[CR] [#ฉันจะมารีวิว] Dreamcatcher (드림캐쳐) ‒ ‘Dystopia : The Tree of Language’🌻K-POP REVIEW (Recommend)

** โปรดอ่าน! **
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยเพราะคนเขียนไม่ได้มีความรู้เรื่องของเพลงแม้แต่นิดเดียว
-
[K-POP REVIEW]
Dreamcatcher - Dystopia : The Tree of Language
“ กลายร่างเป็นแม่มด ”

Release : 2020/02/18
Genre : electronica rock, alternative dance pop


ดรีมแคชเชอร์ (Dreamcatcher) จัดว่าเป็นวงที่ขายความแปลกประหลาดด้วยคอนเซ็ป fantazy horror การเล่าเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีค่อยจะมีใครทำนักในวงการบันเทิงสายไอดอล ยิ่งเป็นวงผู้หญิงด้วยจะให้ขายแนวนี้คงใช่ที่คน(เกาหลี)จะเก็ทกัน... แต่ด้วยความเป็นสาวดักฝันเลือกทางนี้แล้วก็ต้องไปให้สุด ตัดสินใจหันหลัง+ไม่ลุ่มหลงกับแนวกระแสความเป็นป็อบฟังง่ายสบายๆแบบฟอร์มเดิม (วง MINX) ในเมื่อฟอร์มใหม่กูมาแบบนี้แล้วก็หยิบงานดนตรีสายเมทัลร็อคแม่ งซะเลย แหวกแนวทั้งทีต้องไปให้สุดสิวะถึงจะคุ้มค่า... ผลลัพท์ที่ได้มันไม่ใช่กระแสคำพูดแบบปากต่อปากทำให้สาวๆทั้งเจ็ดคน จีอู ฮันดง ซูอา ชียอน ยูฮยอน ดามิ และกาฮยอนพอที่จะลืมตาอ้าปากโดยไม่ถูกขนานนามว่า ‘วงนูกู’ ใจหลักสำคัญคืองานเพลงที่ต้องทำให้ผู้คนจดจำได้ว่านี่แหละคืองานเพลงของดรีมแคชเชอร์อย่างแท้จริง ซึ่งตรงนี้ถือว่าทำสำเร็จได้ด้วยดีเลยทีเดียวสำหรับตัววงที่สามารถสร้างซิกเนเจอร์ให้คนจดจำที่ไม่ใช่แค่คอนเซ็ปอย่างเดียว อีกอย่างการได้ไปรายการ MIXNINE ก็ทำให้สมาชิกที่เข้ารอบได้กระแสพูดถึงที่ดีด้วยความสามารถที่เจ๋งพอตัวเลยแหละ (เสียดายที่ดันถอนตัวระหว่างแข่งขัน)

- คัมแบ็คสตูดิโออัลบั้มชุดแรกกับเรื่องราวที่ไม่ใช่ฝันร้าย (Nightmare) จัดหนักความเป็นแฟนตาซีเพิ่มความเข้มข้นด้วยคอนเซ็ป ‘Dystopia’ ดินแดนที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ที่ต่างกันสุดขั้วกับ Utopia... การเริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ดภาคแยก The Tree of Language แปลตรงตัวแบบคนโง่ก็คือ‘ภาษาต้นไม้’ แต่เป็นภาษาต้นไม้ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวของแฟนตาซีอย่างเดียวด้วยสิเพราะในคราวนี้สาวดักฝันจะแปรสภาพตัวเองจากเหล่าผีใน nightmare ให้กลายเป็นนางแม่มดสุดชั่วร้ายในดินแดนอันน่ากลัวแห่งนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

1. เปิด  Intro  ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากมายแต่กลับมีเสียงของคนพูดคุยกันไปมาเลยแฮะ เป็นการเปิดที่ดันทำให้ชวนคิดขึ้นมาได้ซะงั้น

2. Scream  ซิงเกิ้ลโปรโมทแรงบันดาลใจจากการล่าแม่มดสู่เพลงแนว electro rock การแก้แค้นอันเป็นนัยนะถึงสังคมที่ไม่ได้ถูกยอมรับเหมือนคนอื่น ถูกคำด่าคำว่าสารพัดต่างๆนาๆจนกลายเป็นความเก็บกดในใจที่สุดท้ายต้องเปิดเผยด้านมืดเพื่อปกป้องตัวเองและทำร้ายผู้คนเหล่านั้นอย่างไม่ใยดี ในเมื่อเลือกที่จะทำกับฉันแบบนี้ งั้นฉันจะทำให้พวกแกกรีดร้องออกมาต่อหน้าฉันด้วยความกลัวนี่แหละ

3. Tension  เมทัลร็อคสปีดอัพสูตรสำเร็จความคุ้นเคย message ที่ส่งถึงคนที่กำลังเสียใจกับสิ่งที่ทำไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะร่ายมนต์ให้คุณได้ปลดปล่อยความเครียดนั้นออกมา

4. Red Sun  midtempo alternative สะกดจิตของคุณให้อยู่ในการควบคุมภายใต้พระอาทิตย์สีแดงราวกับนทลงโทษอันแสนโอชาของเหล่าแม่มด

5. Black Or White  midtempo pop ที่เปิดด้วยริฟท์กีต้าร์ที่จัดว่าหนักหน่วงแล้วตัดมู้ดด้วยเบสย่อยง่ายเพลินหู ฉันไม่สามารถเลือกได้หรอกว่าจะให้ตัวเองเป็นสีดำหรือสีขาว (ด้านมืด vs ด้านสว่าง)

6. Jazz Bar  medium jazz เปลี่ยนบริบทความโหดร้ายแล้วเนรมิตรจากนางแม่มดให้กลายเป็นนักร้องแจ๊สสาวพราวเสน่ห์ที่จะขับร้องเพลงอันไพเราะให้เธอตกหลุมรักภายใต้แสงสีแดง กลิ่นอายออกไปทาง urban เล็กๆ เป็นแทร็คที่ให้ความสบายมากสุดในอัลบั้ม

7. Daybreak  เบสป็อบหวานชื่น เมื่อถึงเวลารุ่งเช้าฉันอยากจะกอดคุณไว้ไม่ให้ไปไหน อยากให้ในฝันนี้มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น แทร็ค emotional ที่อยากใช้ชีวิตที่แฮปปี้กับคนรักไปตลอดกาล

8. เข้าสู่โหมดความทะเยอทะยานต่อสู้เพื่อความอยู่รอด  SAHARA  ร็อคจังหวะพอดิบพอดี ชอบสุดยกให้ท่อนบริจด์ที่บิ้วอารมณ์ราวกับว่าฉันคือนักสู้ที่จะรอดจากกลางทะเลทรายแห่งนี้ไปให้ได้ นอกนั้นยังมีความเดิมๆอยู่แต่ไม่ถึงกับน่าเกลียด เป็นความเดิมๆที่ใช้ได้เลยทีเดียว

9. มาถึง highlight track ที่อยากแนะเสนอ  In The Frozen  electronica ดอกไม้ที่กำลังจะบานสะพรึ่งในฤดูที่หนาวเหน็บเปรียบดั่งความอดทนของตัวเองที่พร้อมจะสู้จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายถึงจะมีอุปสรรค์อันใหญ่หลวงก็ตาม ซาวน์ดจัดว่าเด็ดดวงโคตรแต่มีกลิ่นอายของความเป็นเอทีซค่อนข้างสูง ด้วยความที่โปรดิวเซอร์คนเดียวกันด้วยแหละพี่แกเลยจัดหนักใส่ไม่ยั้งมือแล้วออกมาดีพอจะแย่งซีนซิงเกิ้ลโปรโมทได้เลยแหละ


- ในความหมายของ the tree of language ไตรมาสภาคแรกของ dystopia มันคือการพูดถึงสังคมส่วนใหญ่มักตราหน้าว่าเรามันเป็นตัวประหลาด คำด่าทอจากผู้คนที่ทำใหเก็บลึกฝังเข้าไปในหัวใจจนความมืดเริ่มกัดกินแล้วกลายเป็นคนที่พร้อมจะทำร้ายคนเหล่านั้นเหมือนกับการล่าแม่มดในช่วงสมัยยุคกลางของชาวยุโรป... ความเป็น dystopia ใช่ว่าจะต้องเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวซะทั้งหมด มีผ่อนเบาให้คลายความตึงเครียดเปิดเผยด้านสว่างของแม่มดบ้างเป็นการตอกย้ำว่าguก็ไม่ได้ร้ายเหมือนที่ใครเขาว่ากันนะเว้ย

- เก้าแทร็คหลักกับการดำเนินเรื่องราวของดินแดนอันแสนโหดร้ายที่ยังคงโปรดิวเซอร์คนเดิมอย่าง LEEZ และ Ollounder คู่หูคู่บุญเติมของสาวดักฝัน ความจริงแล้วสาวๆเคยออกมาพูดถึงแนวเพลงของตัวเองไว้ล่วงหน้าแล้วว่าในปีนี้ตัววงจะเริ่มเข้าสู่ยุคของ edm ไอ้เราตอนแรกที่ได้ยินคือใจหายเลยนะเพราะเป็นการเปลี่ยนฟอร์มแบบพลิกหน้าพลิกหลัง.. สรุปก็ยังคงความเป็นตัวเองนั่นแหละเพียงแต่ซาวน์ดในอัลบั้มชุดนี้จะเริ่มลดบทบาทของความเป็นเมทัลหนักแน่น เสริมเติมด้วยจังหวะอิเล็กทรอนิกส์ใส่ลูกเล่นแปลกใหม่ให้ตัววงดูมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าเป็นอัลบั้มที่ผลลัพท์ออกมาเกินคาดกว่าที่หวังไว้ ส่วนแทร็คเสริมอย่าง Full Moon, Over the sky แทร็ค fan song เข้ามาเติมเต็มให้มู้ดในอัลบั้มดูสมบูรณ์มากขึ้นและในส่วนของ  Paradise  แทร็คโซโล่สเปเชียลของชียอนที่ดูจะเข้ากับบริบทของแม่มดที่ต้องการหลีกหนีจากการถูกล่าแล้วเดินไปยันดินแดนอันสวยงามที่เปรียบเหมือนสวรรค์

.
.

“ ชักจะอยากรู้แล้วสิว่าเหล่าแม่มดจะทำอะไรต่อไป ”

(8/10)
Best Tracks: Scream, Tension, Red Sun, Jazz Bar, In The Frozen, Paradise (Special Track)

Recommend Tracks: Jazz Bar, SAHARA, In The Frozen

ปล. การทำรีวิวทั้งหมดนี้ คนเขียนไม่ได้มีความรู้เรื่องแนวเพลงอะไรมากมายเลยสักนิดเดียวใช้ประสบการณ์จากการฟังเพลงล้วนๆ


thank u for reading🙏
ชื่อสินค้า:   [#ฉันจะมารีวิว] Dreamcatcher (드림캐쳐) ‒ ‘[Dystopia : The Tree of Language]’🌻K-POP REVIEW
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่