***** แค่อยากจะเล่าเรื่องราวดีๆเล็กๆให้ฟังและถามว่าเราตัดสินใจแบบนี้คือดีจริงๆใช่ไหม? มาขอคำปรึกษาค่ะ *****
ก่อนอื่นขอบอกว่าเราเป็นคนที่ร่าเริง ยิ้มเก่ง ใจดี รักสัตว์ขนปุยมากๆ ชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆ เราเรียนอยู่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตอนนี้อยู๋ปีที่3แล้วค่ะ อีก 2 ปี นิดๆจะจบ เราเคยไปแลกเปลี่ยนที่จีนจึงพูดภาษาจีนได้นิดหน่อย + ภาษาอังกฤษเราพูดได้พอสมควรค่ะ เพราะคุยกับต่างชาติรู้เรื่อง
เราเป็นคนที่ไม่ได้รู้สึกแอบชอบหรือรักใครง่ายๆ และเมื่อเรารู้ว่าเราชอบเราจะคิดเยอะมากๆค่ะ คิดเรื่องของเขาคนนั้นทั้งวันและทุกวัน นั่นทำให้เรารู้ค่ะว่าเราชอบเขาจริงๆ ซึ่งคนที่เราชอบเขาเป็นคนจีนค่ะ เกิดที่ประเทศจีนแต่ตอนนี้เขาเรียนอยู่ที่ออสเตเรียได้ 2-3 ปีแล้ว และเขาบอกว่าเขาจบการศึกษาพร้อมกับเราค่ะ เราเพิ่งรู้จักเขาได้ประมาณ 1 อาทิตย์กว่าๆค่ะ ซึ่งเรารู้จักเขาจากแอพ Tinder(ทินเดอร์) ที่เอาไว้แมชกับคนที่เค้าไลค์เราเหมือนกัน วันนั้นเป็นวันที่เราอยู่กับเพื่อนและเพื่อนพูดถึงการหาคู่ เราอยากลองเล่น เราเลยโหลดมาเล่นครั้งแรก ตอนแรกที่เห็นโปรไฟล์เขาเรากะจะปัดทิ้งเพราะไม่ค่อยเห็นหน้า แต่สัญชาตญาณเรามันบอกให้ปัดขวาเราเลยลองปัดขวา และแล้วมันก็แมชกันจนได้ จะบอกว่าเราเป็นคนมีเหตุผลมากๆ แต่ก็เชื่อ sense ของตัวเองมากๆเช่นกัน เราเลยลองคุยกับเขาในทินเดอร์และก็กลายเป็นคุยกับเขาในไอจี
ผ่านไปประมาณหลายวัน เรารู้สึกได้ว่าเขาคุยดีและเป็นคนดี คืนวันนั้นเค้าเปลี่ยนข้อความในทินเดอร์ว่า หาใครซักคนที่สามารถพาเขาไปกินชานมที่ไทยได้ เราเลยตัดสินใจแคปรูปแล้วถามเขาในไอจีว่า เขาอยากไปกินชานมจริงๆหรอ? ที่นั่นไม่มีหรอก็คุยกับเขาทำนองนั้น คุยไปมาเขาเลยตัดสินใจอยากหาวันที่เราว่าง เพื่อมาเจอเราครั้งแรก น่าจะประมาณวันอังคารที่ 3 ที่ผ่านมาค่ะถ้าจำไม่ผิด เขาบอกว่าแค่เจอคุณหาที่นั่งชิวกินชานมในคาเฟ่ เพื่อพูดคุยกันก่อนแค่นั้นก็ได้ "เขาแค่อยากรู้จักเรามากกว่านี้" ตอนแรกเรากลัวเราไม่กล้า เพราะเราไม่เคยนัดเจอคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก นี่คืกครั้งแรก และเราก็รักนวลสงวนตัวมากๆค่ะ ถึงเราจะเฟรนลี่แต่เราก็ไม่ได้ง่าย เราไม่ได้ใจง่ายนะคะ เราเป็นเด็กเรียนคนนึงเลยที่พ่อกับแม่พวกท่านสอนมาดีมากๆและเราก็เชื่อฟังตลอด เพื่อนๆของเราเองก็รู้ดีค่ะว่าเราเด็กเรียนแค่ไหน เพราะปัจจุบันเราก็เป็นเด็กหน้าห้องคนนึงที่การเรียนไม่ได้แย่เลยค่ะ เราแค่อยากลองดู เราลองหาเหตุผลที่จะไม่ไป+กับโอกาสที่ได้รับเมื่อเราไป เราปรึกษาเพื่อนก็แล้วเราเลยตัดสินใจตอบตกลงที่จะนัดเจอกับเขาค่ะ เพราะเพื่อนเรา+ความคิดเรามันบอกว่า กล้าลองทำสิ่งใหม่ๆบ้าง แค่นัดเจอกันเอง แถมยังไงที่ๆนัดก็เป็นบ้านเรา แถวๆ มหาลัย แค่ไปหาที่ๆคนเยอะอย่างร้านชานม หรือบอร์ดเกมส์แค่นั้น อีกอย่างถือเป็นการฝึกภาษาด้วย อันนี้ประเด็นหลักในตอนนั้นเลยค่ะ
เราเจอกับเขาตอนจะ 2 ทุ่ม ของวันอังคารที่ 3 เราเจอตัวจริงเขาโอเคอยู่ค่ะ เค้าคุยง่าย ตอนแรก เราคิดว่าเราจะเกรงๆกับเขาเพราะเราไม่กล้า+นี่คือครั้งแรกการนัดเจอคนแปลกหน้า แต่กลายเป็นว่าพอเจอกันจริงๆคุยกันสบายๆเลยค่ะ เหมือนเพื่อนกันคนนึง เรากับเค้าไปกินชานมด้วยกัน แลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องของตนเองและความคิดกัน ตอนซื้อชานมเขาอยากจะจ่ายตังค์ให้แต่เราปฏิเสธเพราะเราขี้เกรงใจ จากนั้นก็ไปเล่นเกมส์อยู่ในร้านบอร์ดเกมส์แถวๆ ม.จนถึง 5 ทุ่ม ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีที่นั่งเพราะคนเยอะมากค่ะช่วงสอบ แต่ตอนนี้เราว่างๆเพราะเราส่งงานโปรเจคมิทเทอมไปแล้วเมื่อวันจันทร์ เราเลยว่างนั่งเล่นกับเขาเพลินเลยค่ะ เราพูดตามตรงว่าวันแรกที่เจอเขาเราก็รู้สึกเขินๆนะคะ ตอนแรกคิดว่าเราเขินเพราะเขาหน้าตาค่อนข้างดี + กับเราเพิ่งเคยรู้จักกันและเคยทำไรงี้ครั้งแรก (การเจอกันครั้งนี้ทำให้เราเชื่อใจเขาเพราะเราเองก็เชื่อใจใน sense ตัวเองด้วย) ขากลับเราเรียกแกรบให้เขา
นัดกันวันพุธที่ 4 ต่อมาเพราะเราไม่มีเรียน+งาน จริงๆเราวางแผนกับเขาเมื่อวานว่า จะไปนู่นนี่นั่นเต็มไปหมดเลยค่ะ เพราะเขาอยากให้เราพาเที่ยวสถานที่ดังๆในไทยในวันที่เราว่าง ที่ไหนวันไหนก็ได้ และวันนี้ก็ว่างพอดี+เราเองอยากไปเที่ยวมากๆค่ะ เราเก็บกด5555 เราเลยจะพาเขาไปแต่ก็ดันมาเกิดเหตุการณ์ที่ว่า เราเป็นคนชอบเที่ยวมากกกกก แต่ก็ดันเมารถง่ายเหมือนกัน ตอนเราออกจากที่หอเราประมาณเกือบเที่ยง เราไปด้วย grab taxi ตอนจะออกเรารู้สึกได้ว่าคันนี้ไม่ค่อยปลอดถัย ขับแย่มากกกกกก เหยียบเบรกเหยียบเบรกอยู่นั่น ออกไปได้ไม่ถึง50เมตรก็มีเรื่องกับTAXIคันอื่นๆ โอโห ตอนนั้นคือกลัวและปวดหัวมาก เราเลยตัดจบด้วยการขอโทษอีกคันและบอกมนุษย์ลุงคนขับให้ไปต่อ ลุงเค้าคุยกับเราดีนะแต่การขับของลุงคือ เ-ี้ยมากกก555 (หนูขอโทษนะคะลุง) นั่นเลยทำให้เราอยากจะอวกเมื่อเรามาถึง เรานัดเขาที่ที่พักของเขา คือที่ แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ สุขุมวิท55 เป็นโรงแรม 5 ดาวที่มีแต่ชาวต่างชาติ เรามานั่งที่ล็อบบี้แล้วคือเวียนหัวมาก แต่ไม่ได้จะอวกตลอดเวลา เราเลยขอเขานั่งพักที่ล็อบบี้ประมาณ10 นาทีเพื่อไปกินข้าวกับเขาที่ plaza แถวนั้น (ลืมบอกว่ามีเพื่อนเขานั่งรอด้วยอีก2คนรวมเขาเป็น3) คือรู้สึกผิดและกังวลมากแต่ก็คิดแค่ว่าช่างมันๆ555 ตอนนั่งที่ล็อบบี้ เค้าก็ไปเอาน้ำให้เรากิน ทั้งน้ำเย็นและน้ำอุ่นเราก็กินและพัก แต่ตอนนั้นเราถือแก้วน้ำเย็นไว้ในมือแล้วนั่งเอนหลังละหลับตา ผ่านไปซักพักเค้าก็เอาแก้วออกไปจากมือเราให้และก็ไปเอาน้ำอุ่นมาให้เราทาน หลังจากเรากินน้ำหมดเราร็สึกเหมือนจะดีขึ้น+ไม่อยากให้เขารอกัน เลยเดินไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งเป็นร้านอาหารจีน (ปล.ราคาแพงมากๆT^T) เราสั่งไปแค่เมนูเดียวถูกๆ ละเค้ากับเพื่อนสั่งอีกอย่างมาให้ เค้าสอนเรากินและพออาหารมาด้วยความยังไม่หายเวียนหัวเราได้กินอาหารคือเราจะอวกขึ้นมากทันที คือกลั้นใจทานได้แค่คำเดียวหลังจากนั้นคือเราขอเขาไปเข้าห้องน้ำ เราเข้าห้องน้ำนานมากซัก 20-30นาทีได้เพราะเราไม่ได้อวกออกเราแค่เข้าไปนั่งหลับ (โคตรทรมาน แง่) คือตอนนั้นรู้สึกแบบว่า แม่มเอ้ยย เราจะทำไงดี เกลียดอาการแบบนี้สุดๆ โคตรอยากหาที่นอน อยากขอเขากลับไปที่ล็อบบี้แล้วนอนที่ล็อบบี้ได้มั้ยงี้ ละคือเค้าจะทำอะไรก็ไปทำก่อนกับเพื่อนของเขาก็ได้อ่ะคือเราไม่ว่าเลย ตอนนั้นคือห่วงแต่ตัวเองอย่างเดียวจริงๆว่าขอให้หายเวียนหัวเร็วๆ เพราะนี้ทรมานมากทุกครั้งที่เป็น มันหมดสนุกเลย แถมยังทำให้เค้าอดเที่ยวไปด้วย เราก็โคตรอายเขากับเพื่อนของเขา ที่ต้องมาให้เขานั่งรอแล้วยังมานั่งดูแล ตอนเราตัดสินใจออกจากห้องน้ำเพราะเขาบอกว่าเขากินเสร็จแล้วและกระเป๋าเราอยู่ที่เขา เราเลยไม่อยากสร้างปัญหาตัดใจเดินออกไปแบบอายๆ555
(อันนี้รู้สึกเสียดายด้วยที่ไม่ได้กินเมนูที่สั่งละแถมยังให้เค้ามาจ่ายตังค์ให้เราอีก ฮือT^T)
เขาพาเราออกจากที่นั่นและเดินกลับมายั่งที่โรงแรม ตอนแรกเรานั่งพักและเอนที่ล็อบบี้ เราไม่ค่อยมีสติจะฟังที่เค้าพูดกับเพื่อนหรือกับเรา เราเลยได้แต่เออ ออ ตามๆเค้าไป เค้าถามเราว่าจะกินยาไหมเดี๋ยวจะไปหาซื้อมาให้ เราเกรงใจเราเลยปฏิเสธและบอกเค้าว่าแค่อยากนั่งพักหรือนอนซัก1ชมก็จะดีขึ้น ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 เค้าตัดสินใจถือกระเป๋าเราและพาเราขึ้นไปที่ห้องเขากับเพื่อน (คือฟิลตอนนั้นคือแบบว่าเชี่ยยย กูจะโดนหลอกมั้ยเนี่ย จะโดนหาว่าใจง่ายไม่ระวังตัวแหงๆ คือแบบร็สึกผิดต่อตัวเองมากๆอ่ะตอนนั้น) แต่ก็ถือว่าเราโชคดีมากๆๆ โคตรๆอ่ะ ที่เค้าไม่ทำไรเรา ไม่แตะต้อง/โดนตัวเราเลยแม้แต่ปลายเล็บ คือโล่งใจมากที่เรายังอยู่ครบ 32 และยังซิง555 คือห้องเขา เขาอยู่คนเดียว ส่วนอีกห้องที่ติดกันและสามารถเปิดประตูถึงกันได้นั่นคือห้องที่เพื่อนเขาอยู่ เขาบอกเรานอนพักบนเตียงได้นะ แต่เราไม่เอา เราเกรงใจ+เราไม่กล้านอนบนเตียง ขอเรานอนที่โซฟาดีกว่า เราเลยนอนที่โซฟายาว2เมตรกว่าๆที่ข้างเตียงแทน
เรานอนไปประมาณ1ชม.ครึ่ง ตื่นมาแบบสลึมสลือแล้วพบว่าเค้าหลับอยู่บนเตียงอีกฝั่งที่ไกลจากฝั่งที่เรานอน เหมือตอนแรกเค้าเล่นไอแพทอยู่ละคือเค้าบอกว่าเค้าเห็นเรานอน+แอร์ในห้องตอนนี้เย็นมากเค้าเลยเผลอหลับ (ตอนลืมตาขึ้นมาเห็นเค้าหลับเราก็แอบงีบต่ออีกหน่อย555 คือตอนเห็นเค้านอนคือน่ารักแอบน่ารักมาก นอนขดตัวอยู่ที่มุมเตียง555) โมเม้นนั้นคือแบบว่า ใจร่มๆนะลูก555 หยอกๆ หลังจากที่เราร็สึกดีขั้นประมาณ5โมงกว่าๆเราเลยเปลี่ยนแผนออกไปกินข้าวเหนียวมะม่วงกันแทน +ไปกับเพื่อนของเขา เราไปนั่งกินในร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้ๆละพูดคุยกันเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีเพื่อนเขาด้วย จริงๆคราวนี้เขาจะออกให้อีกแล้วแต่ด้วยความที่เราไม่อยากให้เค้าจ่ายแล้วเราเลยบอกพนักงานให้คิดบิลแยก555 (เค้าก็รู้สึกเซอร์ไพส์+ตกใจนิดๆว่าอ่าวทำไมยูจ่ายแยก55)
เค้ากับเพื่อนพูดกับเราว่าหลังจากนี้ถ้าเจอคนแปลกหน้าต้องระวังตัวให้มากๆ คือเค้าบอกเราตรงๆเลยอ่ะว่าเราอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนี้ก็ได้ (ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบ เฮ้ย หายากมากนะ ที่จะเจอคนดีๆพูดกับเราตรงๆแบบนี้ คือเราอึ้งนิดหน่อยว่าทำไมเราโชคดีจังจริงๆนั่นแหละ) เราก็ไม่ได้จอบอะไรมากมายหรอก แค่บอกว่าไม่รู้จะบอกยังไงแต่แค่รู้สึกเชื่อใจพวกเขา พวกเขาก็โอเคนะตามความคิดเรา
หลังจากกินเสร็จเราไปที่สี่แยกราชประสงค์ด้วยกัน ปกติเค้าไปด้วยแกรบตลอดนะคะแต่ครั้งนี้คือเค้ายอมเดิน+ขึ้นรถไฟฟ้าที่โคตรจะเสี่ยงและร้อนในตอนนั้นด้วยกันเรพาะกลัวว่าเราจะเมารถอีก เราเกรงใจเขาและรู้สึกทำตัวไม่ดีนิดหน่อยอีกแล้วว ฮือ เราพาเค้าไปไหว้+ขอพรค่ะ เค้าก็เล่ารเื่องครอบครัวที่บ้านหรือสุขภาพของแม่เขาให้ฟังนิดหน่อย เค้าดูเหมือนจะไว้ใจและเปิดใจให้เรานิดหน่อยเหมือนกันค่ะ และหลัฃจากนั้นคือความจุดประกายเล็กๆว่าเหมือนเรายังมีหวังที่จะได้คุยกับเขามากขึ้น แต่พอเราพาเขาไปเดินห้างที่ central world ตอนเดินอยู่เราถามเขาว่าเขามีแฟนที่จีนไหม เขาบอกเขาไม่มีที่จีนและก็ไม่ได้มีที่ไหน แต่เหมือนเขาจะมีคนที่ชอบที่ออสเตเรีย+คนนั้นก็ชอบเขามั้งคะแต่แค่ไม่ได้คบกัน เรารู้สึกเศร้าเลยค่ะ หมดหวังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม คือเราก็ไม่ค่อยแน่ใจนะคะว่ายังไง รู้แค่ว่า ตอนเราฟังเขาเราได้ยินไม่ชัดหูมันอื้อๆ+เขาใส่แมสและในห้างตอนนั้นเสียงค่อนข้างดัง (ให้ตายสิเป็นแบบนี้ตลอดในเวลาหรือประโยคที่สำคัญๆ >^<แง่ จริงๆเลยเชียว!) กลับมาจากห้างเราก็กลับมาเอาของที่ห้องตอนแรกว่าจะขอเอนตัวซักพักก่อนค่อยกลับเพราะตอนนั้นก็ยังไม่ดึกแค่ 1 ทุ่มจะ 2 ทุ่ม เราเลยนั่งคุยกับเขาต่อในห้องนั่นแหละค่ะ คุยไปๆมาๆเราก็รู้สึกชอบเขามากขึ้นเรื่องๆ ทั้งสีหน้า ความจริงใจ ความเป็นตัวของเขาเองมันทำให้เรารู้สึกชอบเขาขึ้นมาจริงๆ ตอนคุยกับเขาเราเหม่อหลายรอบเลยค่ะ เพราะว่าเราแค่คิดว่าเราทำตัวไม่ดีหรือเปล่าที่มาอยู่กับเขา ไม่ระวังตัวเองเลย รู้สึกดีและผิดไปพร้อมๆกันอ่ะค่ะ เพื่อนเราโทรมากลัวว่าเราจะเป็นอะไรไหม เขารู้ว่าเพื่อนเราโทรมาเขาเลยบอกว่าเราโชคดีที่มีเพื่อนดีมากๆ และบอกเราว่าคุณไม่ได้ผิดอะไรแค่เพื่อนเป็นห่วงคุณ เขาดูเข้าใจเราดีมากๆค่ะ เราเองต่างหากที่ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจในตัวเขาเลย ตอนเรานั่งเหม่เค้าก็มองมาที่เรานะคะ แล้าก็ยิ้มและถามด้วยความสงสัยตลอดว่าทำไมถึงเหม่อ ไออาการงี้แหละค่ะที่ทำให้เราชอบเขา มันน่ารักมากจริงๆ เรากลับมาตอนประมาณ5ทุ่มถึงที่หอ เราลองนั่งคิดทบทวนจนถึงวันนี้ว่าเราจะลองนัดเขาต่ออีกสักครั้งในวันพรุ่งนี้ค่ะ เราอยากไปอวาเรียม แต่สิ่งที่เรากลัวคือเขาจะไม่ไปเพราะเพื่อนเขาจะชวนไปที่อื่น เขาตอบตกลงแล้วนะคะว่าจะไปแต่เค้าบอกค่ะว่าถ้าเพื่อนเขาชวนไปที่ร้านเกมเขาก็อาจจะต้องดูอีกที
ถามว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง หมดหวังค่ะ เพราะทักไปหาเค้าเค้าก็ตอบ แต่ไม่รู้ว่าตอบตามมารยาทไหม และที่สำคั้ญคือเขาเป็นสเปคเราค่ะ เราแพ้ผู้ชายขาวสูง โดยเฉพาะยิ่งสุภาพบุรุษมากๆเรายิ่งใจอ่อนเลยค่ะ จริงๆเรายอมรับนะคะสำหรับเราที่จะรู้สึกใจอ่อนแล้วกลายเป็นชอบได้เนี่ยมันยากมากๆ ละคนที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นดันกลายเป็นคนที่ไม่ควรอ่ะค่ะ เรารู้นะคะว่ามันเร็วมากๆๆๆ เราเองก็รู้สึกแบบนั้นค่ะ
รู้สึกชอบเขา ควรบอกเขาไปดีไหมคะ? เขาคือชาวต่างชาติ และเรารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ค่ะ
ก่อนอื่นขอบอกว่าเราเป็นคนที่ร่าเริง ยิ้มเก่ง ใจดี รักสัตว์ขนปุยมากๆ ชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆ เราเรียนอยู่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตอนนี้อยู๋ปีที่3แล้วค่ะ อีก 2 ปี นิดๆจะจบ เราเคยไปแลกเปลี่ยนที่จีนจึงพูดภาษาจีนได้นิดหน่อย + ภาษาอังกฤษเราพูดได้พอสมควรค่ะ เพราะคุยกับต่างชาติรู้เรื่อง
เราเป็นคนที่ไม่ได้รู้สึกแอบชอบหรือรักใครง่ายๆ และเมื่อเรารู้ว่าเราชอบเราจะคิดเยอะมากๆค่ะ คิดเรื่องของเขาคนนั้นทั้งวันและทุกวัน นั่นทำให้เรารู้ค่ะว่าเราชอบเขาจริงๆ ซึ่งคนที่เราชอบเขาเป็นคนจีนค่ะ เกิดที่ประเทศจีนแต่ตอนนี้เขาเรียนอยู่ที่ออสเตเรียได้ 2-3 ปีแล้ว และเขาบอกว่าเขาจบการศึกษาพร้อมกับเราค่ะ เราเพิ่งรู้จักเขาได้ประมาณ 1 อาทิตย์กว่าๆค่ะ ซึ่งเรารู้จักเขาจากแอพ Tinder(ทินเดอร์) ที่เอาไว้แมชกับคนที่เค้าไลค์เราเหมือนกัน วันนั้นเป็นวันที่เราอยู่กับเพื่อนและเพื่อนพูดถึงการหาคู่ เราอยากลองเล่น เราเลยโหลดมาเล่นครั้งแรก ตอนแรกที่เห็นโปรไฟล์เขาเรากะจะปัดทิ้งเพราะไม่ค่อยเห็นหน้า แต่สัญชาตญาณเรามันบอกให้ปัดขวาเราเลยลองปัดขวา และแล้วมันก็แมชกันจนได้ จะบอกว่าเราเป็นคนมีเหตุผลมากๆ แต่ก็เชื่อ sense ของตัวเองมากๆเช่นกัน เราเลยลองคุยกับเขาในทินเดอร์และก็กลายเป็นคุยกับเขาในไอจี
ผ่านไปประมาณหลายวัน เรารู้สึกได้ว่าเขาคุยดีและเป็นคนดี คืนวันนั้นเค้าเปลี่ยนข้อความในทินเดอร์ว่า หาใครซักคนที่สามารถพาเขาไปกินชานมที่ไทยได้ เราเลยตัดสินใจแคปรูปแล้วถามเขาในไอจีว่า เขาอยากไปกินชานมจริงๆหรอ? ที่นั่นไม่มีหรอก็คุยกับเขาทำนองนั้น คุยไปมาเขาเลยตัดสินใจอยากหาวันที่เราว่าง เพื่อมาเจอเราครั้งแรก น่าจะประมาณวันอังคารที่ 3 ที่ผ่านมาค่ะถ้าจำไม่ผิด เขาบอกว่าแค่เจอคุณหาที่นั่งชิวกินชานมในคาเฟ่ เพื่อพูดคุยกันก่อนแค่นั้นก็ได้ "เขาแค่อยากรู้จักเรามากกว่านี้" ตอนแรกเรากลัวเราไม่กล้า เพราะเราไม่เคยนัดเจอคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก นี่คืกครั้งแรก และเราก็รักนวลสงวนตัวมากๆค่ะ ถึงเราจะเฟรนลี่แต่เราก็ไม่ได้ง่าย เราไม่ได้ใจง่ายนะคะ เราเป็นเด็กเรียนคนนึงเลยที่พ่อกับแม่พวกท่านสอนมาดีมากๆและเราก็เชื่อฟังตลอด เพื่อนๆของเราเองก็รู้ดีค่ะว่าเราเด็กเรียนแค่ไหน เพราะปัจจุบันเราก็เป็นเด็กหน้าห้องคนนึงที่การเรียนไม่ได้แย่เลยค่ะ เราแค่อยากลองดู เราลองหาเหตุผลที่จะไม่ไป+กับโอกาสที่ได้รับเมื่อเราไป เราปรึกษาเพื่อนก็แล้วเราเลยตัดสินใจตอบตกลงที่จะนัดเจอกับเขาค่ะ เพราะเพื่อนเรา+ความคิดเรามันบอกว่า กล้าลองทำสิ่งใหม่ๆบ้าง แค่นัดเจอกันเอง แถมยังไงที่ๆนัดก็เป็นบ้านเรา แถวๆ มหาลัย แค่ไปหาที่ๆคนเยอะอย่างร้านชานม หรือบอร์ดเกมส์แค่นั้น อีกอย่างถือเป็นการฝึกภาษาด้วย อันนี้ประเด็นหลักในตอนนั้นเลยค่ะ
เราเจอกับเขาตอนจะ 2 ทุ่ม ของวันอังคารที่ 3 เราเจอตัวจริงเขาโอเคอยู่ค่ะ เค้าคุยง่าย ตอนแรก เราคิดว่าเราจะเกรงๆกับเขาเพราะเราไม่กล้า+นี่คือครั้งแรกการนัดเจอคนแปลกหน้า แต่กลายเป็นว่าพอเจอกันจริงๆคุยกันสบายๆเลยค่ะ เหมือนเพื่อนกันคนนึง เรากับเค้าไปกินชานมด้วยกัน แลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องของตนเองและความคิดกัน ตอนซื้อชานมเขาอยากจะจ่ายตังค์ให้แต่เราปฏิเสธเพราะเราขี้เกรงใจ จากนั้นก็ไปเล่นเกมส์อยู่ในร้านบอร์ดเกมส์แถวๆ ม.จนถึง 5 ทุ่ม ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีที่นั่งเพราะคนเยอะมากค่ะช่วงสอบ แต่ตอนนี้เราว่างๆเพราะเราส่งงานโปรเจคมิทเทอมไปแล้วเมื่อวันจันทร์ เราเลยว่างนั่งเล่นกับเขาเพลินเลยค่ะ เราพูดตามตรงว่าวันแรกที่เจอเขาเราก็รู้สึกเขินๆนะคะ ตอนแรกคิดว่าเราเขินเพราะเขาหน้าตาค่อนข้างดี + กับเราเพิ่งเคยรู้จักกันและเคยทำไรงี้ครั้งแรก (การเจอกันครั้งนี้ทำให้เราเชื่อใจเขาเพราะเราเองก็เชื่อใจใน sense ตัวเองด้วย) ขากลับเราเรียกแกรบให้เขา
นัดกันวันพุธที่ 4 ต่อมาเพราะเราไม่มีเรียน+งาน จริงๆเราวางแผนกับเขาเมื่อวานว่า จะไปนู่นนี่นั่นเต็มไปหมดเลยค่ะ เพราะเขาอยากให้เราพาเที่ยวสถานที่ดังๆในไทยในวันที่เราว่าง ที่ไหนวันไหนก็ได้ และวันนี้ก็ว่างพอดี+เราเองอยากไปเที่ยวมากๆค่ะ เราเก็บกด5555 เราเลยจะพาเขาไปแต่ก็ดันมาเกิดเหตุการณ์ที่ว่า เราเป็นคนชอบเที่ยวมากกกกก แต่ก็ดันเมารถง่ายเหมือนกัน ตอนเราออกจากที่หอเราประมาณเกือบเที่ยง เราไปด้วย grab taxi ตอนจะออกเรารู้สึกได้ว่าคันนี้ไม่ค่อยปลอดถัย ขับแย่มากกกกกก เหยียบเบรกเหยียบเบรกอยู่นั่น ออกไปได้ไม่ถึง50เมตรก็มีเรื่องกับTAXIคันอื่นๆ โอโห ตอนนั้นคือกลัวและปวดหัวมาก เราเลยตัดจบด้วยการขอโทษอีกคันและบอกมนุษย์ลุงคนขับให้ไปต่อ ลุงเค้าคุยกับเราดีนะแต่การขับของลุงคือ เ-ี้ยมากกก555 (หนูขอโทษนะคะลุง) นั่นเลยทำให้เราอยากจะอวกเมื่อเรามาถึง เรานัดเขาที่ที่พักของเขา คือที่ แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ สุขุมวิท55 เป็นโรงแรม 5 ดาวที่มีแต่ชาวต่างชาติ เรามานั่งที่ล็อบบี้แล้วคือเวียนหัวมาก แต่ไม่ได้จะอวกตลอดเวลา เราเลยขอเขานั่งพักที่ล็อบบี้ประมาณ10 นาทีเพื่อไปกินข้าวกับเขาที่ plaza แถวนั้น (ลืมบอกว่ามีเพื่อนเขานั่งรอด้วยอีก2คนรวมเขาเป็น3) คือรู้สึกผิดและกังวลมากแต่ก็คิดแค่ว่าช่างมันๆ555 ตอนนั่งที่ล็อบบี้ เค้าก็ไปเอาน้ำให้เรากิน ทั้งน้ำเย็นและน้ำอุ่นเราก็กินและพัก แต่ตอนนั้นเราถือแก้วน้ำเย็นไว้ในมือแล้วนั่งเอนหลังละหลับตา ผ่านไปซักพักเค้าก็เอาแก้วออกไปจากมือเราให้และก็ไปเอาน้ำอุ่นมาให้เราทาน หลังจากเรากินน้ำหมดเราร็สึกเหมือนจะดีขึ้น+ไม่อยากให้เขารอกัน เลยเดินไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งเป็นร้านอาหารจีน (ปล.ราคาแพงมากๆT^T) เราสั่งไปแค่เมนูเดียวถูกๆ ละเค้ากับเพื่อนสั่งอีกอย่างมาให้ เค้าสอนเรากินและพออาหารมาด้วยความยังไม่หายเวียนหัวเราได้กินอาหารคือเราจะอวกขึ้นมากทันที คือกลั้นใจทานได้แค่คำเดียวหลังจากนั้นคือเราขอเขาไปเข้าห้องน้ำ เราเข้าห้องน้ำนานมากซัก 20-30นาทีได้เพราะเราไม่ได้อวกออกเราแค่เข้าไปนั่งหลับ (โคตรทรมาน แง่) คือตอนนั้นรู้สึกแบบว่า แม่มเอ้ยย เราจะทำไงดี เกลียดอาการแบบนี้สุดๆ โคตรอยากหาที่นอน อยากขอเขากลับไปที่ล็อบบี้แล้วนอนที่ล็อบบี้ได้มั้ยงี้ ละคือเค้าจะทำอะไรก็ไปทำก่อนกับเพื่อนของเขาก็ได้อ่ะคือเราไม่ว่าเลย ตอนนั้นคือห่วงแต่ตัวเองอย่างเดียวจริงๆว่าขอให้หายเวียนหัวเร็วๆ เพราะนี้ทรมานมากทุกครั้งที่เป็น มันหมดสนุกเลย แถมยังทำให้เค้าอดเที่ยวไปด้วย เราก็โคตรอายเขากับเพื่อนของเขา ที่ต้องมาให้เขานั่งรอแล้วยังมานั่งดูแล ตอนเราตัดสินใจออกจากห้องน้ำเพราะเขาบอกว่าเขากินเสร็จแล้วและกระเป๋าเราอยู่ที่เขา เราเลยไม่อยากสร้างปัญหาตัดใจเดินออกไปแบบอายๆ555(อันนี้รู้สึกเสียดายด้วยที่ไม่ได้กินเมนูที่สั่งละแถมยังให้เค้ามาจ่ายตังค์ให้เราอีก ฮือT^T)
เขาพาเราออกจากที่นั่นและเดินกลับมายั่งที่โรงแรม ตอนแรกเรานั่งพักและเอนที่ล็อบบี้ เราไม่ค่อยมีสติจะฟังที่เค้าพูดกับเพื่อนหรือกับเรา เราเลยได้แต่เออ ออ ตามๆเค้าไป เค้าถามเราว่าจะกินยาไหมเดี๋ยวจะไปหาซื้อมาให้ เราเกรงใจเราเลยปฏิเสธและบอกเค้าว่าแค่อยากนั่งพักหรือนอนซัก1ชมก็จะดีขึ้น ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 เค้าตัดสินใจถือกระเป๋าเราและพาเราขึ้นไปที่ห้องเขากับเพื่อน (คือฟิลตอนนั้นคือแบบว่าเชี่ยยย กูจะโดนหลอกมั้ยเนี่ย จะโดนหาว่าใจง่ายไม่ระวังตัวแหงๆ คือแบบร็สึกผิดต่อตัวเองมากๆอ่ะตอนนั้น) แต่ก็ถือว่าเราโชคดีมากๆๆ โคตรๆอ่ะ ที่เค้าไม่ทำไรเรา ไม่แตะต้อง/โดนตัวเราเลยแม้แต่ปลายเล็บ คือโล่งใจมากที่เรายังอยู่ครบ 32 และยังซิง555 คือห้องเขา เขาอยู่คนเดียว ส่วนอีกห้องที่ติดกันและสามารถเปิดประตูถึงกันได้นั่นคือห้องที่เพื่อนเขาอยู่ เขาบอกเรานอนพักบนเตียงได้นะ แต่เราไม่เอา เราเกรงใจ+เราไม่กล้านอนบนเตียง ขอเรานอนที่โซฟาดีกว่า เราเลยนอนที่โซฟายาว2เมตรกว่าๆที่ข้างเตียงแทน
เรานอนไปประมาณ1ชม.ครึ่ง ตื่นมาแบบสลึมสลือแล้วพบว่าเค้าหลับอยู่บนเตียงอีกฝั่งที่ไกลจากฝั่งที่เรานอน เหมือตอนแรกเค้าเล่นไอแพทอยู่ละคือเค้าบอกว่าเค้าเห็นเรานอน+แอร์ในห้องตอนนี้เย็นมากเค้าเลยเผลอหลับ (ตอนลืมตาขึ้นมาเห็นเค้าหลับเราก็แอบงีบต่ออีกหน่อย555 คือตอนเห็นเค้านอนคือน่ารักแอบน่ารักมาก นอนขดตัวอยู่ที่มุมเตียง555) โมเม้นนั้นคือแบบว่า ใจร่มๆนะลูก555 หยอกๆ หลังจากที่เราร็สึกดีขั้นประมาณ5โมงกว่าๆเราเลยเปลี่ยนแผนออกไปกินข้าวเหนียวมะม่วงกันแทน +ไปกับเพื่อนของเขา เราไปนั่งกินในร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้ๆละพูดคุยกันเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีเพื่อนเขาด้วย จริงๆคราวนี้เขาจะออกให้อีกแล้วแต่ด้วยความที่เราไม่อยากให้เค้าจ่ายแล้วเราเลยบอกพนักงานให้คิดบิลแยก555 (เค้าก็รู้สึกเซอร์ไพส์+ตกใจนิดๆว่าอ่าวทำไมยูจ่ายแยก55)
เค้ากับเพื่อนพูดกับเราว่าหลังจากนี้ถ้าเจอคนแปลกหน้าต้องระวังตัวให้มากๆ คือเค้าบอกเราตรงๆเลยอ่ะว่าเราอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนี้ก็ได้ (ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบ เฮ้ย หายากมากนะ ที่จะเจอคนดีๆพูดกับเราตรงๆแบบนี้ คือเราอึ้งนิดหน่อยว่าทำไมเราโชคดีจังจริงๆนั่นแหละ) เราก็ไม่ได้จอบอะไรมากมายหรอก แค่บอกว่าไม่รู้จะบอกยังไงแต่แค่รู้สึกเชื่อใจพวกเขา พวกเขาก็โอเคนะตามความคิดเรา
หลังจากกินเสร็จเราไปที่สี่แยกราชประสงค์ด้วยกัน ปกติเค้าไปด้วยแกรบตลอดนะคะแต่ครั้งนี้คือเค้ายอมเดิน+ขึ้นรถไฟฟ้าที่โคตรจะเสี่ยงและร้อนในตอนนั้นด้วยกันเรพาะกลัวว่าเราจะเมารถอีก เราเกรงใจเขาและรู้สึกทำตัวไม่ดีนิดหน่อยอีกแล้วว ฮือ เราพาเค้าไปไหว้+ขอพรค่ะ เค้าก็เล่ารเื่องครอบครัวที่บ้านหรือสุขภาพของแม่เขาให้ฟังนิดหน่อย เค้าดูเหมือนจะไว้ใจและเปิดใจให้เรานิดหน่อยเหมือนกันค่ะ และหลัฃจากนั้นคือความจุดประกายเล็กๆว่าเหมือนเรายังมีหวังที่จะได้คุยกับเขามากขึ้น แต่พอเราพาเขาไปเดินห้างที่ central world ตอนเดินอยู่เราถามเขาว่าเขามีแฟนที่จีนไหม เขาบอกเขาไม่มีที่จีนและก็ไม่ได้มีที่ไหน แต่เหมือนเขาจะมีคนที่ชอบที่ออสเตเรีย+คนนั้นก็ชอบเขามั้งคะแต่แค่ไม่ได้คบกัน เรารู้สึกเศร้าเลยค่ะ หมดหวังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม คือเราก็ไม่ค่อยแน่ใจนะคะว่ายังไง รู้แค่ว่า ตอนเราฟังเขาเราได้ยินไม่ชัดหูมันอื้อๆ+เขาใส่แมสและในห้างตอนนั้นเสียงค่อนข้างดัง (ให้ตายสิเป็นแบบนี้ตลอดในเวลาหรือประโยคที่สำคัญๆ >^<แง่ จริงๆเลยเชียว!) กลับมาจากห้างเราก็กลับมาเอาของที่ห้องตอนแรกว่าจะขอเอนตัวซักพักก่อนค่อยกลับเพราะตอนนั้นก็ยังไม่ดึกแค่ 1 ทุ่มจะ 2 ทุ่ม เราเลยนั่งคุยกับเขาต่อในห้องนั่นแหละค่ะ คุยไปๆมาๆเราก็รู้สึกชอบเขามากขึ้นเรื่องๆ ทั้งสีหน้า ความจริงใจ ความเป็นตัวของเขาเองมันทำให้เรารู้สึกชอบเขาขึ้นมาจริงๆ ตอนคุยกับเขาเราเหม่อหลายรอบเลยค่ะ เพราะว่าเราแค่คิดว่าเราทำตัวไม่ดีหรือเปล่าที่มาอยู่กับเขา ไม่ระวังตัวเองเลย รู้สึกดีและผิดไปพร้อมๆกันอ่ะค่ะ เพื่อนเราโทรมากลัวว่าเราจะเป็นอะไรไหม เขารู้ว่าเพื่อนเราโทรมาเขาเลยบอกว่าเราโชคดีที่มีเพื่อนดีมากๆ และบอกเราว่าคุณไม่ได้ผิดอะไรแค่เพื่อนเป็นห่วงคุณ เขาดูเข้าใจเราดีมากๆค่ะ เราเองต่างหากที่ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจในตัวเขาเลย ตอนเรานั่งเหม่เค้าก็มองมาที่เรานะคะ แล้าก็ยิ้มและถามด้วยความสงสัยตลอดว่าทำไมถึงเหม่อ ไออาการงี้แหละค่ะที่ทำให้เราชอบเขา มันน่ารักมากจริงๆ เรากลับมาตอนประมาณ5ทุ่มถึงที่หอ เราลองนั่งคิดทบทวนจนถึงวันนี้ว่าเราจะลองนัดเขาต่ออีกสักครั้งในวันพรุ่งนี้ค่ะ เราอยากไปอวาเรียม แต่สิ่งที่เรากลัวคือเขาจะไม่ไปเพราะเพื่อนเขาจะชวนไปที่อื่น เขาตอบตกลงแล้วนะคะว่าจะไปแต่เค้าบอกค่ะว่าถ้าเพื่อนเขาชวนไปที่ร้านเกมเขาก็อาจจะต้องดูอีกที
ถามว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง หมดหวังค่ะ เพราะทักไปหาเค้าเค้าก็ตอบ แต่ไม่รู้ว่าตอบตามมารยาทไหม และที่สำคั้ญคือเขาเป็นสเปคเราค่ะ เราแพ้ผู้ชายขาวสูง โดยเฉพาะยิ่งสุภาพบุรุษมากๆเรายิ่งใจอ่อนเลยค่ะ จริงๆเรายอมรับนะคะสำหรับเราที่จะรู้สึกใจอ่อนแล้วกลายเป็นชอบได้เนี่ยมันยากมากๆ ละคนที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นดันกลายเป็นคนที่ไม่ควรอ่ะค่ะ เรารู้นะคะว่ามันเร็วมากๆๆๆ เราเองก็รู้สึกแบบนั้นค่ะ