JJNY : วิโรจน์ฉะพรรคร่วมรบ.│ตรังแล้งหนัก ครูควักเงินส่วนตัว│อสังหาจุกลูกค้ากู้แบงก์ไม่ผ่านพุ่ง│อิสราเอลเผยผลักดันพักรบ

วิโรจน์ ฉะ พรรคร่วมรบ. ตีตกซื้อเรือฟริเกต โยกงบเข้างบกลาง ตีเช็กเปล่าเอื้อนายกฯ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8131964
 
 
วิโรจน์ แจง ก้าวไกล หนุนซื้อเรือฟริเกต 1.7 หมื่นล้าน ชี้เกิดการจ้างงานในไทย ข้องใจพรรครัฐบาลไม่เอาด้วย ฉะ โยกงบเข้างบกลาง ตีเช็คเปล่าเอื้อนายกฯ
 
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2567 ที่ห้องอาหารพริ้มเพลิน จ.ปทุมธานี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ. จัดงานสัมมนาในหัวข้อ การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการใช้งบของกองทัพ
 
โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ในฐานะตัวแทนส่วนท้องถิ่น และ สส.พรรคก้าวไกล ร่วมงาน
 
นายวิโรจน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การใช้งบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพส่วนใหญ่บางอย่างมีความจำเป็น ล่าสุดจะจัดซื้อปืนก็มีความจำเป็น แต่พอประชาชนทราบก็เหมือนมีกระแสต้าน ไม่อยากให้ซื้อ อยากให้ปรับลดงบประมาณ
 
ผมก็ตั้งคำถามว่า ถ้าตำรวจไม่มีปืนแล้วตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไร ถูกหรือไม่ ฉะนั้นกองทัพและทหารก็เหมือนกัน หลายสิ่งหลายอย่างมีความจำเป็นต้องซื้อ แต่ทำไมวันนี้พอจะซื้ออย่างนั้นอย่างนี้ ประชาชนเกิดแรงต้านทันทีเพราะอะไร” นายวิโรจน์ กล่าว
 
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพลเรือนกับทหารวันนี้มันสั่นคลอน เหมือนคนที่เราไม่ไว้วางใจ อีกฝ่ายหนึ่งจะขยับ ประชาชนก็จะมองไม่ดีเอาไว้ก่อน ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างสิ่งที่มีความจำเป็นต่อความมั่นคงและการปฏิบัติหน้าที่ของทหารถูกลดทอนประสิทธิภาพลง
 
ดังนั้น บทบาทของกมธ.การทหารที่สำคัญที่สุด คือ การประสานให้ประชาชนกับกองทัพกลับมามีความไว้เนื้อเชื่อใจ และเข้าอกเข้าใจกันในเชิงเหตุผล ตรวจสอบซึ่งกันและกัน อย่างมีเนื้อหาสาระ ไม่ได้ตรวจสอบในลักษณะที่มีการอคติหรือเกลียดชัง
 
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ล่าสุดทุกคนตกใจ เพราะเห็นเรือฟรีเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้าน ตกใจว่าทำไมกมธ.การทหารไม่ได้คัดค้าน เราก็คิดว่าถ้ารัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลยกมือ เรือฟริเกตก็ต้องผ่าน แต่ปรากฏว่ากองทัพเรือเตรียมเนื้อหาไว้เป็นดิบดี ตัวแทนจากก้าวไกลยกมือให้ผ่าน ขณะที่พรรครัฐบาลตัดงบเรือฟริเกต เชื่อว่าจะนำงบส่วนนี้ไปเข้าสู่งบกลาง ถือเป็นการตีเช็คเปล่าไปให้นายกรัฐมนตรี
 
ตนไม่ได้เชียร์ให้ซื้อ ถามว่าทำไมถึงสมเหตุสมผล ก็เพราะเรือฟริเกตจะถูกต่อในประเทศไทย น่าจะเป็นครั้งแรกที่จะมีการต่อเรือรบในประเทศไทย เกิดการจ้างงานมูลค่าหลายพันล้านบาท และจะทำให้ลดต้นทุนในการบำรุงรักษาในระยะยาว และเรือฟริเกตปัจจุบันนี้เข้าใจว่ามีน้อยมาก
 
สาเหตุที่สนับสนุนฟริเกต ไม่ใช่เรือดำน้ำ เพราะเรือดำน้ำเป็นการเอาเงินและประโยชน์ให้เขา โดยที่ไม่ได้ประโยชน์กลับมา รัฐบาลบอกว่ากลัวงบประมาณไม่พอ แต่ปัญหาคือตัดทิ้งแล้วเอาเข้างบกลาง ตกลงแล้วเราจะเชื่อน้ำงิ้วของรมว.กลาโหมได้หรือไม่ และเขาจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้” นายวิโรจน์ กล่าว
 
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ความฝันที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการต่อเรือจบลงแล้ว นายกรัฐมนตรีก็เคยพูดว่าการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ไม่เป็นไรมาก ถ้ามีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจ
 
ของไม่จำเป็น บาทเดียวเราก็ไม่จ่าย แต่ถ้ามันจำเป็นและเกิดประโยชน์ ต่อให้เป็นหมื่นล้าน แสนล้านก็ต้องจ่าย ต้องหามาจ่าย ต้องกู้มาซื้อ กู้มาลงทุน มันไม่เกี่ยวกับเงินมากหรือน้อย มันอยู่ที่จำเป็นและเกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่
 
ดังนั้น อย่าไปคิดว่าหมื่นล้านทำไมถึงบอกว่าถูก 9-10 ปีก่อน เราซื้อเรือฟริเกต ที่ปัจจุบันได้รับพระราชทานชื่อว่าเรือรบหลวงภูมิพล ในวันนั้นวงเงินที่ซื้อ 1.5 หมื่นล้านบาท ถ้าไปซื้อมาในปัจจุบัน ไม่มีทางซื้อได้ในราคานี้ ยกเว้นต่อเอง” นายวิโรจน์ กล่าว
 
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ประชาชนจะไว้วางใจกองทัพได้ก็ต่อเมื่อมีความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลกับสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ และชี้แจงตอบกลับในลักษณะที่เข้าอกเข้าใจประชาชน แต่ถ้าปิดหูปิดตาประชาชนความไว้เนื้อเชื่อใจจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
 
“วันนี้ต้องขอบคุณอยู่ 2 เหล่าทัพ คือ กองทัพเรือและกองทัพอากาศ ที่ให้ความร่วมมือกับกมธ.ดีมาก ส่วนผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) ก็กำลังสร้างความสัมพันธ์ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น เข้าใจว่าการสื่อสารของกองทัพกับประชาชนบางครั้งมีข้อจำกัด
 
แต่ถ้าสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วให้กมธ.ช่วยในการประชาสัมพันธ์กับภาคประชาชน มันมีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการสื่อสารมากขึ้นจะทำให้เกิดการไว้เนื้อเชื่อใจกันมากที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วยเห็นดีไปตลอด แต่หมายถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้” นายวิโรจน์ กล่าว
 
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ดินสนามกอล์ฟของกองทัพอากาศ ตนคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือจะโอนให้กับท้องถิ่นหรือไม่ ถ้าโอนให้กับท้องถิ่นได้ก็จะประเสริฐที่สุด จะเป็นเรื่องดีที่สุด แต่ถ้ากองทัพยังดำเนินการต่อ ต้องชี้แจงให้ได้ว่าจะมีการจัดสรรให้กับนายทหารเท่าไหร่
 
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า มีความโปร่งใส มีการจ่ายเงินเข้ารัฐเท่าไหร่ เปิดให้ประชาชนได้เข้าใช้ในอัตราราคาที่เป็นธรรมได้หรือไม่ แต่หากจะดีที่สุดต้องโอนให้กับท้องถิ่นและให้บริหารจัดการเอง



ตรังแล้งหนัก ครูควักเงินส่วนตัวซื้อน้ำให้นักเรียน ชาวบ้านซื้อน้ำใช้
https://www.matichon.co.th/region/news_4464011

ห่วงกระทบถือศีลอด ชาวบ้านชายฝั่งมดตะนอย จ.ตรัง ขาดแคลนน้ำหนัก ครูต้องควักเงินส่วนตัวซื้อน้ำให้เด็กนักเรียนใช้ บ่อน้ำตื้นแห้ง-ใช้งานไม่ได้เหตุน้ำเค็มเข้าถึง ร้องชลประทานตรังแล้ว ยังเงียบ เผยปีนี้ตรังแล้งหนักทั้ง 10 อำเภอ
 
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศสภาพภัยแล้งในจังหวัดตรัง เริ่มขยายวงกว้างในขณะนี้ หลายพื้นที่ห่างไกลเริ่มขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จากข้อมูลสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ระบุจังหวัดตรังเคยประสบปัญหาภัยแล้งล่าสุดเมื่อปี 2559 สำหรับในปี 2567 นี้ จังหวัดตรังมีพื้นที่เสี่ยงประสบปัญหาภัยแล้งในทุกอำเภอ รวม 10 อำเภอของจังหวัด ประกอบด้วย 6 เทศบาล 55 ตำบล 288 หมู่บ้าน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่แนวชายฝั่ง ซึ่งเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำซ้ำซากในช่วงหน้าแล้ง
 
ล่าสุดที่บริเวณบ้านมดตะนอย หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นชุมชนมุสลิมชุมชนใหญ่ อาศัยอยู่กันประมาณ 200 ครัวเรือน มีทั้งโรงเรียน มัสยิด บ้านพักอาศัย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการขาดแคลนน้ำมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา เนื่องจากระบบน้ำประปา ซึ่งเดินท่อระบายน้ำที่ดึงน้ำมาจากอ่างเก็บน้ำบ้านเขาพลู แหล่งน้ำดิบในตำบลบางสัก อำเภอกันตัง ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ไปประมาณ 15 กิโลเมตร
 
ขณะนี้เกิดปัญหาไม่มีน้ำประปาไหลมา หรืออาจจะมีน้ำไหลมาบ้างในบางช่วง แต่ไม่เพียงพอ บางครั้งหยุดไหลครั้งละหลายวัน ขณะที่พื้นที่ปลายน้ำแรงดันน้ำไม่พอ ขณะที่โรงเรียน มัสยิด แม้มีบ่อน้ำตื้นสำรองแต่ก็ไม่เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง ทำให้ทางครูต้องควักเงินในกระเป๋าซื้อน้ำมาให้นักเรียนได้ใช้ในโรงเรียน และตกอยู่ในสภาพเดือดร้อนอย่างหนัก โดยชาวบ้านต้องซื้อน้ำใช้ถังละ 140 บาท(ขนาด 200 ลิตร) ผู้สูงอายุก็ต้องนำเบี้ยผู้สูงอายุไปซื้อน้ำจุนเจือลูกหลาน ชาวบ้านบางส่วนประมาณ 20 ครัวเรือน มีบ่อน้ำตื้น แต่หน้าแล้งน้ำก็น้อย ไม่เพียงพอเช่นกัน ส่วนครัวเรือนที่เหลือส่วนใหญ่ขุดบ่อน้ำตื้นใช้ไม่ได้ เนื่องจากน้ำเค็มเข้าถึง โดยชาวบ้านที่บ่อน้ำตื้นหากเป็นช่วงหน้าฝน ก็จะรองรับน้ำฝนไว้ใช้ แต่พอมาถึงหน้าแล้งน้ำฝนที่รองไว้ก็หมด
 
นายอะหมาด บาหยัน ชาวบ้านหมู่ 3 บ้านมดตะนอย ซึ่งต้องเดินทางมาอาบน้ำ และขนน้ำจากบ่อน้ำตื้นกลางของหมู่บ้านวันละ 3-4 เที่ยว กล่าวว่า เดือนเมษายนนี้ก็จะเข้าสู่ช่วงเดือนถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม ซึ่งจะต้องประกอบศาสนกิจ ทำพิธีละหมาดวันละ 4-5 เวลา ซึ่งต้องอาบน้ำชำระร่างกายก่อนทำพิธีทุกครั้ง แต่สภาพพื้นที่ขาดแคลนน้ำ จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน กระทบกับการประกอบศาสนกิจอย่างแน่นอน จึงขอวอนขอให้กรมชลประทานเร่งสำรวจปัญหา และเร่งแก้ไขให้ประชาชนสามารถใช้น้ำได้ด้วย
 
ด้านนายณัฐวัฒน์ ทะเลลึก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านมดตะนอย กล่าวว่า ตนกับทางเจ้าหน้าที่ อบต.เกาะลิบง ได้ลงพื้นที่เดินสำรวจเส้นทางท่อส่งน้ำจากบ้านเขาพลูมาบ้านมดตะนอยพบว่า ตลอดเส้นทางดังกล่าวนั้น พบท่อส่องน้ำชำรุด แตกหลายจุด ทำน้ำไหลลงดินไม่สามารถผ่านท่อระบายน้ำมาถึงหมู่บ้านได้ ก็ได้แจ้งไปยังชลประทานตรังได้รับทราบแล้ว เพื่อจะให้เร่งลงพื้นที่มาสำรวจและซ่อมแซมท่อระบายน้ำที่ชำรุดและแก้ไขปัญหาช่วยเหลือประชาชน แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มา ตนห่วงว่าเดือนหน้าเป็นเดือนถือศีลอดของพี่น้องในพื้นที่ จะไม่มีน้ำใช้ เพราะเดือนหน้าสภาพอากาศจะร้อนจัดมากกว่านี้ และการละหมาดก็ต้องใช้น้ำจำนวนมาก จึงอยากให้ชลประทานเร่งแก้ปัญหาด้วย
 


อสังหาจุกลูกค้ากู้แบงก์ไม่ผ่านพุ่ง 50% อ้อนรัฐลดดอกเบี้ย ออกมาตรการกระตุ้น บูสต์กำลังซื้อ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4463967

อสังหาจุกลูกค้ากู้แบงก์ไม่ผ่านพุ่ง 50% อ้อนรัฐลดดอกเบี้ย ออกมาตรการกระตุ้น บูสต์กำลังซื้อ
 
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 ยังทรงๆ เนื่องจากยังมีปัจจัยรุมเร้าต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 90% ของจีดีพี รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูง ล้วนส่งผลกระทบกำลังซื้อภาคธุรกิจ ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบเรื่องยอดปฎิเสธสินเชื่อหรือกู้ไม่ผ่านสูงในกลุ่มระดับราคาต่ำ 3 ล้านบาท ซึ่งอยากให้ภาครัฐพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงประกาศความชัดเจนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะออกมาว่ามีอะไรและเริ่มใช้เมื่อไหร่ เพราะถ้าไม่ชัด จะมีผลทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน

น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันแม้เศรษฐกิจยังไม่วิกฤต แต่ยังไม่ดีมาก ในมุมของนักธุรกิจอยากให้รัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งดอกเบี้ยนอกจากจะเพิ่มภาระค่างวดให้กับผู้ผ่อนบ้านแล้ว ยังส่งผลต่อต้นทุนพัฒนาโครงการ เมื่อดอกเบี้ยขึ้น 1% ทำให้ราคาบ้านแพงขึ้น 10% ส่งผลให้ความสามารถในการซื้อบ้านลดลง ขณะที่รายได้ไม่เพิ่ม จึงเกิดปัญหายอดปฎิเสธการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสูง 70% ซึ่งเสนามียอดกู้แบงก์ไม่ผ่านถึง 50% ในกลุ่มไม่เกิน 3 ล้านบาท อย่างไรก็ดีธนาคารพาณิชย์สามารถลดอัตราดอกเบี้ยเองก็ได้ ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ลด
 
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมในพัทยา กล่าวว่า ขณะนี้คนกู้แบงก์ไม่ผ่านเยอะ อยากให้รัฐออกมาตรการกระตุ้นอสังหามาช่วย เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย เลิกLTV ซึ่งLTV ทำให้คนกู้ซื้อบ้านไม่ได้หรือกู้ได้ แต่ได้ไม่เต็ม 100%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่