อดีตหลอน ซ่อนอำมหิต (บทที่6)





บทที่ 6 เบาะแสชิ้นใหม่ 2

         "ใช่ นั่นชื่อของเธอ"

         "แน่ใจนะ?"
         
         " แน่สิวะ ฉันจะโกหกทำหอกอะไร"

         "แล้วนายสนิทกับเธอไหม ?"
 
         " ตอนเรียนก็เจอกันบ่อยๆแต่ไม่ค่อยได้สุงสิงกันสักเท่าไหร่ จนเมื่อฉันออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาทำงานนี้เต็มตัวเธอก็สนิทกับฉันในฐานะลูกค้าคนหนึ่ง"

         "เธอเป็นลูกค้าประจำงั้นเหรอ แล้วยาอะไรที่ซื้อไป?"

         "แรกๆก็เป็นยาบ้า เธอมารับประจำ ครั้งละ 10-20 บอกจะเอาไปปาร์ตี้กับเพื่อน หลังๆเธอก็เริ่มอยากได้ของหนักขึ้น อย่างพวกเฮโลอีน จนมาพักหลังเธอเริ่มเงียบไป จนครั้งสุดท้าย"

         "ครั้งสุดท้ายอะไร ?" 

         "ก็ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอหล่อนน่ะสิ หล่อนมาหาฉัน บอกว่าต้องการมากกว่าเดิม"

         "มากกว่าเดิมนั้นคือเท่าไหร่ ?"

         " เฮโลอีนเป็นกิโลน่ะสิ ฉันไม่มีปัญญาหาได้มากขนาดนั้น ก็เลยปฏิเสธเธอไป ก็ตอนนั้นฉันยังเป็นแค่รายย่อยอยู่เลย แต่เธอก็ยังรบเร้าไม่หยุด ฉันก็เลยแนะนำให้เธอไปหาคนคนๆหนึ่ง"
         "ใคร ?"

         "คนนี้เป็นรายใหญ่เลย รับของมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ขนมาทีละเป็นล็อตใหญ่ชื่อว่าการ เป็นกำนัลอยู่แถวบ้านเธอนั้นแหละ"

         "ตายห่าในคุกไปนานแล้ว"

         "แกรู้จักเหรอ เอนก"

         ผมหันไปถามเอนก ที่อยู่ๆก็พูดโพล่งขึ้นมา เขายืนอยู่ริมหน้าต่าง สายตาคอยมองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง 

        "ก็ใครจะไม่รู้จักล่ะ กำนัลการ ดังออกจะตายไป เมื่อก่อนเคยเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แถบนี้ คุมเส้นทางการขนยาจากโรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ต้องผ่านทางหมู่บ้านของเราก่อนจะกระจายไปที่อื่น ได้ยินว่าเขาเป็นคนออกทุนการผลิตเองทั้งหมด จำได้ว่าในวันที่กำนัลการถูกจับ พวกทีวีชื่อดังหลายช่องประโคมข่าวกันอยู่หลายวันเลยทีเดียว"

         "ก็ในเมื่อเป็นผู้มีอิทธิพล ก็แสดงว่ามันเลี้ยงตำรวจเอาไว้เยอะ แล้วใครจะกล้าจับมันเหรอว่ะ"

         "แกน่ะมันไม่รู้อะไรเสียแล้ว !"

         คราวนี้นายเบิ้มที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมาบ้าง

         "ชุดที่มาจับกำนัลการน่ะ คือหน่วยเฉพาะกิจที่มาจากกรุงเทพนู้น ต่อให้ใหญ่แค่ไหนพวกเขาก็จับทั้งนั้นแหละ ขนาดหมวดแสนชัยกับลูกน้องที่เคยรับสินบนจากกำนัลก็ยังไม่รอดเลย ข่าววงในของพวกเราว่ากันว่า มีสายที่ทำงานให้กับพวก ปปส. โดยตรงแฝงตัวอยู่ในหมู่บ้าน ตอนนั้นพวกเราไม่กล้าส่งของกันอยู่พักหนึ่งเลยล่ะ"

         "แล้วหลังจากนั้น นายได้เจอกับนิษาบ้างหรือเปล่า"

         "ไม่ หลังจากนั้นฉันก็ไม่มีโอกาสได้เจอกับเธออีกเลย"

         "เธอตายไปแล้ว"

         "หา! นายพูดจริงเหรอเนี่ย"

         "ก็จริงน่ะสิ ฉันจะโกหกแกไปทำไม" 

         "นานหรือยัง ?"

         "ก็สักสี่ปีเห็นจะได้"

         "ก่อนหรือหลังจากที่กำนัลการถูกจับล่ะ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย บางทีเธออาจมีเรื่องขัดใจกับพรรคพวกของกำนัลก็ได้"

         "ฉันไม่แน่ใจ แต่อีกไม่นานก็คงรู้"

         ผมลุกขึ้นแล้วยืดแข็งยืดขาให้บรรเทาจากอาการปวดเมื่อย หลังจากที่นั่งอยู่ทีเดิมเป็นเวลานาน สายตาก็หันไปมองเอนกที่ยังคงยื่นอมยิ้มอยู่ที่เดิม 

         "เอาล่ะ ฉันเสร็จธุระแล้ว นายจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครใช่ไหม"

         "ไม่ ไม่อยู่แล้วเรื่องอะไรจะต้องไปป่าวประกาศให้ใครรู้ ฉันตายห่าแน่ถ้าพวกนั้นรู้ว่ามีตำรวจเข้าป้วนเปี้ยนที่บ้านนี้"

         โดยไม่พูดอะไรสักคำ ผมและเอนกรีบออกจากหลังบ้านและขับรถออกจากที่นั่นทันที ระหว่างที่ต่างคนต่างก็เงียบอยู่ในรถที่กำลังวิ่งผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยขุนเขาอันสลับซับซ้อน เอนกที่มีท่าทีอึดอัดมาตั้งแต่ต้น ก็ดูเหมือนจะอดทนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน

         "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย ตกลงแล้วเธอเป็นใครกันแน่ ลัดดา หรือว่านิษา"

         "ฉันก็รู้พอๆกับที่แกรู้ในตอนนี้นั้นแหละ"

         "ฟังฉันให้นะ ที ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใคร หล่อนกำลังปั่นหัวเราอยู่"
 
         "เธออาจจำเป็นต้องปิดบังอะไรบางอย่าง"
 
         "จำเป็นกะผีอะไรล่ะ เธอกำลังหลอกเราอยู่นะที ป่านนี้เธอคงนอนหัวเราะสะใจที่ได้ปั่นหัวไอ้โง่สองตัวที่พร้อมจะตายแทนเธอ"

         "เรื่องนี้สรุปได้สองอย่าง"

         "อะไร ?"

         "อย่างแรกคือเธอผูกคอตายเองเพราะเรื่องส่วนตัว อย่างทีสอง คือเธอถูกฆ่าโดยพวกค้ายา อาจเป็นเพราะไปรู้เห็นอะไรบางอย่างเข้า หรือไม่ก็ถูกจับได้ว่าเป็นสายให้กับตำรวจ"

         "นี่แกไม่ได้ฟังฉันเลยรึไงวะ ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะจบอย่างไร ต่อให้ยัยนั้นเป็นสายให้กับพวกตำรวจ กำนัลการก็ตายในคุกไปแล้ว มันไม่มีผู้บงการและผู้ต้องหาอีกต่อไปแล้ว นายต้องไปคุยกับเธอ ฉันเหลือวันลาพักร้อนอีกแค่สองสามวันคงช่วยอะไรแกไม่ได้มาก เราจะต้องรีบถอนตัวออกจากเรื่องนี้ซะ"

         "ใช่ คุยกับเธอ ฉันต้องคุยกับเธอ"

         ผมพึมพำออกมาเบาๆราวกับคนไม่มีสติ

         หลังจากแวะส่งเอนกที่บ้าน ผมก็ขับรถกลับมาที่จุดชมวิวอีกครั้ง มันเป็นเวลาพลบค่ำพอดี และผมรู้ดีว่าจะเจอเธอได้ที่นี่ ผมนั่งตรงนั้นอยู่นานพอสมควร เหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จากจุดนี้ผมสามารถมองเห็นข้างล่างได้ทุกมุม เห็นหมอกยามเย็นที่เกิดจากความเย็น ปะทะกับหุบเขาเบื้องหน้า ต่ำลงมาก็มองเห็นนาขั้นบันไดเรียงซ้อนกันบนไหล่เขา ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากที่นี่ไม่ใช่ทางผ่านของพวกค้ายาที่นี่ก็คงจะถูกยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นดีเลยทีเดียว

         พลันก็มีเสียงดังกร็อบแก๊บเหมือนกับคนกำลังหักกิ่งไม้ มันทำให้ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ผมรีบหันกลับไปมองที่ด้านหลัง ใช่ ผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นนิษานั่นเอง เธอมาในชุดนอนสีขาว ท่ามกลางบรรยากาศที่ขมุกขมัวและผมมองเห็นเธอได้ลางๆเหมือนกับวันก่อนไม่มีมีผิด

         "ว่าไงคะ ชลนที เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรคืบหน้าบ้างหรือเปล่า"

         เธอยังคงพูดจาทักทายผมด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะสดใสเหมือนเดิม เสียงอันหวานละมุนของเธอเกือบจะทำให้ผมลืมสิ่งที่คิดเอาไว้ว่าจะพูดจนหมด

         "จะให้เริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดีล่ะ จะให้เริ่มจากที่ว่าคนที่ตายคือใคร หรือคุณกำลังหลอกอะไรผมอยู่"

         "นี่มันเรื่องอะไรเหรอคะ ฉันไม่เข้าใจ"

         "คุณเป็นใครกันแน่ และต้องการอะไรถึงได้มาแอบอ้างตัวเป็นนิษา"

         "อ้อ เรื่องนี้เองหรอกเหรอคุณรู้ความจริงแล้วสินะคะ"

         หล่อนพูดพลางหัวเราะเบาๆราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ

         "จะขอบคุณมากถ้าคุณจะเล่าเรื่องราวที่เหลือทั้งหมดให้ผมฟัง ผมหมายถึงความจริงอะนะ"

         "ความจริงฉันก็คือน้องสาวของนิษา ชื่อว่าลัดดา"

         "คุณอย่ามาโกหกผมดีกว่า ผมเห็นนิษามาตั้งแต่เด็กๆ เธอไม่เคยมีน้องสาว"

         ผมพูดเกือบจะเป็นเสียงตะโกน

         "คุณมองหน้าฉันสิ มองฉันให้ดีๆ แล้วช่วยตอบหน่อยว่าหน้าของฉันน่ะเหมือนกับนิษาคนที่คุณเคยรู้จักหรือเปล่า คนที่หน้าตาเหมือนกันมากขนาดนี้ยังจะไม่ใช่พี่น้องกันอีกเหรอ"

         "ไม่ว่าคุณจะเป็นนิษาหรือว่าลัดดา มันก็ไม่สำคัญอะไรหรอก เพราะคดีปิดไปแล้ว นิษาเธอไปยุ่งเกี่ยวกับพวกค้ายาจนถูกฆ่าตายแล้วนำไปจัดฉากให้เหมือนกับเป็นการฆ่าตัวตาย และที่สำคัญทั้งคนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นผู้บงการและลูกน้องก็ล้วนถูกจับไปจนหมดแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะต้องขุดขุ้ยเรื่องนี้ต่อไปอีก "

         " เป็นไปไม่ได้ที่จะพัวพันกับพวกค้ายานอกเสียจากว่าเธอจะเป็นสายให้กับตำรวจ พี่สาวฉันไม่เคยมีประวัติเสพยา ถามอาจารย์ที่เคยสอนเธอดูก็ได้"

         "คุณไม่เข้าใจ มันไม่สำคัญว่าเธอจะเป็นสายหรือเปล่า ตอนนี้คนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุดมันถูกจับไปแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องสืบแล้ว"
 
         "มันต้องยังมีอีกคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ คนที่จะได้รับประโยชน์จากการตายของเธอ"

         "งั้นเธอเป็นคนยังไง คุณช่วยเล่าให้ผมฟังอีกสักครั้งได้ไหม"

         "เธอเป็นคนฉลาด ทันสมัย และมีความคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ เธอพูดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ จุดชมวิวที่เรานั่งอยู่นี่ก็มาจากแรงพลักดันของเธอ" 

         "อืม นั้นอาจเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เธอเริ่มต้นทำงานเป็นสายให้กับตำรวจ แล้วเธอเคยพูดถึงเรื่องยาบ้างหรือเปล่า แบบว่า ในหมู่บ้านเราหรือมหาวิทยาลัยที่เธอมีพวกค้ายา อะไรทำนองนี้"

         "ไม่ เธอไม่เคยพูด ปกติเธอไม่ค่อยพูดถึงเรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่"

         "ก่อนตายเธอมีท่าทางแปลกๆบ้างหรือเปล่า อย่างเช่นดูรุกรี้รุกรนหรือว่าดูซึมเศร้ากว่าปกติ"

         "เปล่านี่ วันนั้นเป็นวันเสาร์เธอกลับมาที่บ้าน ซึ่งปกติเธอก็กลับมาทุกเสาร์อาทิตย์อยู่แล้ว แล้วเธอก็ไม่ได้มีท่าทางเหมือนคนที่อยากจะฆ่าคัวตายเลยด้วย"

         ผมเงียบไปสักพักหนึ่ง สายตาจับจ้องไปที่ดวงตาของเธอ พยายามค้นหาความจริงที่อยู่ในนั้น ถึงแม้ว่ามันจะเลือนลางอยู่ในความมืดก็ตาม จนกระทั้งเธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วถามผมอีกครั้ง

         "แล้วเรื่องแฟนของ นิษา ล่ะได้ความอย่างไรบ้าง"

         "ผมให้เพื่อนที่กรุงเทพจัดการให้แล้ว อีกไมนานก็คงได้คำตอบ"

         "ยังไงฉันก็ยังอยากให้คุณสืบเรื่องนี้อีกครั้ง ฉันว่ามันยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่ชอบมาพากล"

         "แค่นี้ใช่ไหม ?" 

         "ได้โปรด ไม่มีใครช่วยฉันได้อีกแล้ว นอกจากคุณ"

         ผมเบนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเธอ

         "ได้ ถือว่าเห็นแก่ นิษา ก็แล้วกัน นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัดเมื่อไหร่ ก็ทางใครทางมัน"

         "เธอมีเพื่อนด้วย"

         "อะไร ?"

         "นิษาน่ะ มีเพื่อนที่สนิทกันมากอยู่คนหนึ่ง เธอชื่อว่ามิ้น เวลาไปไหนมาไหนทั้งคู่ก็มักจะไปด้วยกันตลอด ที่น่าแปลกก็คือ เธอตายก่อนหน้านิษา เพียงไม่กี่วัน ฉันไม่รู้เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า"

         "เธอเป็นอะไรตาย"

         "จมน้ำที่สระหลังโรงเรียน กว่าจะมีคนไปพบ ร่างของเธอก็เละจนจำอะไรไม่ได้ ตำรวจสัญนิฐานว่าเธอพลัดตกลงมาจากขอบสระ ไม่รู้สิ บางทีมันอาจไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ก็ได้" 

         "ถูกของคุณ นั้นอาจไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลยกับเรื่องของนิษา เอาล่ะ วันนี้ผมเหนี่อยมากแล้ว คงต้องขอตัวกลับก่อน" 

         พูดจบผมก็หันกลับไปมองเธอ แต่น่าแปลกที่กลับไม่เห็นเธออยู่ตรงนั้นแล้ว เธอไปตอนไหน ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงฝีเท้า เธอหายตัวไปราวกับล่องหนได้เป็นครั้งที่สอง ผมนั่งงงอยู่ตรงนั้นต่อไปอีกสักครู่ จึงได้รีบกลับบ้าน
         
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่