Grab ปิดสำนักงานที่ไทยและสิงคโปร์ 5 วันเพื่อทำการฆ่าเชื้อ หลังมีการยืนยันว่า พนักงาน Grab ที่สำนักงาน Marina One West Tower สิงคโปร์ติดเชื้อเป็นโรค COVID-19 และก่อนหน้านี้ตัวเขาได้ไปที่สำนักงานที่กรุงเทพด้วย แต่กลับมาแล้ว
คือต้องตรวจถึงจะเจอ ส่วนใหญ่เขาจะตรวจเฉพาะคนที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือเพิ่งเดินทางกลับมา 
ทีนี้สงสัยว่าคนที่มีเชื้อตามข่าวต่างๆ อาจจะแพร่ไปให้คนอื่นๆ อีกเยอะโดยที่คนเหล่านั้นไม่แสดงอาการอะไรมาก แค่ปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้เหมือนคนเป็นหวัด กินยาพาราก็หาย เขาก็ไม่ได้ไปหาหมอ หรือไปหาหมอๆ ก็คงไม่ตรวจหาเชื้อโควิด19 เพราะไม่เข้าข่าย

แล้วทีนี้คนเหล่านี้อาจไปไหนมาไหน ขึ้นรถไฟฟ้า ไปดูหนัง เดินห้าง ไปร้านอาหาร ฯลฯ แล้วก็แพร่เชื้อไปเรื่อยๆ 
โรคนี้จ้องกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนชรา คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ ร่างกายอ่อนแอ แต่ถ้าคนที่แข็งแรงยังหนุ่มสาวหรือแม้แต่เด็กก็ไม่ค่อยมีอาการของโรค 
ตรงนี้เป็นสาเหตุให้เชื้อไวรัสตัวนี้แพร่ไปได้รวดเร็วและกว้างขวางกว่า sars /mers /ebola หรือไข้หวัดนก 

ทีนี้พอคนไทยเห็นว่าตัวเลขผู้ป่วยในไทยน้อยมาก คนตายแค่ 1 จึงไม่คิดว่าประเทศไทยเสี่ยงติดเชื้อไวรัส ก็ใช้ชีวิตปรกติ หลายคนสวมหน้ากากก็จริงแต่ก็ไม่ได้สวมไว้ตลอด ยังนิยมไปเที่ยวรวมตัวกันตามแหล่งชุมนุมชน การไปเดินห้างเป็นกิจกรรมโปรดของคนไทยทุกระดับ

คือส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อตัวเลขที่สาธารณสุขประกาศออกมาเท่าไหร่ นั่นคือตัวเลขของคนที่ป่วย หรืออยู่ในข่ายเฝ้าระวัง แต่ตัวเลขของการตรวจในวงกว้างเหมือนจะไม่มาก ตรวจที่สนามบิน มีใช้เทอร์โมสแกนตามสถานที่ต่างๆ ก็จริงแต่พอเป็นไข้ เขาก็ไม่ได้ทำอะไร(ถ้าไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ว่า) อาจจะขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใช้บริการ อย่างโรงหนังตรวจเจอก็คืนเงินให้ ทั้งที่คนนั้นอาจมีเชื้อไวรัสโควิด19 ก็ได้