ฝ่ายค้านซักฟอกนอกสภากร่อย! ร่ายยาวประวัติ ‘ไอโอ’ เป็นเครื่องมือทหารใช้ป้องกันความไม่สงบ ด้าน ‘วิโรจน์’ ชี้แบ่งคนให้เกลียดชัง มาแปลกยก ‘ชาติ’ กลับมารักกันเถอะแม้เห็นต่าง
12 มีนาคม 2563 ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ฝ่ายค้านเพื่อประชาชนจัดเวทีที่ 1 ซักฟอกนอกสภา “แฉกระบวนการ IO ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง” โดยมี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย , นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกชั่วคราวพรรคก้าวไกล , นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย , นางอังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ , นายโอมาร์ หนุนอนันต์ เยาวชนคนรุ่นใหม่ Producer ปั่นประสาท podcast เป็นวิทยากร และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า คำว่า “ไอโอ” คือการปฎิบัติการข่าวสาร เป็นรูปแบบของเครื่องมือหนึ่งที่สื่อสารไปยังเป้าหมายให้เชื่อตามที่เราต้องการให้เชื่อ มีทั้งเชื่อในความจริงและความเท็จ แล้วแต่จะไปใช้ในทางใด โดยเครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางทหาร เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ก็จะใช้ 3 เครื่องมือหลักคือ การประชาสัมพันธ์ การปฎิบัติการจิตวิทยา การปฎิบัติการข่าวสาร ซึ่งเครื่องมือทั้งสามไปใช้ในภาระกิจการป้องปราม และปราบปราบความไม่สงบซึ่งมีคู่มือทางทหารเรียกว่า ราชการสนาม รศ.100-20 ตำรานี้มาจากกองทัพสหรัฐ และประเทศไทยได้รับอิทธิพลมา มีการใช้มาตั้งแต่อดีต
“ตรงนี้ที่เกิดปัญหา พอผู้รับผิดชอบเป็นกองทัพแล้วการขีดเส้นแบ่งระหว่างสิทธิเสรีภาพของรัฐธรรมนูญที่พี่น้องประชาชนเคลื่อนกันอยู่ กับผู้รับผิดชอบที่เป็นทางทหาร เส้นแบ่งตามสิทธิเสรีภาพกับการก่อความไม่สงบมันอยู่ตรงไหนถ้าเส้นมันแบ่งไปให้น้ำหนักตามรัฐธรรมนูญเป็นการก่อความไม่สงบก็ไปใช้คู่มือ รศ.100-20 จึงเกิดปัญหา พอทหารใช้ไปมากๆก็มองว่าประชาชนเป็นอริราชศัตรู เพราะฐานรากมาจากการยึดอำนาจ สุดท้ายไปนำเครื่องมือนี้มาใช้ และใช้ปฎิบัติการข่าวสารว่าเป็นคนดีมีเกียรติยศ เข้ามาแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง จนทุกวันนี้ไม่รู้หลงการปฎิบัติการข่าวสารหรือไม่ ต้องถามจากพี่น้องประชาชน เหตุเพราะทหารนำเครื่องมือมาใช้ทางการเมือง ถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ทหารจะไม่มายุ่งการเมือง ทหารมีหน้าที่สำนึกรักประชาธิปไตย เคียงข้างรับใช้ประชาชน ถ้าทำตามหลักสากลเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น” พล.ท.ภราดร กล่าว
ขณะที่นายวิโรจน์ กล่าวว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาที่คาดว่ามีกระบวนการไอโอกว่า 40 สถานี ตนเข้าใจว่าขณะนี้น่าจะมีการยกเลิกดำเนินการการทั้งหมดเพราะโลกไซเบอร์มีความสงบสุขขึ้น แต่สิ่งที่เรากังวลมากที่สุดการใช้สิทธิ์เสรีภาพกับถูกมองว่าเป็นการก่อความไม่สงบประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศกับถูกมองว่าเป็นศัตรูของชาติ เรื่องราวแบบนี้ไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้นแต่ถูกรีรันว่าหลายรอบแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการพบอุโมงค์ลับในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การกล่าวหาว่านักศึกษาในยุคนั้นเป็นคอมิวนิสต์ ต่อมาก็คะวายแดง ตอนนี้มาเป็นชังชาติ สิ่งต่างเหล่านี้คือการพยายามให้ความชอบธรรม ซึ่งจริงไม่จริงไม่สำคัญเท่ากับเชื่อหรือไม่เชื่อ เชื่อหรือไม่เชื่อไม่สำคัญเท่าถูกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้เชื่อไม่เหมือนกันนี้คือความน่ากลัวแต่ต้องชุกคิดและตระหนักรู้แล้วว่า เราไม่ได้เกลียดกัน เพราะอยู่ดีๆเราเกลียดกัน แต่เราถูกปุกปั่นยุยงให้เราเกลียดกันหรือไม่
“คำว่าชาติ คือ การรวมกันของคนที่ชอบไม่เหมือนกันมีความเชื่อไม่เหมือนกัน แต่เรามองว่าเราคือพวกเดียวกัน เราอยากพัฒนาพื้นที่ที่เราอยู่รวมกัน เอื้ออาทรบนความแยกต่างและพร้อมโอบรับแตกต่างหลากหลายแล้วไปด้วยกันไม่ใช่หรือ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราแบ่งแยก แบ่งเขาแบ่งเรา แล้วเกลียดกัน เพราะเราต่างกัน ซึ่งความต่างกันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว ผมคิดว่านี่คือสิ่งผิดปกติ และบางคนบอกว่า มีคนมาด่าเราตามทวิตเตอร์ไม่ใช่ไอโอ ก็ถูก แต่เป็นภัยแทรกซ้อนและเป็นผลผลิตของไอโอ” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า กระบวนการไอโอชั้นที่หนึ่งต้องการให้ผู้สนับสนุนศัตรูของตนเกิดความเกลียดชังผู้สนับสนุนของตน เขาไม่ได้รักผู้สนับสนุนของเขาแต่เขาใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูของเขา และสิ่งที่จะทำให้การยึดอำนาจสำเร็จ วางตัวเองเป็นฮีโร่ และเข้ามาขอเวลาอีกไม่นาน คือต้องทำให้ผู้สนับสนุนแต่ละฝ่ายด่าทอเกลียดชัง นั่นคือเป้าหมาย นี่คือหนังม้วนเก่าที่กำลังจะฉายซ้ำ นอกจากนี้ปัญหาคือกรอบความคิดเขายังไม่เปลี่ยน แต่กำลังจะขายแฟรนไชน์จากคนของเขาไปสู่เอกชน อันนี้น่ากลัวแต่อยากจะเตือนว่าไอโอสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนประชาชนสามารถค้นหาความจริงได้จากโลกอินเตอร์เน็ต คุณจะเจอการคานอำนาจความจริง ยันยันว่าคนยุคใหม่รู้เท่าทัน เขาไม่เกลียดกันเพราะถูกสั่งให้เกลียด เมื่อไหร่ที่เขาอึดอัด เดี๋ยวก็โป๊ะแตกอีกรอบ
“ถ้าสังคมไม่ปกป้องความจริง ถ้าเราปล่อยกระบวนการเท็จที่แย่ๆแบบนี้มาหลอกบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ เราควรฉุกคิดกันและควรหันมารักกัน แต่ถ้าไม่ชอบกันก็อยู่ด้วยกันได้ไม่ต้องเกลียดกัน แค่ไม่ชอบกันก็คุยเรื่องอื่นก็พอแล้ว” นายวิโรจน์ กล่าว
ด้านนายนิคม กล่าวว่า การทำงานของกระทรวงดีอีต่อการจัดการไอโอ ว่ากระทรวงนี้ตั้งขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่ควบคุมดูแลข่าวเฟคนิวส์ สิ่งที่ตนกังวลคือคนที่เข้ามาเป็นคณะกรรมการดูแลเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียของประชาชนมีเพียงไม่กี่คน จะตัดสินได้อย่างไรว่าข้อมูลใดจริงเท็จเพราะคณะกรรมการเป็นคนของรัฐ ไม่ใช่คนกลางที่มาจากหลายองค์กร อีกทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับปัจจุบันที่เขียนขึ้นมาเพื่อคุ้มครองรัฐ ออกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ทำให้ประชาชนโดนตัดสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการใช้สงครามข่าวสารมาโดยตลอด ที่เห็นได้ชัดคือการปิดสถานีวิทยุกว่า 7,000-8,000 สถานี และปิดสถานีโทรทัศน์ของฝ่ายที่เห็นต่างกับรัฐบาล เนื่องจากแนวทางการทำงานของทหารเรื่องข้อมูลข่าวสารมีความสำคัญลำดับ 1 เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง การคุมสถานีโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุจึงเหมือนมีอำนาจอยู่ในมือ สามารถดูแลข้อมูลที่จะเผยแพร่ออกมาได้ ซึ่งความมั่นคงนี้เป็นความมั่นคงทางทหารไม่ใช่ความมั่นคงของประชาชน ดังนั้นประชาชนต้องรู้เท่าทัน และเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด
https://www.naewna.com/politic/478837
ความมั่นคงทางทหารก็คือความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน
รัฐบาลและทหารต่อต้านเฟคนิวส์ ไม่ได้ต่อต้านความถูกต้อง
ความถูกต้องของฝ่ายค้านคือมโนเอง แบ่งชนชั้นไพร่ อำมาตย์ เพื่อให้เกิดการแบ่งแยก
นี่ไม่ใช่หรือที่ทำให้เกิดคำว่าสลิ่มอย่างเหยียดหยาม ดูถูกดูแคลนบรรพบุรุษ แม้แต่บุพการี
ฝีมือจากฝ่ายที่ตรงข้ามรัฐบาลและคสช.
มองเห็นคนคิดต่างเป็นไอโอไปหมด ทั้งๆที่ไม่มีข้อเท็จจริงจะเอ่ยอ้าง
งานก็กร่อยสิคะ ไม่มีอะไรใหม่ที่พิสูจน์ว่าไอโอท่านใดทำให้ประชาชนเกลียดชังกัน ไม่มีคดีความที่นำไอโอมาขึ้นศาลในฐานที่ทำลายความสามัคคีของประชาชน แบ่งแยกประเทศชาติ
ฝ่ายค้านควรหันกลับไปมองฝั่งตัวเองและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนที่จะนำไอโอในมโนเอง มาใช้ล้มรัฐบาล เหมือนเฟคนิวส์เนียนๆ ดังจะบอกว่ามีเอฟโอจากต่างดาวอย่างไรอย่างนั้น
หยุดดีแต่พูดแล้วมาร่วมมือต่อต้านเจ้าไวรัสว้ายร้ายจะดีกว่าค่ะ
นี่แหละที่สมควรทำที่สุด
🧡🧡มาลาริน/หยุดโหนไอโอเถอะค่ะ งานกร่อย! ไม่ได้ประโยชน์จริงๆนะคะ..ฝ่ายค้านอภิปรายซักฟอกนอกสภา ร่ายยาวเรื่อง ‘ไอโอ’
ฝ่ายค้านซักฟอกนอกสภากร่อย! ร่ายยาวประวัติ ‘ไอโอ’ เป็นเครื่องมือทหารใช้ป้องกันความไม่สงบ ด้าน ‘วิโรจน์’ ชี้แบ่งคนให้เกลียดชัง มาแปลกยก ‘ชาติ’ กลับมารักกันเถอะแม้เห็นต่าง
12 มีนาคม 2563 ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ฝ่ายค้านเพื่อประชาชนจัดเวทีที่ 1 ซักฟอกนอกสภา “แฉกระบวนการ IO ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง” โดยมี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย , นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกชั่วคราวพรรคก้าวไกล , นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย , นางอังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ , นายโอมาร์ หนุนอนันต์ เยาวชนคนรุ่นใหม่ Producer ปั่นประสาท podcast เป็นวิทยากร และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า คำว่า “ไอโอ” คือการปฎิบัติการข่าวสาร เป็นรูปแบบของเครื่องมือหนึ่งที่สื่อสารไปยังเป้าหมายให้เชื่อตามที่เราต้องการให้เชื่อ มีทั้งเชื่อในความจริงและความเท็จ แล้วแต่จะไปใช้ในทางใด โดยเครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางทหาร เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ก็จะใช้ 3 เครื่องมือหลักคือ การประชาสัมพันธ์ การปฎิบัติการจิตวิทยา การปฎิบัติการข่าวสาร ซึ่งเครื่องมือทั้งสามไปใช้ในภาระกิจการป้องปราม และปราบปราบความไม่สงบซึ่งมีคู่มือทางทหารเรียกว่า ราชการสนาม รศ.100-20 ตำรานี้มาจากกองทัพสหรัฐ และประเทศไทยได้รับอิทธิพลมา มีการใช้มาตั้งแต่อดีต
“ตรงนี้ที่เกิดปัญหา พอผู้รับผิดชอบเป็นกองทัพแล้วการขีดเส้นแบ่งระหว่างสิทธิเสรีภาพของรัฐธรรมนูญที่พี่น้องประชาชนเคลื่อนกันอยู่ กับผู้รับผิดชอบที่เป็นทางทหาร เส้นแบ่งตามสิทธิเสรีภาพกับการก่อความไม่สงบมันอยู่ตรงไหนถ้าเส้นมันแบ่งไปให้น้ำหนักตามรัฐธรรมนูญเป็นการก่อความไม่สงบก็ไปใช้คู่มือ รศ.100-20 จึงเกิดปัญหา พอทหารใช้ไปมากๆก็มองว่าประชาชนเป็นอริราชศัตรู เพราะฐานรากมาจากการยึดอำนาจ สุดท้ายไปนำเครื่องมือนี้มาใช้ และใช้ปฎิบัติการข่าวสารว่าเป็นคนดีมีเกียรติยศ เข้ามาแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง จนทุกวันนี้ไม่รู้หลงการปฎิบัติการข่าวสารหรือไม่ ต้องถามจากพี่น้องประชาชน เหตุเพราะทหารนำเครื่องมือมาใช้ทางการเมือง ถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ทหารจะไม่มายุ่งการเมือง ทหารมีหน้าที่สำนึกรักประชาธิปไตย เคียงข้างรับใช้ประชาชน ถ้าทำตามหลักสากลเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น” พล.ท.ภราดร กล่าว
ขณะที่นายวิโรจน์ กล่าวว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาที่คาดว่ามีกระบวนการไอโอกว่า 40 สถานี ตนเข้าใจว่าขณะนี้น่าจะมีการยกเลิกดำเนินการการทั้งหมดเพราะโลกไซเบอร์มีความสงบสุขขึ้น แต่สิ่งที่เรากังวลมากที่สุดการใช้สิทธิ์เสรีภาพกับถูกมองว่าเป็นการก่อความไม่สงบประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศกับถูกมองว่าเป็นศัตรูของชาติ เรื่องราวแบบนี้ไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้นแต่ถูกรีรันว่าหลายรอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพบอุโมงค์ลับในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การกล่าวหาว่านักศึกษาในยุคนั้นเป็นคอมิวนิสต์ ต่อมาก็คะวายแดง ตอนนี้มาเป็นชังชาติ สิ่งต่างเหล่านี้คือการพยายามให้ความชอบธรรม ซึ่งจริงไม่จริงไม่สำคัญเท่ากับเชื่อหรือไม่เชื่อ เชื่อหรือไม่เชื่อไม่สำคัญเท่าถูกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้เชื่อไม่เหมือนกันนี้คือความน่ากลัวแต่ต้องชุกคิดและตระหนักรู้แล้วว่า เราไม่ได้เกลียดกัน เพราะอยู่ดีๆเราเกลียดกัน แต่เราถูกปุกปั่นยุยงให้เราเกลียดกันหรือไม่
“คำว่าชาติ คือ การรวมกันของคนที่ชอบไม่เหมือนกันมีความเชื่อไม่เหมือนกัน แต่เรามองว่าเราคือพวกเดียวกัน เราอยากพัฒนาพื้นที่ที่เราอยู่รวมกัน เอื้ออาทรบนความแยกต่างและพร้อมโอบรับแตกต่างหลากหลายแล้วไปด้วยกันไม่ใช่หรือ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราแบ่งแยก แบ่งเขาแบ่งเรา แล้วเกลียดกัน เพราะเราต่างกัน ซึ่งความต่างกันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว ผมคิดว่านี่คือสิ่งผิดปกติ และบางคนบอกว่า มีคนมาด่าเราตามทวิตเตอร์ไม่ใช่ไอโอ ก็ถูก แต่เป็นภัยแทรกซ้อนและเป็นผลผลิตของไอโอ” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า กระบวนการไอโอชั้นที่หนึ่งต้องการให้ผู้สนับสนุนศัตรูของตนเกิดความเกลียดชังผู้สนับสนุนของตน เขาไม่ได้รักผู้สนับสนุนของเขาแต่เขาใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูของเขา และสิ่งที่จะทำให้การยึดอำนาจสำเร็จ วางตัวเองเป็นฮีโร่ และเข้ามาขอเวลาอีกไม่นาน คือต้องทำให้ผู้สนับสนุนแต่ละฝ่ายด่าทอเกลียดชัง นั่นคือเป้าหมาย นี่คือหนังม้วนเก่าที่กำลังจะฉายซ้ำ นอกจากนี้ปัญหาคือกรอบความคิดเขายังไม่เปลี่ยน แต่กำลังจะขายแฟรนไชน์จากคนของเขาไปสู่เอกชน อันนี้น่ากลัวแต่อยากจะเตือนว่าไอโอสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนประชาชนสามารถค้นหาความจริงได้จากโลกอินเตอร์เน็ต คุณจะเจอการคานอำนาจความจริง ยันยันว่าคนยุคใหม่รู้เท่าทัน เขาไม่เกลียดกันเพราะถูกสั่งให้เกลียด เมื่อไหร่ที่เขาอึดอัด เดี๋ยวก็โป๊ะแตกอีกรอบ
“ถ้าสังคมไม่ปกป้องความจริง ถ้าเราปล่อยกระบวนการเท็จที่แย่ๆแบบนี้มาหลอกบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ เราควรฉุกคิดกันและควรหันมารักกัน แต่ถ้าไม่ชอบกันก็อยู่ด้วยกันได้ไม่ต้องเกลียดกัน แค่ไม่ชอบกันก็คุยเรื่องอื่นก็พอแล้ว” นายวิโรจน์ กล่าว
ด้านนายนิคม กล่าวว่า การทำงานของกระทรวงดีอีต่อการจัดการไอโอ ว่ากระทรวงนี้ตั้งขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่ควบคุมดูแลข่าวเฟคนิวส์ สิ่งที่ตนกังวลคือคนที่เข้ามาเป็นคณะกรรมการดูแลเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียของประชาชนมีเพียงไม่กี่คน จะตัดสินได้อย่างไรว่าข้อมูลใดจริงเท็จเพราะคณะกรรมการเป็นคนของรัฐ ไม่ใช่คนกลางที่มาจากหลายองค์กร อีกทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับปัจจุบันที่เขียนขึ้นมาเพื่อคุ้มครองรัฐ ออกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ทำให้ประชาชนโดนตัดสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการใช้สงครามข่าวสารมาโดยตลอด ที่เห็นได้ชัดคือการปิดสถานีวิทยุกว่า 7,000-8,000 สถานี และปิดสถานีโทรทัศน์ของฝ่ายที่เห็นต่างกับรัฐบาล เนื่องจากแนวทางการทำงานของทหารเรื่องข้อมูลข่าวสารมีความสำคัญลำดับ 1 เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง การคุมสถานีโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุจึงเหมือนมีอำนาจอยู่ในมือ สามารถดูแลข้อมูลที่จะเผยแพร่ออกมาได้ ซึ่งความมั่นคงนี้เป็นความมั่นคงทางทหารไม่ใช่ความมั่นคงของประชาชน ดังนั้นประชาชนต้องรู้เท่าทัน และเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด
https://www.naewna.com/politic/478837
ความมั่นคงทางทหารก็คือความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน
รัฐบาลและทหารต่อต้านเฟคนิวส์ ไม่ได้ต่อต้านความถูกต้อง
ความถูกต้องของฝ่ายค้านคือมโนเอง แบ่งชนชั้นไพร่ อำมาตย์ เพื่อให้เกิดการแบ่งแยก
นี่ไม่ใช่หรือที่ทำให้เกิดคำว่าสลิ่มอย่างเหยียดหยาม ดูถูกดูแคลนบรรพบุรุษ แม้แต่บุพการี
ฝีมือจากฝ่ายที่ตรงข้ามรัฐบาลและคสช.
มองเห็นคนคิดต่างเป็นไอโอไปหมด ทั้งๆที่ไม่มีข้อเท็จจริงจะเอ่ยอ้าง
งานก็กร่อยสิคะ ไม่มีอะไรใหม่ที่พิสูจน์ว่าไอโอท่านใดทำให้ประชาชนเกลียดชังกัน ไม่มีคดีความที่นำไอโอมาขึ้นศาลในฐานที่ทำลายความสามัคคีของประชาชน แบ่งแยกประเทศชาติ
ฝ่ายค้านควรหันกลับไปมองฝั่งตัวเองและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนที่จะนำไอโอในมโนเอง มาใช้ล้มรัฐบาล เหมือนเฟคนิวส์เนียนๆ ดังจะบอกว่ามีเอฟโอจากต่างดาวอย่างไรอย่างนั้น
หยุดดีแต่พูดแล้วมาร่วมมือต่อต้านเจ้าไวรัสว้ายร้ายจะดีกว่าค่ะ
นี่แหละที่สมควรทำที่สุด