ตั้งแต่ทำงานมา เกือบทั้งชีวิต มี 2 ที่ที่เรารู้สึกอึดอัดมาก ที่แรกที่อึดอัดเป็นบริษัท มหาชน มี่ทุกอย่างรวมถึงสวัสดิโอเค แต่กลายเป็นวัฒนธรรม แผนก ย้ำว่า แผนก ไม่ใช่องค์กร เพราะแผนกอื่นไม่เป็น ดูมีความสุขมาก ยกเว้นแผนกเรา ตั้งแต่ ทุกอย่างต้องมีแบรนด์ ฟาเหน้ากันแต่ละที ใครไม่มี เธอคือ บุคคลอีกระดับ นั่งโต๊ะข้างกัน แบบแทบจะติดกัน แต่ห้ามคุยกัน แม้กระทั้งบอกว่าเที่ยงไปทานข้าวกัน ให้ใช้โปรแกรมแชทคุยกัน ในขณะที่อีกแผนกด้านหลัง ที่นั่งหลังแทบจะชนกัน เขาคุยกันกระจาย ดูมีความสุขมาก เคยถามพี่ที่เขาอยู่มาก่อน ว่าทำไมไม่คุยกัน พิมพ์ทำไม ทั้งที่นั่งข้างกัน เขาตอบว่า แผนกเราเขาจะคุบผ่านแชทเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่สทำไม เพราะตอนพี่มาเขาก็เป็นแบบนี้เลย สุดท้ายหมาหงอยอย่างเรา ก็ต้องออกมา มันอึดอัดเกินไป
อีกที เป็นบริษัท ที่มองภายนอก อาจพอไปได้ บริษัท เล็กๆ แถมอยู่ ตจว คิดว่า น่าจะใช้ชีวิตได้ง่ายหน่อย เพราะไม่ต้องไปแข่งกับใคร สรุป หนีเสือ ปะ งูเห่า
คือร้ายกว่าจระเข้ ใช้ชีวิตท่ามกลางทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์ คือ เจอ เจ้าของขายฝันไปวันๆ จะเพิ่มเงินตรงนั้นให้ ตรงนี้ให้ แถมใช้ชีวิตสิงพนักงานยิ่งกว่า เรียลลิตี้ น้องหมูเด้ง ตีสอง ตีสาม ฉันคิดถึงเธ อก็ส่ง ไลน์มาตามงาน ไม่มีการถามสุขภาพความฝันกันสักนิด ว่าฉันพร้อมตื่นไหม ยิ่งกว่านั้น วันไหนอารมณ์ไม่ดีก็จิกพนักงานเข้าไป โดนถ้วนหน้า นี่ถ้าวีนไปได้ยันมดงานแถวนั้นได้ คงทำแล้ว ที่สำคัญพูดอะไร สั่งงานอะไรมาไม่เคยจำคำพูดตัวเองได้เลย พูดกลับไปกลับมา วันนี้บอกอย่าง พรุ่งนี้บอกอย่าง พอเอางานไปส่ง บอกอยากได้อีกอย่าง ที่ตลกสุดคือ มีคนที่ทำงานก่อนนี้ บอกอยู่มา จะ 4 ปี ยังบอก คุณยังไม่ผ่านงานนะคะ ... ตลกร้ายจริงจัง พีคกว่านั้นคือ คุยกับเราบอกลูกน้องคนนั้นไม่โอเค ชั้นไม่ชอบใคร เธอควรไม่ชอบตามฉัน นี่คือ มายบอส จ้า คุยกับเราแต่ว่าอีกคนให้เราฟัง คุยกับอีกคน ด่าเราซะงั้น ห้ามพนักงาน แต่ละแผนกสนิทกัน ให้ฟ้องกันเยอะๆ จ้องจับผิดพนักงาน แม้กระทั่งติดเครื่องดักฟังในห้องทำงาน คือ ถ้าติดเป็นกล้องวงจรปิด พอเข้าใจ แต่นี่เครื่องดักฟัง ช่วยอะไรได้บ้าง นอกจาก ฟังพนักงานเม้าท์กัน นี่แค่น้ำจิ้ม...ยังมีอีกมากมายกว่านี่ สุดท้าย เราก็ต้องตัดสัมพันธ์กับบอสคนนี้ ก่อนที่อะไรหลายๆ อย่างที่เป็นตัวเราจะหายไป
มีใครเจออะไรแบบนี้บ้างไหม หรืออะไรที่อึดอัดกับการทำงานบ้าง
ใครเคยมีประสบการณ์การทำงาน ที่อึดอัดที่สุดในชีวิตบ้าง
อีกที เป็นบริษัท ที่มองภายนอก อาจพอไปได้ บริษัท เล็กๆ แถมอยู่ ตจว คิดว่า น่าจะใช้ชีวิตได้ง่ายหน่อย เพราะไม่ต้องไปแข่งกับใคร สรุป หนีเสือ ปะ งูเห่า
คือร้ายกว่าจระเข้ ใช้ชีวิตท่ามกลางทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์ คือ เจอ เจ้าของขายฝันไปวันๆ จะเพิ่มเงินตรงนั้นให้ ตรงนี้ให้ แถมใช้ชีวิตสิงพนักงานยิ่งกว่า เรียลลิตี้ น้องหมูเด้ง ตีสอง ตีสาม ฉันคิดถึงเธ อก็ส่ง ไลน์มาตามงาน ไม่มีการถามสุขภาพความฝันกันสักนิด ว่าฉันพร้อมตื่นไหม ยิ่งกว่านั้น วันไหนอารมณ์ไม่ดีก็จิกพนักงานเข้าไป โดนถ้วนหน้า นี่ถ้าวีนไปได้ยันมดงานแถวนั้นได้ คงทำแล้ว ที่สำคัญพูดอะไร สั่งงานอะไรมาไม่เคยจำคำพูดตัวเองได้เลย พูดกลับไปกลับมา วันนี้บอกอย่าง พรุ่งนี้บอกอย่าง พอเอางานไปส่ง บอกอยากได้อีกอย่าง ที่ตลกสุดคือ มีคนที่ทำงานก่อนนี้ บอกอยู่มา จะ 4 ปี ยังบอก คุณยังไม่ผ่านงานนะคะ ... ตลกร้ายจริงจัง พีคกว่านั้นคือ คุยกับเราบอกลูกน้องคนนั้นไม่โอเค ชั้นไม่ชอบใคร เธอควรไม่ชอบตามฉัน นี่คือ มายบอส จ้า คุยกับเราแต่ว่าอีกคนให้เราฟัง คุยกับอีกคน ด่าเราซะงั้น ห้ามพนักงาน แต่ละแผนกสนิทกัน ให้ฟ้องกันเยอะๆ จ้องจับผิดพนักงาน แม้กระทั่งติดเครื่องดักฟังในห้องทำงาน คือ ถ้าติดเป็นกล้องวงจรปิด พอเข้าใจ แต่นี่เครื่องดักฟัง ช่วยอะไรได้บ้าง นอกจาก ฟังพนักงานเม้าท์กัน นี่แค่น้ำจิ้ม...ยังมีอีกมากมายกว่านี่ สุดท้าย เราก็ต้องตัดสัมพันธ์กับบอสคนนี้ ก่อนที่อะไรหลายๆ อย่างที่เป็นตัวเราจะหายไป
มีใครเจออะไรแบบนี้บ้างไหม หรืออะไรที่อึดอัดกับการทำงานบ้าง