เดือดดาล!!! สตาร์บัคคุณค่าที่ดิฉันไม่คู่ควร

ขออนุญาติระบายความอัดอั้นคับแค้นในใจเป็นประโยคร้อยแก้วต่อไปนี้ค่ะ

เริ่มเรื่องมีอยู่ว่าดิฉันได้เข้าไปร้านกาแฟสตาบัคสาขา The crystal PTT ชัยพฤกษ์ วันที่อาทิตย์ 7/12/2557 ตั้งแต่เวลาเที่ยงโดยประมาณ และออกมาในเวลา 17.09 ด้วยคำพูดของพนักงานสตาร์บัคผู้ชายลักษณะสูง ผิวสองสี มีเนื้อ ที่ว่า “ถ้านั่งต่อรบกวนออเดอร์เพิ่มด้วยครับ เพราะว่าวันนี้วันอาทิตย์คนค่อยข้างเยอะ”  ดิฉันดีใจน้ำตาแทบไหล เมื่อหันไปมองรอบ ๆ ปรากฎว่ามีที่เหลืออยู่อีกครึ่งครึ่ง

ขอท้าวความกลับไปว่า เหตุที่ดิฉันเลือกสตาร์บัคสาขานี้ถึงแม้จะไกลจากอีกสาขาหนึ่งที่อยู่ใกล้(สาขาเซ็นทรัลแจ้ง) เพราะว่าสาขานี้กว้างกว่ามีที่นั่งเยอะกว่า (ใหญ่เป็นสองเท่า)  และมีที่นั่งที่เป็นโต๊ะใหญ่นั่งได้ประมาณแปดคน (โต๊ะเก้าอี้สูง) ดิฉันเข้าใจว่าที่นั่งลักษณะนี้เอื้อต่อการนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ ที่คนที่มาดื่มกาแฟแล้วมาทำงานควรมานั่งรวมกันตรงจุดนี้ เพื่อที่คนที่เข้ามาเพื่อดื่มและคุยกันจะได้มีที่นั่ง ซึ่งวันนี้ดิฉันก็นั่งตรงนี้ แต่ ณ วันนี้ดิฉันคงเข้าใจผิด

เข้าเรื่องค่ะ ที่ดิฉันรู้สึกเดือดดาล ต่ำต้อยในตัวเองเป็นเพราะ
1.ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันยังดื่มกาแฟและรับประทานขนมไม่พอ (ใน 5 ชม. ที่ดิฉันนั่งอยู่ดิฉันและน้องรับประทาน ชาเขียวปั่นไม่ใส่วิปครีม ไม่ใส่คาราเมล นม Non fat  ไซต์กลาง ราคา 170 บาท น้องสาว น้ำส้มออเรนจิน่า 65 บาท ท๊อปฟี้นัทแก้วใหญ่ใส่วิปครีม ราคา 190 บาท เค้กแคนเบอร์รี่บริสบาร์ ราคาประมาณ 100 บาท  พายไก่และเห็ดไวท์ซอสครีม ราคา 75 บาท (เป็นรายการเดียวที่ไม่ได้ใช้บัตรซื้อ) ที่จะทำให้ดิฉันนั่งในร้านซึ่งมีที่ว่างเหลืออยู่อีกเยอะ และมีเด็กมานั่งอ่านหนังสือเช่นเดียวกันไม่ใช่ดิฉันคนเดียว ซึ่งนั่งเป็นโต๊ะเดี่ยวมากกว่าแปดโต๊ะแน่นอน ซึ่งแน่นอนดิฉันนั่งโต๊ะรวม (แต่ดิฉันอาจวางของเยอะ ดิฉันกับน้องนั่งแนวเดียวกัน และวางของซึ่งอาจเลยไปที่นั่งฝั่งตรงข้าม อันนี้ดิฉันก็ต้องกราบขอโทษทางสตาร์บัคด้วยใจจริง)

ดิฉันไม่ได้เก็บใบเสร็จเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัว แต่ดิฉันได้ใช้บัตรซื้อทุกรายการยกเว้นพายไก่ ซึ่งดิฉันซื้อเรื่อย ๆ ไม่ได้ซื้อทีเดียวด้วยความที่คิดว่าโอเคเรานั่งนาน เราต้องบริโภคของเค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ดิฉันก็ระลึกขึ้นมาได้ในวันนี้นี่เองว่ายังคงไม่พอ


2. ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันและน้องเป็นโต๊ะเดียวที่คุณพนักงานผู้ชายลักษณะสูง ผิวสองสี มีเนื้อ เดินเข้ามาบอกในลักษณะนี้ (ถ้าได้เดินบอกทุกโต๊ะก็ต้องขออภัยด้วยคะ)

3.ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เพราะดิฉันได้วิเคราะห์และระมัดระวังในการเข้าใจบริการเป็นอย่างดี วันนี้ในตอนแรกที่ดิฉันเดินเข้าไปสั่งแก้วแรกพนักงานผู้หญิงน่ารักได้ถามดิฉันว่าน้องผู้หญิงอีกคนไม่ได้มาด้วยหร๋อค่ะ (ดิฉันมาด้วยกันเป็นประจำ) ดิฉันจึงรู้สึกอบอุ่น พนักงานจำได้ เลยอนุมานเอาเองว่าความระมัดระวังในการใช้บริการของดิฉันถูกทางแล้ว ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่สตาร์บัคสาขานี้  แต่ดิฉันก็พบความจริงในวันนี้ว่าดิฉันไม่เหมาะสมและคู่ควร เผลอ ๆ ยังได้สร้างความเดือดร้อนให้อีก คงต้องขออภัย
ปล. รูปบรรยากาศร้านดิฉันไม่ได้ถ่ายมา แต่ถ้าทางสตาร์บัคมีความสงสัยก็เปิดกล้องวงจรปิดได้ค่ะ ดิฉันเข้าใช้บริการเวลา 12.00-15.09 น วันอาทิตย์ที่ 7/12/2557 สาขา The Crystal PTT ชัยพฤกษณ์ นั่งส่วนเก้าอี้สูงโต๊ะรวม
และดิฉันเดินออกจากร้านด้วยอารมณ์เสีย ซึ่งทำให้ดิฉันไม่ได้ถามพนักงานคนนั้นโดยตรงว่าดิฉันควรรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ชั่วโมงละแก้ว หรือหนึ่งแก้วอยู่ได้กี่นาที ถ้าอย่างไรใครผ่านไปใช้บริการก็ฝากถามด้วยนะคะ ดิฉันคงไม่เฉียดเข้าไปเป็นหลายสิบปี และตั้งใจไว้ว่าจะเลิกดื่มคาแฟอีน เพราะสตาร์บัคได้จุดประกายความคิดในส่วนนี้ให้ดิฉัน

ขอบพระคุณค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ร้านกาแฟ  world class  ระดับนี้  เลยจุดที่เรียกว่า กำไร - ขาดทุน แล้วมั๊งคะ

ถ้าเอาเรื่องเงินมาพูด  คงเป็นเรื่องขี้เล็บของเขาแล้วล่ะ  ไม่น่าใช่เรื่องเงิน
สำหรับเราที่เป็นลูกค้า  เรื่องมูลค่าสินค้าและบริการ  กับเงินที่จ่ายไป  คงเป็นเรื่องใหญ่อันดับต้นๆ

แต่สำหรับพวกเขา  ณ จุดนี้  เรื่องเงินเรื่องเล็ก หรือแทบจะเรียกว่า  no matter  กันเลยทีเดียว

และการที่เขาสำเร็จ โด่งดังมาถึงจุดๆ นี้ได้  นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินเท่าไรเลย
ดูจากราคาสินค้าของเขาสิ เขาไม่ได้จะจับกลุ่มลูกค้าที่เป็น  price oriented เลยแม้แต่นิดเดียว
แทบไม่ชายตาแลเลย  จับแต่กลุ่ม  high end ล้วนๆ แล้วเขาก็สำเร็จจากกลุ่มนี้จริงๆ
เพราะเขารู้ว่า  เขาควรจะเน้นตรงไหนให้เป็นจุดขาย  แล้วเงินหรือกำไรจะมาเอง  ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่หลายคนมองข้าม

ดูจากข้อมูลที่คุณให้มาซึ่งค่อนข้างละเอียด  รู้ได้ทันทีเลยว่า  คุณไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของเขา

คำว่า  high end  ไม่จำเป็นต้องรวยอย่างเดียว  สักแต่ว่ามีเงิน  ต่อให้ซื้อสินค้าที่แพงที่สุด
แต่ถ้าไม่มี  style  ระดับนี้เขาก็ไม่แยแสหรอกมั๊ง

เท่าที่ดูๆ แล้ว  ต่อให้คุณใช้บริการเขาทุกวัน  วันละเป็นพัน  สำหรับพวกเขา  คุณก็ไม่ใช่ลูกค้าชั้นดีอยู่ดี
เพราะฉะนั้น  อย่าเสียใจไป  อย่าเดือดดาลเลยค่ะ

ถ้าอยากเป็นลูกค้าชั้นดีของแบรนด์  world class  ระดับนี้  เราว่าต้อง  step by step  ตามนี้เลยนะ

เออ ...  พอดีว่าจะ  present งานให้ลูกค้าอ่ะ  เดี๋ยวเอา laptop พร้อมโปรเน็ต  ไปเปิดให้ลูกค้าดูที่นั่นเลยละกัน
แล้วก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย เพราะจะต้องไปเจอลูกค้า พอเจอลูกค้าเสร็จ สั่งน้ำคนละแก้วตามประสา
นั่งคุยงานกัน  ดูในคอมหรือ tablet  กันไป  เป็น  business style คุยกันไม่น่าเกิน  2  ชม.
ก็น่าจะแยกย้ายกันไปที่อื่นดีกว่า  นั่งนานมันเบื่อ ....  อะไรประมาณนี้นะ

น่าจะเข้ากับบรรยากาศมากกว่า

นึกสภาพคุณออก  คงจะพะรุงพะรัง  ขนหนังสือพร้อมอุปกรณ์เครื่องเขียน  แล้ววางเต็มโต๊ะใหญ่ๆ จนล้นไปอีกฝั่ง
สั่งเครื่องดื่มพร้อมอาหาร พอให้ดูเยอะหน่อย  จะได้ไม่น่าเกลียด

แต่สำหรับพวกเขา  มันน่าเกลียด  ตั้งแต่ตั้งหน้าตั้งตาจะไปอ่านหนังสือสอบกันทั้งวี่ทั้งวันแล้วล่ะ
ที่จริงมันไม่คุ้มกับทั้งคุณ และทางร้านแต่แรกแล้ว  ราคาที่คุณจ่ายไป  ถ้าเปิดแอร์อยู่บ้านทั้งวันทั้งคืน
สั่งพิซซ่ามากิน  ยังคุ้มกว่าเลย  ทางร้านก็เช่นกัน  เวลา  5  ชม. กับลูกค้าที่หมุนเวียน  คุ้มกว่ากันมาก

หวังว่าคุณจะนึกภาพออก  ว่ามันไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของ ภาพลักษณ์ และบรรยากาศของร้านด้วย
อย่าลืมว่า  ที่คุณไปนั่งที่นั่น ไม่ใช่แค่เพราะแอร์เย็นๆ อย่างเดียวหรอก  ใช่มั๊ย

แต่คุณเสพภาพลักษณ์ที่เขาสร้างมาไว้อย่างดี เข้าไปเต็มปอดมานานแล้ว
และตอนนี้คุณโดนเขาปฏิเสธ  เพราะคุณกำลังจะทำให้ภาพลักษณ์เหล่านั้นมันเพี้ยนไป

แล้วเขาไม่ยินยอมให้คุณทำลายบรรยากาศที่สั่งสมมาอย่างดี  แค่นั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่