เราเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ในกรุงเทพมาได้ประมาณสองปีนะคะ 
ที่ผ่านมาที่ร้านก็มีลูกค้าที่นั่งนานๆ อยู่บ้าง (ที่ร้านมีฟรีไวไฟ) แต่ลูกค้าที่นั่งนานมากจริงๆ จะสั่งอาหารสองมื้อค่ะ
เพราะเค้านั่งลากยาวตั้งแต่ช่วงเที่ยงจนถึงหัวค่ำ หรือเคยเจอลูกค้าที่นั่งตั้งแต่เที่ยงถึงหัวค่ำเหมือนกันสั่งเครื่องดื่มแก้วเดียว
แต่ลูกค้าเป็นขาจร เลยทำให้เราไม่ได้เจอกับลูกค้าแบบนี้บ่อยนัก

แต่ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าต่างชาติ 1 ราย มาทานที่ร้าน ส่วนใหญ่จะมากับเพื่อนต่างชาติอีก 1 คน ซึ่งบางทีเพื่อนที่มาด้วยก็จะไม่ซ้ำหน้า
ลูกค้าจะมาที่ร้านทุกวันอังคารค่ะ ซึ่งวันอังคารแรกมาช่วงประมาณบ่ายสามโมง สั่งอาหารคนละจาน เครื่องดื่มคนละแก้ว แล้วก็นั่งจนร้านปิด
(ร้านเราปิดสามทุ่มครึ่ง) หลังจากเราปิดร้านเสร็จลูกค้าก็ยังนั่งเล่นโทรศัพท์ต่อที่หน้าร้านเรา นั่งตรงปุตบาทหน้าร้านค่ะ ประมาณครึ่งชม. ถึงได้ไป
อังคารถัดมาลูกค้าก็มาเหมือนเคย สั่งอาหารแล้วก็นั่งจนร้านปิด พอร้านปิดก็ไปนั่งหน้าร้านเหมือนเดิมเป็นอย่างนี้ทุกสัปดาห์

แต่จุดที่ทำให้เราตัดสินใจมาตั้งกระทู้ เนื่องจากพฤติกรรมการมาของลูกค้าเองก็เปลี่ยนไป ปกติมาประมาณบ่ายสาม อาทิตย์ต่อๆ มาเริ่มมาเร็วขึ้นเรื่อยๆ 
เป็นมาบ่ายสองครึ่ง บ่ายโมง จนถึงช่วงเที่ยงกว่า ๆ ส่วนทางด้านอาหารก็สั่งลดลง บางครั้งมาสองคนแต่สั่งอาหารแค่คนเดียว แล้วก็นั่งยาวเหมือนเดิม
ซึ่งลูกค้าพอทานอะไรเสร็จก็มักจะนั่งใช้โทรศัพท์มือถือ โดยมักจะยกขาสองข้างขึ้นมาพาดเก้าอี้ แล้วส่วนใหญ่ลูกค้าจะเอาหลังพิงกำแพง 
แล้วก็ขาพาดเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆ ซึ่งขาก็จะชั้ไปตรงกลางทางเดินร้าน นึกออกไหมคะเหมือนเวลาใครเดินเข้าออกร้านก็จะมีเท้าชี้มาทางคนเดินผ่าน

เรารู้สึกว่าการนั่งแบบนั้นบางทีมันไม่เหมาะสมค่ะ แล้วก็ทำให้เราเสียโต๊ะลูกค้าไป 1 โต๊ะ
เราเป็นเจ้าของร้านที่ใจแคบไปไหมคะ ? ถ้าเป็นเพื่อนๆจะปล่อยให้ลูกค้ามาแล้วเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ ไหมคะ 
หรือว่าเพื่อนๆ จะแจ้งให้ลูกค้าสั่งอาหารเครืองดื่มเพิ่มหากเค้านั่งนานแล้ว ? 


เราเพิ่งเคยตั้งกระทู้ในนี้นะคะ ถ้า tag ห้องผิดก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ