เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมได้ทำงานเป็นหัวหน้าครัวในโรงแรมแห่งหนึ่งครับ อันนี้ผมขอบอกก่อนว่าจะบอกรายละเอียดเท่าที่จะออกสื่อได้ก่อนนะครับ โรงแรมผมที่ผมทำอยู่เป็นโรงแรมขนาดร้อยกว่าห้องน่ะครับ จะมีGMและHM เป็นผู้บริหารสูงสุด ช่วงผมมาทำใหม่ๆ GMและHM ก็จะเข้ามามีบทบาทสั่งการในแผนกผมพอสมควร ซึ่งอันนี้ผมก็เข้าใจนะ บางทีโรงแรมเล็กมันไม่เหมือนโรงแรมใหญ่ ที่เค้าทำงานแบบงานใครงานมัน ไม่ค่อยมาก้าวก่ายกันนัก แต่โรงแรมเล็กงานมันจะอิรุงตุงนังกันนิดนึง ผมก็เคยมีประสบการณ์ทำงานโรงแรมเล็กมาก่อน เลยพอทราบและทำใจได้ถ้าจะมีใครมาก้าวก่ายงานเรา
เรื่องราวปัญหาของผม มันเกิดจาก 2 เคสนี้ครับ
เคสที่1.
เรื่องมันเกิดเมื่อไม่นานมานี้ คือทางแผนกผมรับพนง.เข้ามาใหม่1ท่าน ตามตำแหน่งของพนง.ใหม่ท่านนี้ คือกุ๊กหน้าเตา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องมีประสบการณ์การทำอาหารในระดับที่ดี ซึ่งผมเองก็เทสอาหารของพนง.ท่านนี้ สองรายการ หลังจากได้ชิมฝีมือก็เห็นสมควรให้มาร่วมงานกัน แต่ปรากฏว่า ผ่านไปได้10กว่าวัน ที่พนง.ท่านนี้ได้ทำงาน .....ได้สร้างปัญหาให้กับแผนกผม เช่น ไม่สามารถปรุงอาหารพื้นฐานได้ ทำผัดไทก็ทำไม่เป็น ไม่รู้ว่าเครื่องผัดไทต้องใส่อะไรบ้าง (ทั้งๆที่มาสมัครทำอาหารไทย) /ใช้เวลาในการปรุงอาหารต่อ1จานนานมาก เป็นชั่วโมง/ไม่รับฟังคำแนะนำจากทีมงาน มีอาการดื้ออย่างเห็นได้ชัด/มีทัศนคติที่ไม่ดีกับทีมงาน มีการเหยียดหยามและดูถูกเพื่อนร่วมทีมว่าทำงานมั่ว ทำงานผิดหลักการ /วีนใส่เด็กเสริฟ์ ที่มาตามอาหาร
ช่วงแรกผมที่ได้ทราบปัญหาต่างๆ ผมได้เรียกพนง.ท่านนี้มาสอบถามพูดคุยปรับความเข้าใจกัน
ซึ่งผมก้ไม่ได้ตำหนิเรื่องการปรุงอาหารแต่อย่างใด ยอมรับอย่างนึงคือผมก็สะเพร่าเองด้วย ที่ตอนพนง.ท่านนี้มาเทสอาหาร ผมดันให้เขาทำเมนูตามที่เขาถนัด เลยไม่ได้เทสว่าจริงๆแล้วเขามีความรู้ในการปรุงอาหารในระดับไหน แต่จริงๆแล้วผมได้ส่งสูตรอาหาร หน้าตาเมนูทั้งหมดให้เขาไปดูศึกษาก่อนมาเริ่มงานด้วยซ้ำ ซึ่งพนง.ท่านนี้ก็ยืนยันกับผมว่าสามารถทำได้ เมื่อรับเข้ามาแล้ว ผมก็พยายามให้เขาปรับตัวเข้ากับทีมงานและงานของผม โดยผมก็ฝากฝังให้คนในทีมงานช่วยคอยให้คำแนะนำเขาด้วย เนื่องจากกำลังพลผมมีน้อย ผมเองก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะ เลยไม่ค่อยมีเวลาไปสอนงานได้ด้วยตัวเอง
เมื่อพูดคุยกันเสร็จ ถัดมาไม่กี่วัน ปัญหาเดิมๆก็เกิดขึ้นอีก ผมโดนGMเรียกประชุม ผมโดนตำหนิค่อนข้างเยอะมาก จนผมต้องเรียกพนง.ท่านนี้มาคุยอีกรอบ แค่หลังจากคุยกันรอบ2ได้แค่วันเดียว ลูกทีมผมรายงานมาว่า โดนลูกค้าตำหนิหนักมาก เหตุเพราะพนง.ท่านนี้ ปรุงอาหารนานเป็นชม.อีกทั้งอาหารโดนลูกค้าตีคืนมาแก้ไขสามรอบ(เมนูเดิมจานเดิมด้วย) ผมเลยโทรหาพนง.ท่านนี้เป็นการด่วน แจงปัญหาทั้งหมดให้ฟังอีกรอบ แต่พนง.ท่านนี้ ก็ยังยืนยันเสียงแข็งกับผมว่า ปัญหาที่เกิด เขาไม่ได้ผิดอะไร ที่ผิดคือเพื่อนร่วมงานไม่ได้ให้คำแนะนำ แถมยังโวยวายว่าเพื่อนร่วมงานมีแต่ฟ้อง ไม่ยอมช่วยงาน
ผมดูท่าแล้ว เขาค่อนข้างอีโก้สูงมาก อีกทั้งความสามารถของเขา ก็ไม่ตรงตามตำแหน่งที่เขาได้รับเลย เหมือนเขาทำได้แค่เมนูที่มาทำให้ผมโดนเทสเท่านั้นแหล่ะ ลูกทีมผมบางคนยังมีความสามารถมากกว่า ทั้งๆที่ได้รับตำแหน่งน้อยกว่า
เมื่อพูดคุยกันแล้ว เขาไม่ฟัง ผมตัดสินใจเตือนพนง.ท่านนี้ว่า หากยังเป็นแบบนี้อยู่ อาจจะไม่ผ่านโปรนะ ถ้าความสามารถมีแค่นี้ เขาก็โวยวายผมหนักขึ้นไปอีก ว่าโดนกลั่นแกล้ง สรุปเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องผมเลยจบการสนทนาโดยฝากให้เขาคิดว่า ทำงานแล้วปรับตัวเข้ากับทีมงานไม่ได้ อีกทั้งการทำงานก็มีแต่ปัญหาอย่างงี้ ถึงรอบประเมิน ผมก็ไม่ให้คุณผ่านการทดลองงานอยู่ดี ถ้าไม่คิดจะปรับตัวเอง ก็เลือกเอาละกันว่าจะให้ผมปลดออกตอนประเมินหรือจะลาออกเอง
สุดท้าย พอวันรุ่งขึ้นพนง.ท่านนี้ ก็ไม่มาทำงานอีกเลย โผล่มาเก็บของในอีกไม่กี่วันต่อมา พนง.ท่านนี้ไปแจ้งกับHRว่า โดนกลั่นแกล้ง โดนผมไล่ออก ก็น่าจะเอาประโยคสุดท้ายที่ผมพูดกับเขาไปตีความเองน่ะครับ ว่าผมคงไล่ออก
ผมโดนเรียกประชุม ทั้ง GMและHM,HR 3คน เอาผมมานั่งถกประเด็นนี้ ประเด็นที่ผมโดนเล่น หลักๆคือ ทำไมตัดสินใจเองโดยพละการ ทำไมไม่ให้โอกาสพนง.ท่านนี้แก้ตัว โดยการสอนงานให้มากกว่านี้ ผมได้ให้เหตุผลว่า ผมไม่ได้เจตนาไล่เขาออก แต่ผมคุยด้วยหลายรอบแล้ว เขาเองที่ไม่สนใจแก้ไข กลับไปโทษเพื่อนร่วมงานต่างๆนาๆ ผมเลยต้องเตือนไปแบบนั้น ซึ่งเขาไปตีความเอาเองว่าผมไล่เขาออกเลย
......เรื่องสอนงานนั้น ผมก็ส่งรายละเอียดงาน ชี้แจ้งระบบงาน หน้าตาอาหารสูตรอาหาร(ตามหลักไม่มีใครเค้าทำกันนะ) ไปให้เขาศึกษาขนาดนั้นแล้ว จะให้ผมมาสอนอะไรเพิ่มอีก อันนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะกุ๊กที่มาตำแหน่งขึ้นหน้าเตานั้น ต้องมีสกิลติดตัวมาพอสมควรแล้ว ถ้าให้สอนงานกันเล็กๆน้อยๆ ยังพอเข้าใจ เพราะที่ทำงานทุกที่มันต่างกัน อย่างงั้นมันบอกกันได้ แต่นี้ขนาดอาหารพื้นๆ มีขายทั่วไป อย่างผัดไท เขายังไม่รู้ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง(อันนี้ก็งง เกิดมาไม่เคยกินผัดไทเลยรึไง) ผัดออกไปให้ลูกค้า โดนตีกลับ แก้อยู่3รอบ คือถ้ารู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ ทำไมถึงกล้ามาสมัครงานตำแหน่งนี้ มันเหมือนเขาตั้งใจมาย้อมแมวหลอก ในเมื่อผมรับเข้ามาเป็นกุ๊กหน้าเตา แต่ผมต้องให้กุ๊กตำแหน่งรองลงมา มาสอนงานเขาแทบจะทุกอย่างแบบนี้ สู้ให้ผมดันลูกทีมขึ้นมารับตำแหน่งนี้เองไม่ดีกว่าเหรอ ลูกน้องผมก็จะได้มีกำลังดีกว่านี้ด้วย ที่ต้องมาสอนงานคนเงินเดือนมากกว่า ตำแหน่งสูงกว่าตัวเอง
อีกเรื่องที่ผมโดนตำหนิ คือทำไมตัดสินใจเองโดยพละการ ไม่มาปรึกษากับGMก่อน ผมได้ชี้แจงว่า มันเป็นปัญหาในแผนกของผม ผมอยู่หน้างาน รู้ถึงปัญหาดี เพราะเคยคุยกับเขาหลายรอบแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ครั้นจะปล่อยไว้มันก็จะยิ่งบานปลาย ทีมงานผมเองก็พลอยปวดกระบาลเพราะโดนพนง.คนนี้ตำหนิมั่วไปหมด ผมถึงต้องตักเตือนไปแบบนั้น
แน่นอนครับ GMและHM ไม่ฟังเหตุผลที่ผมอธิบาย คำถามที่ผมได้จาก GMและHM คือ
“คุณดีแค่ไหน ถึงไปตัดสินเขา”
“มีสิทธิอะไร ที่ตัดสินว่าคนไหนทำงานดีไม่ดี ทำไมถึงไม่มาปรึกษากันก่อน”
ซึ่งผมก็งงปนขำนะ เราอยู่หน้างาน ประสบการณ์การผมทำงานครัวมาเกือบ 20 ปี แถมเราก็เป็นหัวหน้าแผนก แต่..เอ่อ
ทำไมถึงตัดสินใจแก้ไขปัญหาในแผนกตัวเองไม่ได้
ผมก็ได้แต่นั่งถอนหายใจล่ะครับ คนโดน GMและHM ตำหนิขนาดนี้ จะให้นั่งยิ้มยังไงไหว ผมยืนยันว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว เพราะพนง.คนนี้ เกินเยียวยาจริงๆ อีกทั้งก็มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อทีมงานผมด้วย ทั้งๆที่มาทำงานได้แค่ไม่กี่วัน
.....และพอวันต่อมา ผมก็ได้รับใบเตือน ข้อหาแสดงกิริยาไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชา
เคสที่2.
ไม่ถึง10วันต่อมา
มีปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก พนง.ล้างจานหรือสจ๊วตผม ขาดไป1คน (อันนี้ต้องมีตาม budget) จริงๆก็ขาดมาสักพักแล้วเระ แต่ผมให้กุ๊กและตัวผมเองด้วย ช่วยๆกันล้าง ในวันที่สจ๊วตหยุด ผมเองขนาดเป็นเชฟ เป็นหัวหน้าครัว ผมต้องมาล้างครัว ล้างพื้น ล้างชามข้าวแคนทีนที่พนง.ทั้งโรงแรมกินด้วยตัวเองเลยนะ เพราะคนผมมีน้อย เราเองก็ไม่ได้ถือตัวขนาดนั้น จนทีมงานผมเริ่มไม่ไหวแล้ว เลยให้ผมไปติดต่อHRหาสจ๊วตที่มันขาดไป มาทีเหอะ มันจะไม่ไหวกันอยู่แล้ว
เมื่อผมสอบถามHR คำตอบที่ได้คือ ทางโรงแรมมีนโยบายที่จะไม่รับพนง.ในช่วงนี้ ก็เพราะเรื่องไวรัสที่ระบาดกันเนี้ยแหล่ะ ทำให้รายได้ไม่ดีนัก เลยจะsaveรายจ่าย ตัวผมก็พอเข้าใจนะถ้าเหตุผลมันมาแบบนี้ แต่ในเมื่อทีมงานผมเค้าไม่ไหวกัน แล้ว ผมเลยยกขบวนลูกน้อง ไปประชุมกับ GMและHM,HR ซะเลยจะได้เคลียร์ๆกันไป ว่าสาเหตุที่เค้าไม่รับคนมาให้ตอนนี้เพราะอะไร คือผมเองก็ไม่อยากให้ลูกน้องมาระแวงผมด้วย เด๋วจะหาว่าผมแทงกั๊กลูกน้องตัวเอง ก็เพื่อความสบายใจของผมด้วยละ
ช่วงพูดคุยถกประเด็นกัน ระหว่างแผนกผมกับทาง GMและHM,HR เราต่างก็เอาเหตุผลมาวางใส่กันครับ ว่าทำไมทางครัวต้องการสจ๊วต ไม่ว่าจะเป็นการดูแลความสะอาดในครัว ที่ต้องมีคนดูแลเฉพาะทาง,การเอากุ๊กมาล้างจาน ทำความสะอาดเอง มันก็จะไม่ดีเท่าสจ๊วตทำ เพราะกุ๊กต้องปรุงอาหารด้วย ทั้งปรุงอาหารแล้วมาล้างจาน อาจจะไม่สมควร ฯลฯ ก็ว่ากันไป จนได้ข้อสรุปว่า จะหาสจ๊วตมาให้
แต่มันไม่จบตรงที่ผมครับ หลังจากลูกน้องผมออกจากห้องประชุม ผมโดนใส่ยับเลย เรื่องยกทีมงานมาหา คำตอบของผมคือ ผมเองอยากให้ฝ่ายบริหารได้ฟังจากปากของพนง.ฝ่ายปฎิบัติการดูบ้าง ว่าปัญหาจริงๆ มันคืออะไร และเพื่อให้ลูกน้องผมสบายใจ ว่าผมเองสนใจในการแก้ปัญหาให้พวกเค้าอย่างจริงๆจังๆ
ทางGMและHM,HR ก็เหมือนอยากให้ผมคิดเหมือนเขาทั้งสามคนแหล่ะครับ ยกเหตุผลยกประเด็นโน้นนี่มา ผมก็งงในเมื่อคุณสรุปกันไปแล้ว จะหาเหตุผลมางัดกับผมอีกทำไม จนเถียงกันไปเถียงกันมา GMวีนแตกครับ(ลืมบอกไป นางเป็นผญ.) ทั้งสีหน้าท่าทาง เหวี่ยงใส่ผมเต็มที่ จนผมต้องเอ่ยปากบอกนาง ให้ใจเย็นๆครับ เรามาประชุมร่วมกัน ใช้เหตุผลกันดีกว่า อย่าใช้อารมณ์กันเลย อันนี้ถึงGMและHM เค้าจะอายุน้อยกว่าผมนะ แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะข่มหรอกนะ ที่พูดไปก็แค่อยากให้การประชุมมันอยู่ในกรอบของเหตุผล
สุดท้ายผมก็โดนGMและHM,HR สวดจนหนำใจ ผมเลยขอตัวออกมาจากห้องประชุม พอมาวันรุ่งขึ้น ผมก็โดนใบเตือนอีกใบ ข้อหาเดิมด้วยครับ ว่าผมแสดงอาการไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชา ที่นี้แถมพักงานไม่จ่ายค่าจ้างด้วย2วัน
จาก ทั้งสองเคสที่เล่ามา point มันคือ ผมคิดว่าผมไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการออกความคิดเห็นในสายงานที่ผมดูแลควบคุมอยู่ จากใบเตือนทั้งสองใบที่ผมได้รับ สาเหตุที่ผมเห็นคือ ผมไม่ยอมรับกับพฤติกรรมเหวี่ยงของจีเอ็ม เช่นนั่งถอนหายใจ,เบือนหน้าหนี (อันนี้ได้ฟังมาจากHM ตอนที่เค้าเอาใบเตือนมาให้เซ็นนะ) คือคนโดนตำหนิน่ะ จะให้ผมนั่งหน้ายิ้มแป้นแล้นรึไงครับ แถมGMผม เวลาเหวี่ยงเนี้ย ไม่ฟังอะไรเลย อยากให้นึกถึงเด็กตัวเล็กๆอ่ะ เวลามันงอแงดิ้นจะเอาของเล่น อาการเดียวกันเลย
สมัยนี้มันยุคศตวรรษ ที่21 แล้วนะครับ คุยกันประชุมกัน จะให้แต่ลูกน้องนั่งก้มหน้ารับฟังคำตวาดอย่างเดียวรึไง ผมเองก็หลักสี่แล้ว ยอมให้คนวัยสามสิบต้นๆมาวีนใส่โดยผมไม่โวยวาย ก็ถือว่าผมอดทนได้พอสมควรแล้วนะ
จากเรื่องที่ผมโดนมา ผมจะขอคำปรึกษาหน่อยครับ ถ้าผมเอาเรื่องนี้ ไปร้องเรียนกับฝ่ายบุคคลที่สำนักงานใหญ่ คือโรงแรมที่ผมทำ เค้ามีสำนักงานใหญ่ของเจ้าของโรงแรมดูแลอีกที มันจะพอได้มั้ยครับ แต่จริงๆ ผมอยากไปร้องเรียนกับกรมแรงงานเลยนะ มันเหมือนพอเหตุผลเค้าสู้เราไม่ได้ ก็หาเรื่องมาข่ม กดหัวให้ผมยอม โดยการออกใบเตือนกับพักงาน
มีปัญหากับGMที่ทำงานครับ จะร้องเรียนได้มั้ย
เรื่องราวปัญหาของผม มันเกิดจาก 2 เคสนี้ครับ
เคสที่1.
เรื่องมันเกิดเมื่อไม่นานมานี้ คือทางแผนกผมรับพนง.เข้ามาใหม่1ท่าน ตามตำแหน่งของพนง.ใหม่ท่านนี้ คือกุ๊กหน้าเตา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องมีประสบการณ์การทำอาหารในระดับที่ดี ซึ่งผมเองก็เทสอาหารของพนง.ท่านนี้ สองรายการ หลังจากได้ชิมฝีมือก็เห็นสมควรให้มาร่วมงานกัน แต่ปรากฏว่า ผ่านไปได้10กว่าวัน ที่พนง.ท่านนี้ได้ทำงาน .....ได้สร้างปัญหาให้กับแผนกผม เช่น ไม่สามารถปรุงอาหารพื้นฐานได้ ทำผัดไทก็ทำไม่เป็น ไม่รู้ว่าเครื่องผัดไทต้องใส่อะไรบ้าง (ทั้งๆที่มาสมัครทำอาหารไทย) /ใช้เวลาในการปรุงอาหารต่อ1จานนานมาก เป็นชั่วโมง/ไม่รับฟังคำแนะนำจากทีมงาน มีอาการดื้ออย่างเห็นได้ชัด/มีทัศนคติที่ไม่ดีกับทีมงาน มีการเหยียดหยามและดูถูกเพื่อนร่วมทีมว่าทำงานมั่ว ทำงานผิดหลักการ /วีนใส่เด็กเสริฟ์ ที่มาตามอาหาร
ช่วงแรกผมที่ได้ทราบปัญหาต่างๆ ผมได้เรียกพนง.ท่านนี้มาสอบถามพูดคุยปรับความเข้าใจกัน
ซึ่งผมก้ไม่ได้ตำหนิเรื่องการปรุงอาหารแต่อย่างใด ยอมรับอย่างนึงคือผมก็สะเพร่าเองด้วย ที่ตอนพนง.ท่านนี้มาเทสอาหาร ผมดันให้เขาทำเมนูตามที่เขาถนัด เลยไม่ได้เทสว่าจริงๆแล้วเขามีความรู้ในการปรุงอาหารในระดับไหน แต่จริงๆแล้วผมได้ส่งสูตรอาหาร หน้าตาเมนูทั้งหมดให้เขาไปดูศึกษาก่อนมาเริ่มงานด้วยซ้ำ ซึ่งพนง.ท่านนี้ก็ยืนยันกับผมว่าสามารถทำได้ เมื่อรับเข้ามาแล้ว ผมก็พยายามให้เขาปรับตัวเข้ากับทีมงานและงานของผม โดยผมก็ฝากฝังให้คนในทีมงานช่วยคอยให้คำแนะนำเขาด้วย เนื่องจากกำลังพลผมมีน้อย ผมเองก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะ เลยไม่ค่อยมีเวลาไปสอนงานได้ด้วยตัวเอง
เมื่อพูดคุยกันเสร็จ ถัดมาไม่กี่วัน ปัญหาเดิมๆก็เกิดขึ้นอีก ผมโดนGMเรียกประชุม ผมโดนตำหนิค่อนข้างเยอะมาก จนผมต้องเรียกพนง.ท่านนี้มาคุยอีกรอบ แค่หลังจากคุยกันรอบ2ได้แค่วันเดียว ลูกทีมผมรายงานมาว่า โดนลูกค้าตำหนิหนักมาก เหตุเพราะพนง.ท่านนี้ ปรุงอาหารนานเป็นชม.อีกทั้งอาหารโดนลูกค้าตีคืนมาแก้ไขสามรอบ(เมนูเดิมจานเดิมด้วย) ผมเลยโทรหาพนง.ท่านนี้เป็นการด่วน แจงปัญหาทั้งหมดให้ฟังอีกรอบ แต่พนง.ท่านนี้ ก็ยังยืนยันเสียงแข็งกับผมว่า ปัญหาที่เกิด เขาไม่ได้ผิดอะไร ที่ผิดคือเพื่อนร่วมงานไม่ได้ให้คำแนะนำ แถมยังโวยวายว่าเพื่อนร่วมงานมีแต่ฟ้อง ไม่ยอมช่วยงาน
ผมดูท่าแล้ว เขาค่อนข้างอีโก้สูงมาก อีกทั้งความสามารถของเขา ก็ไม่ตรงตามตำแหน่งที่เขาได้รับเลย เหมือนเขาทำได้แค่เมนูที่มาทำให้ผมโดนเทสเท่านั้นแหล่ะ ลูกทีมผมบางคนยังมีความสามารถมากกว่า ทั้งๆที่ได้รับตำแหน่งน้อยกว่า
เมื่อพูดคุยกันแล้ว เขาไม่ฟัง ผมตัดสินใจเตือนพนง.ท่านนี้ว่า หากยังเป็นแบบนี้อยู่ อาจจะไม่ผ่านโปรนะ ถ้าความสามารถมีแค่นี้ เขาก็โวยวายผมหนักขึ้นไปอีก ว่าโดนกลั่นแกล้ง สรุปเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องผมเลยจบการสนทนาโดยฝากให้เขาคิดว่า ทำงานแล้วปรับตัวเข้ากับทีมงานไม่ได้ อีกทั้งการทำงานก็มีแต่ปัญหาอย่างงี้ ถึงรอบประเมิน ผมก็ไม่ให้คุณผ่านการทดลองงานอยู่ดี ถ้าไม่คิดจะปรับตัวเอง ก็เลือกเอาละกันว่าจะให้ผมปลดออกตอนประเมินหรือจะลาออกเอง
สุดท้าย พอวันรุ่งขึ้นพนง.ท่านนี้ ก็ไม่มาทำงานอีกเลย โผล่มาเก็บของในอีกไม่กี่วันต่อมา พนง.ท่านนี้ไปแจ้งกับHRว่า โดนกลั่นแกล้ง โดนผมไล่ออก ก็น่าจะเอาประโยคสุดท้ายที่ผมพูดกับเขาไปตีความเองน่ะครับ ว่าผมคงไล่ออก
ผมโดนเรียกประชุม ทั้ง GMและHM,HR 3คน เอาผมมานั่งถกประเด็นนี้ ประเด็นที่ผมโดนเล่น หลักๆคือ ทำไมตัดสินใจเองโดยพละการ ทำไมไม่ให้โอกาสพนง.ท่านนี้แก้ตัว โดยการสอนงานให้มากกว่านี้ ผมได้ให้เหตุผลว่า ผมไม่ได้เจตนาไล่เขาออก แต่ผมคุยด้วยหลายรอบแล้ว เขาเองที่ไม่สนใจแก้ไข กลับไปโทษเพื่อนร่วมงานต่างๆนาๆ ผมเลยต้องเตือนไปแบบนั้น ซึ่งเขาไปตีความเอาเองว่าผมไล่เขาออกเลย
......เรื่องสอนงานนั้น ผมก็ส่งรายละเอียดงาน ชี้แจ้งระบบงาน หน้าตาอาหารสูตรอาหาร(ตามหลักไม่มีใครเค้าทำกันนะ) ไปให้เขาศึกษาขนาดนั้นแล้ว จะให้ผมมาสอนอะไรเพิ่มอีก อันนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะกุ๊กที่มาตำแหน่งขึ้นหน้าเตานั้น ต้องมีสกิลติดตัวมาพอสมควรแล้ว ถ้าให้สอนงานกันเล็กๆน้อยๆ ยังพอเข้าใจ เพราะที่ทำงานทุกที่มันต่างกัน อย่างงั้นมันบอกกันได้ แต่นี้ขนาดอาหารพื้นๆ มีขายทั่วไป อย่างผัดไท เขายังไม่รู้ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง(อันนี้ก็งง เกิดมาไม่เคยกินผัดไทเลยรึไง) ผัดออกไปให้ลูกค้า โดนตีกลับ แก้อยู่3รอบ คือถ้ารู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ ทำไมถึงกล้ามาสมัครงานตำแหน่งนี้ มันเหมือนเขาตั้งใจมาย้อมแมวหลอก ในเมื่อผมรับเข้ามาเป็นกุ๊กหน้าเตา แต่ผมต้องให้กุ๊กตำแหน่งรองลงมา มาสอนงานเขาแทบจะทุกอย่างแบบนี้ สู้ให้ผมดันลูกทีมขึ้นมารับตำแหน่งนี้เองไม่ดีกว่าเหรอ ลูกน้องผมก็จะได้มีกำลังดีกว่านี้ด้วย ที่ต้องมาสอนงานคนเงินเดือนมากกว่า ตำแหน่งสูงกว่าตัวเอง
อีกเรื่องที่ผมโดนตำหนิ คือทำไมตัดสินใจเองโดยพละการ ไม่มาปรึกษากับGMก่อน ผมได้ชี้แจงว่า มันเป็นปัญหาในแผนกของผม ผมอยู่หน้างาน รู้ถึงปัญหาดี เพราะเคยคุยกับเขาหลายรอบแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ครั้นจะปล่อยไว้มันก็จะยิ่งบานปลาย ทีมงานผมเองก็พลอยปวดกระบาลเพราะโดนพนง.คนนี้ตำหนิมั่วไปหมด ผมถึงต้องตักเตือนไปแบบนั้น
แน่นอนครับ GMและHM ไม่ฟังเหตุผลที่ผมอธิบาย คำถามที่ผมได้จาก GMและHM คือ
“คุณดีแค่ไหน ถึงไปตัดสินเขา”
“มีสิทธิอะไร ที่ตัดสินว่าคนไหนทำงานดีไม่ดี ทำไมถึงไม่มาปรึกษากันก่อน”
ซึ่งผมก็งงปนขำนะ เราอยู่หน้างาน ประสบการณ์การผมทำงานครัวมาเกือบ 20 ปี แถมเราก็เป็นหัวหน้าแผนก แต่..เอ่อ
ทำไมถึงตัดสินใจแก้ไขปัญหาในแผนกตัวเองไม่ได้
ผมก็ได้แต่นั่งถอนหายใจล่ะครับ คนโดน GMและHM ตำหนิขนาดนี้ จะให้นั่งยิ้มยังไงไหว ผมยืนยันว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว เพราะพนง.คนนี้ เกินเยียวยาจริงๆ อีกทั้งก็มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อทีมงานผมด้วย ทั้งๆที่มาทำงานได้แค่ไม่กี่วัน
.....และพอวันต่อมา ผมก็ได้รับใบเตือน ข้อหาแสดงกิริยาไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชา
เคสที่2.
ไม่ถึง10วันต่อมา
มีปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก พนง.ล้างจานหรือสจ๊วตผม ขาดไป1คน (อันนี้ต้องมีตาม budget) จริงๆก็ขาดมาสักพักแล้วเระ แต่ผมให้กุ๊กและตัวผมเองด้วย ช่วยๆกันล้าง ในวันที่สจ๊วตหยุด ผมเองขนาดเป็นเชฟ เป็นหัวหน้าครัว ผมต้องมาล้างครัว ล้างพื้น ล้างชามข้าวแคนทีนที่พนง.ทั้งโรงแรมกินด้วยตัวเองเลยนะ เพราะคนผมมีน้อย เราเองก็ไม่ได้ถือตัวขนาดนั้น จนทีมงานผมเริ่มไม่ไหวแล้ว เลยให้ผมไปติดต่อHRหาสจ๊วตที่มันขาดไป มาทีเหอะ มันจะไม่ไหวกันอยู่แล้ว
เมื่อผมสอบถามHR คำตอบที่ได้คือ ทางโรงแรมมีนโยบายที่จะไม่รับพนง.ในช่วงนี้ ก็เพราะเรื่องไวรัสที่ระบาดกันเนี้ยแหล่ะ ทำให้รายได้ไม่ดีนัก เลยจะsaveรายจ่าย ตัวผมก็พอเข้าใจนะถ้าเหตุผลมันมาแบบนี้ แต่ในเมื่อทีมงานผมเค้าไม่ไหวกัน แล้ว ผมเลยยกขบวนลูกน้อง ไปประชุมกับ GMและHM,HR ซะเลยจะได้เคลียร์ๆกันไป ว่าสาเหตุที่เค้าไม่รับคนมาให้ตอนนี้เพราะอะไร คือผมเองก็ไม่อยากให้ลูกน้องมาระแวงผมด้วย เด๋วจะหาว่าผมแทงกั๊กลูกน้องตัวเอง ก็เพื่อความสบายใจของผมด้วยละ
ช่วงพูดคุยถกประเด็นกัน ระหว่างแผนกผมกับทาง GMและHM,HR เราต่างก็เอาเหตุผลมาวางใส่กันครับ ว่าทำไมทางครัวต้องการสจ๊วต ไม่ว่าจะเป็นการดูแลความสะอาดในครัว ที่ต้องมีคนดูแลเฉพาะทาง,การเอากุ๊กมาล้างจาน ทำความสะอาดเอง มันก็จะไม่ดีเท่าสจ๊วตทำ เพราะกุ๊กต้องปรุงอาหารด้วย ทั้งปรุงอาหารแล้วมาล้างจาน อาจจะไม่สมควร ฯลฯ ก็ว่ากันไป จนได้ข้อสรุปว่า จะหาสจ๊วตมาให้
แต่มันไม่จบตรงที่ผมครับ หลังจากลูกน้องผมออกจากห้องประชุม ผมโดนใส่ยับเลย เรื่องยกทีมงานมาหา คำตอบของผมคือ ผมเองอยากให้ฝ่ายบริหารได้ฟังจากปากของพนง.ฝ่ายปฎิบัติการดูบ้าง ว่าปัญหาจริงๆ มันคืออะไร และเพื่อให้ลูกน้องผมสบายใจ ว่าผมเองสนใจในการแก้ปัญหาให้พวกเค้าอย่างจริงๆจังๆ
ทางGMและHM,HR ก็เหมือนอยากให้ผมคิดเหมือนเขาทั้งสามคนแหล่ะครับ ยกเหตุผลยกประเด็นโน้นนี่มา ผมก็งงในเมื่อคุณสรุปกันไปแล้ว จะหาเหตุผลมางัดกับผมอีกทำไม จนเถียงกันไปเถียงกันมา GMวีนแตกครับ(ลืมบอกไป นางเป็นผญ.) ทั้งสีหน้าท่าทาง เหวี่ยงใส่ผมเต็มที่ จนผมต้องเอ่ยปากบอกนาง ให้ใจเย็นๆครับ เรามาประชุมร่วมกัน ใช้เหตุผลกันดีกว่า อย่าใช้อารมณ์กันเลย อันนี้ถึงGMและHM เค้าจะอายุน้อยกว่าผมนะ แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะข่มหรอกนะ ที่พูดไปก็แค่อยากให้การประชุมมันอยู่ในกรอบของเหตุผล
สุดท้ายผมก็โดนGMและHM,HR สวดจนหนำใจ ผมเลยขอตัวออกมาจากห้องประชุม พอมาวันรุ่งขึ้น ผมก็โดนใบเตือนอีกใบ ข้อหาเดิมด้วยครับ ว่าผมแสดงอาการไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชา ที่นี้แถมพักงานไม่จ่ายค่าจ้างด้วย2วัน
จาก ทั้งสองเคสที่เล่ามา point มันคือ ผมคิดว่าผมไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการออกความคิดเห็นในสายงานที่ผมดูแลควบคุมอยู่ จากใบเตือนทั้งสองใบที่ผมได้รับ สาเหตุที่ผมเห็นคือ ผมไม่ยอมรับกับพฤติกรรมเหวี่ยงของจีเอ็ม เช่นนั่งถอนหายใจ,เบือนหน้าหนี (อันนี้ได้ฟังมาจากHM ตอนที่เค้าเอาใบเตือนมาให้เซ็นนะ) คือคนโดนตำหนิน่ะ จะให้ผมนั่งหน้ายิ้มแป้นแล้นรึไงครับ แถมGMผม เวลาเหวี่ยงเนี้ย ไม่ฟังอะไรเลย อยากให้นึกถึงเด็กตัวเล็กๆอ่ะ เวลามันงอแงดิ้นจะเอาของเล่น อาการเดียวกันเลย
สมัยนี้มันยุคศตวรรษ ที่21 แล้วนะครับ คุยกันประชุมกัน จะให้แต่ลูกน้องนั่งก้มหน้ารับฟังคำตวาดอย่างเดียวรึไง ผมเองก็หลักสี่แล้ว ยอมให้คนวัยสามสิบต้นๆมาวีนใส่โดยผมไม่โวยวาย ก็ถือว่าผมอดทนได้พอสมควรแล้วนะ
จากเรื่องที่ผมโดนมา ผมจะขอคำปรึกษาหน่อยครับ ถ้าผมเอาเรื่องนี้ ไปร้องเรียนกับฝ่ายบุคคลที่สำนักงานใหญ่ คือโรงแรมที่ผมทำ เค้ามีสำนักงานใหญ่ของเจ้าของโรงแรมดูแลอีกที มันจะพอได้มั้ยครับ แต่จริงๆ ผมอยากไปร้องเรียนกับกรมแรงงานเลยนะ มันเหมือนพอเหตุผลเค้าสู้เราไม่ได้ ก็หาเรื่องมาข่ม กดหัวให้ผมยอม โดยการออกใบเตือนกับพักงาน