คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เห็นใจจริงๆครับ
ใครอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา
ขอแสดงความเห็นอย่างนี้ครับ
1. ตั้งสติไว้ก่อน รอฟังผลชิ้นเนื้อที่แน่นอนก่อนครับ
ผลชิ้นเนื้อมีประโยชน์ที่สุด ในการบอกว่า เป็นมะเร็งหรือไม่ ถ้าเป็น เป็นชนิดไหน มีผลต่อการเลือกวิธีรักษา มะเร็งบางชนิดอาจมียาที่พอรักษาได้
2. เข้าใจว่าใครเป็นลูก ย่อมเสียใจ และยากจะทำใจกับข่าวร้ายของแม่ แต่ผมคิดว่า เป้าหมายของคุณไม่ควรจะเป็น ให้แม่คุณอยู่ไปอีกหลายๆปี แต่เป้าหมายควรเป็น ให้แม่ทุกข์ทรมานน้อยที่สุด ทั้งทางกาย และทางใจ
ส่วนใหญ่ ถ้าถามผู้ป่วยที่ต้องนอนไอซียูนานๆ กินอาหารเองไม่ได้ ต้องใส่สาย ใส่ท่อต่างๆตลอดเวลา นอนเปิดไฟสว่าง มีคนปลุกตลอดทุกชั่วโมง เขาอาจจะอยากถอดสายทุกอย่าง เพื่อกลับไปอยู่บ้านสงบๆกับลูกเป็นครั้งสุดท้ายมากกว่าอยู่กับคนแปลกหน้าครับ
ใครอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา
ขอแสดงความเห็นอย่างนี้ครับ
1. ตั้งสติไว้ก่อน รอฟังผลชิ้นเนื้อที่แน่นอนก่อนครับ
ผลชิ้นเนื้อมีประโยชน์ที่สุด ในการบอกว่า เป็นมะเร็งหรือไม่ ถ้าเป็น เป็นชนิดไหน มีผลต่อการเลือกวิธีรักษา มะเร็งบางชนิดอาจมียาที่พอรักษาได้
2. เข้าใจว่าใครเป็นลูก ย่อมเสียใจ และยากจะทำใจกับข่าวร้ายของแม่ แต่ผมคิดว่า เป้าหมายของคุณไม่ควรจะเป็น ให้แม่คุณอยู่ไปอีกหลายๆปี แต่เป้าหมายควรเป็น ให้แม่ทุกข์ทรมานน้อยที่สุด ทั้งทางกาย และทางใจ
ส่วนใหญ่ ถ้าถามผู้ป่วยที่ต้องนอนไอซียูนานๆ กินอาหารเองไม่ได้ ต้องใส่สาย ใส่ท่อต่างๆตลอดเวลา นอนเปิดไฟสว่าง มีคนปลุกตลอดทุกชั่วโมง เขาอาจจะอยากถอดสายทุกอย่าง เพื่อกลับไปอยู่บ้านสงบๆกับลูกเป็นครั้งสุดท้ายมากกว่าอยู่กับคนแปลกหน้าครับ
แสดงความคิดเห็น
เมื่อแม่เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
แม่ผมได้แอดมิทเข้าห้อง ICU ที่โรงพยาบาลเอกชนแถว BTS พระโขนง ด้วยภาวะนำ้ท่วมปอด เนื่องจากปอดอักเสบ ติดเชื้อ
3-4 วันแรกแม่มีอาการดีขึ้นแต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ (แม่เขียนสั่งผมได้ให้ทำอะไรบ้าง ลืมตา ยิ้ม) พยาบาลก็พยายามให้แม่หายใจโดยใช้สายออกซิเจน แต่แม่ก็ยังหายใจเองไม่ได้)
เวลาผ่านไปผมวิ่งเข้าวิ่งออก ICU ทุกวันเพื่อไปเยี่ยมแม่ แม่มีอาการแย่ลง ไม่มีสติ เรียกแล้วพยายามลืมตา หายใจไม่ทันเครื่องช่วยหายใจ
หมอกับพยาบาลก็ได้แต่บอกอาการคงที่ นำ้ในปอดเยอะ เจาะเลือดไปตรวจ 2 ครั้งแล้วก็ไม่พบเชื้อ หมอให้ยา lasix ขับปัสสาวะกับยาฆ่าเชื้อ จนเมื่อคืนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พยาบาลบอกแม่มีเลือดไหลออกทางจมูก กินข้าวไม่ได้ ความดันตำ่ อาการแย่ลงนะ และบอกกับผมทำไมพึ่งพาแม่มาหาหมอตอนนี้ พยายาม blame ผมว่าผมผิดที่ไม่ดูแลแกให้ดี (ซึ่งมันก็จริงอะเนอะ)
ผมทนไม่ไหวเห็นคนที่ผมรักอยู่อย่างนี้ ผมมีแม่คนเดียว ผมเพิ่งเรียนจบไม่ถึงปี แม่ผมอายุ 59 ผมทนเห็นแกตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ถ้าผมปล่อยทิ้งไว้โรงพยาบาลนี้ แม่คงไม่รอด เลยตัดสินใจโทรไปหาโรงพยาบาลเอกชน 3 ที่ เนื่องด้วยแม่ความดันตำ่มาก มีที่เดียวที่กล้ารับคือ โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์
(เหตุผลที่ไม่ได้ไปโรงพยาบาลรัฐเพราะโรงพยาบาลรัฐเตียง ICU เต็มเกือบทุกที่ ผมท้อและเหนื่อยมากแต่พอกลับมามองหน้าแม่แล้วแม่ยังหายใจ แม่ยังสู้ ทำไมผมถึงต้องท้อด้วยหละ?)
ไม่เกิน 1 ชั่วโมงมีหมอและทีมพยาบาลมารับตัวแม่ถึงห้อง อาการแม่ค่อนข้างวิกฤต คุณหมอที่นี้อัดยาเต็มที่ส่องกล้องในปอดและก็เจาะนำ้ในปอดไปตรวจ แพทย์พยาบาลที่นี้ ทำงานกันเป็นทีม บอกอาการแม่ผมเป็นระยะๆ จนแม่ผมลืมตาได้วันนี้ และก็ขยับขาไปมา (แต่ก็น่ะแลกกับเงินเกือบล้านที่ต้องเสียไป)
แต่สิ่งที่ทำให้ผมเข่าอ่อนและร้องไห้สุดๆเลยคือ หมอบอกว่าแม่มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดและเป็นมะเร็งระยะที่ 4. ความรู้สึกตอนนั้นคือ ทำไม?? ทำไมคนดีๆแบบแม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแม่ ทำไมไม่เป็นเรา แม่ทำดีมาตลอด แม่ไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมถึงไม่ดูแลแม่ดีๆ ทำไมๆๆๆ
จนถึงตอนนี้ผมเหนื่อยและท้อ ทุกอย่างมืดไปมน
แผนที่ผมมีตอนนี้คือ
1. ผมได้ติดต่อสถาบันรัฐแห่งหนึ่งที่นนทบุรี (ดูแลเกี่ยวกับปอดและหัวใจโดยเฉพาะ) ตอนนี้กำลังรอพยาบาลคอนเฟริมหมอที่จะรับแม่เป็นคนไข้
สิ่งที่ผมขอความช่วยเหลือคือพอจะมีแนวทางการรักษาแม่ไหม ผมอยากให้แม่ผมอยู่กับผมไปนานๆ ซัก 5-10 ปี พอจะเป็นไปได้ไหม ผมไม่ขออะไรมาก จะเสียเงินเท่าไหร่จะเสียอะไรผมก็ยอม ผมรักแม่ผมมาก
อยากได้คำปรึกษาคำแนะนำ ผมจะไม่ลืมบุญคุณเลย