้าใจ” ฉันเองก็ไม่เคยเชื่อหรอกว่าจะมีคนคิดเป็นจริงเป็นจัง จนได้ฟังจากปากของสาวบางคน ครั้นจะให้ไปทำงานเสริมรายได้ ด้วยการไปล้างจาน แคชเชียร์ งานตามศูนย์การค้า หรือโครงการช่วยเหลือของสถานศึกษา ก็เห็นว่าเสียเกียรติวงค์ตระกูล สู้มีคู่แมงดาไร้อนาคต มาเกาะกินไปวัน ๆ ไม่ได้ ยิ่งวันไหนคู่ขาโดนตำรวจ จับคดีปล้นจี้เสพติด ยิ่งรู้สึกมีหน้ามีตา เป็นที่รู้จักเลื่องลือ โด่งดังในสังคม หน้าบานเป็นจานเชิงหลายวัน
เพื่อนรุ่นน้องของฉันชื่อน้อย หน้าตาดีกว่าพวกเราทุกคน มักจะโดนเพื่อนร้องเพลงล้อเลียนบ่อย ๆ ด้วยเพลงสมัยเก่าแก่ ว่า ไอ้น้อยเสียคน...ไอ้น้อยเสียคน เสียจนหมดตัว...เป็นที่เฮฮากันสนุกสนาน รายนี้เป็นสาวโรงงาน ลูกชายรูปหล่อแบบเกาหลีเจ้าของคนงาน บังเอิญมาเจอ บอกว่ารักใคร่ชอบพอ จะให้เป็นภรรยา ตกแต่งตามประเพณี ให้มีหน้ามีตา ไม่รังเกียจว่าเป็นสาวบ้านนอก หลังจากฝันหวานไม่นาน เธอก็รู้ตัวว่าถูกหลอก หนุ่มหน้าเกาหลีกลายเป็นไอ้หน้าเกาเหลา บอกอย่างโอ่อ่าสง่างาม ว่ามีลูกมีเมียอยู่แล้ว แถมไม่รู้ว่ากี่คน ไม่รู้ว่าน้องเป็นคนรักที่เท่าไร ซ้ำร้ายพอเจ้าของโรงงานรู้เรื่อง ก็รับแก้ปัญหาแบบไม่ต้องส่งฟ้องศาลให้เสียอารมณ์ โดยมีลูกชายแสนดียิ้มระรื่นชื่นบานลอยหน้าลอยตาเต้นเชียร์ชนิดไม่เกรงใจ ลงโทษลูกชายตัวเองขั้นเด็ดขาด ด้วยการเชิญเจ้าน้อยออกจากโรงงานทันที เงินชดเชยอะไรก็ไม่ได้
คนอย่างน้อย สาวบ้านนอก จะเอาปัญหาที่ไหน ไปเรียกร้องฟ้องขอสิทธิ์อันพึงจะได้
เจ้าน้อยเสียคน จึงเชิญตัวเองมาอยู่ในร่มเงาในเล้าของเจ๊ทิพย์ เพื่อนรุ่นพี่ของฉัน เพราะไม่อยากอับอายทางบ้าน ที่ไปประกาศออกวิทยุชุมชนแล้วว่า เธอจะแต่งงาน เป็นสะใภ้คนรวย แฟนเป็นลูกชายเจ้าของโรงงาน โจษจันไปทั้งตำบล น้อยก็คงไม่ได้ผิดอะไรมากมายกับการคิดฝันไปตามประสาสาวใสวัยฝัน เธอผิดที่หลงรักคนผิดต่างหาก ดีว่ายังไม่มีลูกด้วยกัน
เจ๊ทิพย์ เป็นคนน้ำใจดี แม้ว่าอาชีพที่ทำจะไม่ถูกกฎหมาย สังคมไม่ยอมรับ แต่ลูกค้ายอมรับ คำว่า น้ำใจ ไม่เคยขาดหาย ฉันเองก็เชื่อเช่นนั้น เราจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด ช่วยเหลือกันและกันเท่าที่จะทำได้ เจ๊ทิพย์ไม่เคยบังคับผู้หญิงคนไหนให้มาทำงาน บางคนลาออก เธอยังจัดงานอาลาอาลัย มอบเงินชดเชยและเงินสวัสดิการให้ หลายคนมองเธอเป็นทั้งพี่ทั้งแม่ เพราะเจ๊ทิพย์ช่วยแก้ปัญหาอะไรต่อมิอะไรให้หลายอย่าง เท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถทำได้
ปัญหาระยะนี้ของเจ้ทิพย์ น่าจะเป็นนายตำรวจหนุ่ม มาดเขื่องโข มาใช้บริการฟรีโดยอ้างว่าเป็นการจ่ายส่วย ตำรวจดี ๆ ก็มีมากมาย แต่ตำรวจแบบนี้เจ๊ทิพย์เกลียดที่สุด ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ กร่างไปทั่ว คนที่มาหากินกับผู้หญิงหากิน เป็นคนขนิดใดกัน
“ไอ้คุณหน้าปลาบล็อบมันมาไถเงิน” เจ๊กระซิบ พลางขยับตาทำท่าให้ฉัน และคนอื่นหลบไปจากห้องรับแขก คงอยากจะเจรจากับไอ้คุณหน้าปลาบล็อบเพียงลำพัง ฉันรู้จักว่าปลาบล็อบหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะเจ๊เคยเอาภาพจากหนังสือท่องโลกมาให้ดู ทำเอาพวกเราพากันหัวเราะกับหน้าตาน่าเกลียดของมัน
พวกเรารู้สึกสงสารลูกพี่ทิพย์ไม่ได้
คืนนี้ แทบไม่มีลูกค้าพลัดหลงเข้ามา นวลนางในตู้กระจกยังมีหลายคนไม่ยอมถอยทัพ หวังว่าจะมีลูกค้า เวลาก็แค่สองทุ่มกว่า พอมีหวัง พวกนางจึงนั่งรอ พูดคุยกันไปตามประสา บางคนก็เริ่มหัดถักนิตติ้ง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ทุกคนทำหน้าเบ้หน้าเอือมละอา เมื่อเห็นคุณหน้าปลาบล็อบด้อม ๆ มอง ๆ หน้าตู้ น้ำลายยืดไหลน่าเกลียดที่สุด
เราเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ๊ทิพย์อย่างไร ได้แต่พากันถอนใจ
“เอ วันนี้วันอะไรคะ” น้อยที่ออกมาค่าเวลา ด้วยการนั่งดูทีวีแขวนผนังบริเวณห้องรับแขก หันมาถาม เธอเป็นคนหนึ่งที่ถอดใจไม่ยอมรอแขก
“วันศุกร์ มีอะไรเหรอ” ฉันถามอย่างสงสัย
“น้อยเบื่อ...” เธอตอบสั้น ๆ พลางมองตามหลังไอ้คุณหน้าปลาบล็อบ ที่เดินตามหลังเจ้ทิพย์ไปหลังร้าน มีตู้เซฟของเจ๊อยู่ตรงนั้น ครั้งสุดท้ายที่จำได้ เหลือเงินอยู่ไม่กี่พันเท่านั้น ยังจะมาโดนตำรวจนอกรีต มารีดไถไปอีก
“ได้ข่าวว่า กร๊วกสะโป๊กด๊าช มาสร้างปัญหาอะไรให้อีกเหรอ” ฉันเลียบเคียงตามถึงอดีตแฟน คำว่า ‘กร๊วกสะโป๊กด๊าช’ เป็นชื่อที่เจ๊ทิพย์ ใช้เรียกลูกชายเจ้าของโรงงาน อดีตคนรักของน้อย เธอมีวิธีการตั้งฉายาให้คนอื่นที่ไม่ชอบหน้า ได้อย่างสุดฮา แม้ว่าบางทีไม่รู้ความหมายเลยสักนิด ว่าฉายาที่ตั้ง หมายถึงอะไร
“มันเอาคลิปน้อยสมัยคบกับมัน ไปลงเน็ต” น้อยบอกอย่างเซ็งจิตกับเจ้ากรรมนายเวรที่ไม่ยอมเลิกจองเวร “แถมมันยังขู่น้อยอีกว่ายังมีอีกเยอะ จะลงไปเรื่อย จนกว่าฉันจะยอมบริการเพื่อน ๆ ของมันฟรี ”
“นั่นปะไร” ฉันตบเข่าฉาด “นึกแล้วไม่ผิดว่าไอ้คุณกร๊วกสะโป๊กด๊าช จะต้องมารบกวนหัวใจจนได้ บอกเจ๊เขาหรือยัง”
“ไม่ค่ะ น้อยไม่อยากรบกวนพี่เขา” น้อยพูดเสียงอ่อย แต่เรื่องแบบนี้ เจ๊ทิพย์อาจรู้แล้วก็ได้ ฉันนึกในใจ คนรักกัน พอเลิกคบกันก็ควรทางใครทางมัน ไม่ควรมาจ้องทำร้ายเอาเปรียบกันอีก ฉันเกลียดคนแบบนี้เหลือเกิน ชนิดว่าถ้าฆ่าคนพวกให้หมดไปจากโลกได้ คงทำไปแล้ว ทำไมฉันถึงไม่ถูกเลือกให้เป็น วันเดอร์ วูแมน - แบล็ค วิโดว์นาตาชา โรมา หรือ สกาเล็ต วิช จะได้จัดการซากสกปรกมนุษย์ให้หมดสิ้น
คุยกับน้อยอีกพักใหญ่ จึงนึกอะไรขึ้นได้ รีบดึงแขนของน้อยชวนกันไปหาเจ๊ทิพย์อย่างรีบร้อน ทั้งเจ้และไอ้คุณตำรวจหน้าปลาบล็อบ หายไปนานจนน่าสงสัย
วันนี้วันศุกร์ ตำรวจคนนั้นมักจะแอบหนีหน้าที่การงาน มาที่นี่ พวกเราต่างรู้กันดี และรู้ดีว่า ควรจะทำอย่างไร
นั่นไง นึกแล้วไม่มีผิด
ในห้องครัวมิดชิด ห้องลับเฉพาะ ร่างของนายตำรวจปลาบล็อบ กำลังถูกเชือกมัดห้อยโตงโตงหมุนไปมากลางอากาศ สีหน้าท่าทางหวาดกลัวสุดขีด ร้องไม่เป็นภาษา ด้านข้างร่างของ กร๊วกสะโป๊กด๊าช อดีตคนรักของน้อย ก็ถูกแขวนอยู่ด้วยลักษณะอาการคล้ายกัน
เจ็ทิพย์จัดการแก้ปัญหาให้กับตัวเอง และพวกเราได้เสมอ
น้อยพอมองเห็นอดีตคนรักกำลังหมุนไปมา เธอก็แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ ปากแสยะกว้างจดใบหู ฟันขาววับคมกริบเรียงราย หันไปมองเจ๊ทิพย์ เธอก็เริ่มมีอาการเหมือนน้อยบ้าง เพียงแต่ฟันของเจ๊ยาวกว่าเท่านั้น ชุดที่เรียกว่า มนุษย์ ถูกสลัดออกไปกองบนพื้น
ได้เวลาลอกคราบเสียที
เสียงเคาะประตูดังสนั่น สาว ๆ ในสังกัดของเจ๊นั่นเอง
“เปิดประตูนะ หนูรู้นะว่าพวกพี่ทำอะไรกัน”
จมูกไวเสียจริง เด็กพวกนี้ ฉันยิ้มอย่างนึกเอ็นดู พลางเดินไปเปิดประตู พวกนางคงหิวเหมือนกันเพราะระยะนี้ลูกค้ามีน้อย นั่นไง บรรดาสาว ๆ ทั้งหลาย ยืนออหน้าห้องพากันแสยะยิ้มอย่างหิวกระหาย มองเห็นฟันขาววาววับเรียงรายเต็มไปหมด ส่งเสียงอย่างเปรมปรีดิ์ ชุดร่างมนุษย์ถอดออกเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง เพื่อรับสุนทรียรสในการกินอาหารมื้อเด็ด
ฉันเองก็หิวจนน้ำลายไหล กระโดดงับน่องของนายตำรวจ กัดกินเลือดเนื้อด้วยความเอร็ดอร่อยกำซาบฟัน ชุ่มคอหวานมัน บำรุงร่างกาย ยิ่งกว่าอาหารของพวกมนุษย์ร้อยเท่า
ถึงเวลาที่พวกผู้หญิงหากินอย่างเรา จะได้กินบ้างละคราวนี้
เสียงแผดร้องขอตวามเมตตาของเหยื่อ ประสานโหยหวน เป็นดนตรีมโหรีขับกล่อมเสนาะโสต เสียงกระดูกแตกหักถี่ยิบแสนเพลิน เสียงกัดแทะฉีกกระชากอันเร้าใจ อาการกระตุกสั่นสะท้านของเหยื่อ เป็นสิ่งชูรสชั้นเยี่ยม เลือดเนื้อกระเด็นเซ็นซ่านไปทั่วห้อง แต่งแต้มผนัง งดงามราวศิลปะจากนรก สะท้อนความเจ็บปวดทรมานหฤหรรษ์
ใช่ พวกเราเป็น ผู้หญิงหากิน ก็ต้องกิน พวกมนุษย์ชั่ว ๆ ยังมีถมไป กินเป็นปีเป็นชาติก็ไม่หมด มาโลกมนุษย์มันก็ดีแบบนี้เอง วันนี้เป็นวันศุกร์ พวกเราต่างรู้กันดี และรู้ดีว่า ควรจะทำอย่างไร ไม่ให้ข่าวการหายตัวของบรรดาลูกค้ารั่วไหล
โดยเฉพาะศุกร์ที่ สิบสาม ต้องมีพิเศษกันบ้าง...
จบครับ
ขอบคุณ มิตรรักแฟนเพลง มาอุดหนุน ให้กำลังใจ กันเด้อครับ^^