เริ่มงาน4วันโดนไล่ออกจากงาน ไม่ได้เงิน เพราะ ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ จะแก้ไขนิสัยนี้ยังไงดีคะ

เราได้งาน เซลล์ขายรถมือ2 นั่งบนออฟฟิซ ยังไม่ได้ขายทันที แต่ผู้จัดการให้เรียนรู้งานครึ่งเดือน ผู้จัดการให้เราเรียนรู้เรื่องรถ เรื่องไฟแนน การออกรถ เดินศึกษารถในเต้นท์ จดรายละเอียด และช่วยเสริฟน้ำให้ลูกค้า พอทำอะไรเสร็จเราก็กลับมานั่งที่โต๊ะเราซึ่งเราเลือกโต๊ะมุมห้อง โดยที่คนอื่นจับกลุ่มคุยซุบซิบกัน เล่นโทรศัพท์กัน ซึ่งเราก็ไม่กล้าร่วมวง และเขาก็ไม่ได้ชวนเราคุย เราก็ฟังเพลงของเราคนเดียว ดูหนังของเราคนเดียว
พักกลางวันเรากลับบ้านไปกินข้าวกับแฟน (บ้านห่างที่ทำงานขับมอไซต์5นาที) ไม่ได้ไปกินข้าวกับเซลล์คนอื่นๆ  เราไปทำงาน คือ เรียนรู้งานในส่วนของเราที่ได้รับมอบหมายมา  แทบไม่ได้คุยกับใคร   คุยเฉพาะเรื่องงาน ถามเฉพาะเรื่องที่สงสัยหรือสนใจ ช่วงพักเบรค15นาที เราก็ออกไปสูบบุหรี่ในที่สูบบุหรี่ของพนักงาน เลิกงาน17:00น.เราก็กลับบ้านค่ะ

เริ่มงานวันที่2 เราโดนเซลล์ที่อาวุโสที่สุด(อายุ40กว่าๆ) คุยเรื่องใส่รองเท้าเตะ (วันแรกเราใส่คัทชู แต่เห็นทั้งเต้นท์รถใส่รองเท้าแตะกันหมดรวมเซลล์ทุกคน วันที่2เราเลยใส่รองเท้าแตะ) พี่เขาเรียกมาเรื่อง ห้ามใส่รองเท้าแตะเพราะเราเป็นเด็กใหม่ มันผิด อย่าใส่ตามคนอื่นเพราะคนอื่นใส่ผิดกฏรวมทั้งเขาเอง

เริ่มงานวันที่3 เราโดน เรียกมาต่อว่า เรื่องกลับบ้านตอนพักกลางวัน เขาบอกพึ่งเริ่มงานควรหาอะไรกินในออฟฟิซกับคนอื่น ถ้าเซลล์คนอื่นติดงานก็ไปกินกับบัญชี ซึ่งเราก็ไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าสักคน และวันที่3 พวกพี่เซลล์ติดจัดไฟแนนท์พอดี และใช่ค่ะ เราเลือกกลับบ้านไปกินข้าวกับแฟนตอนพักกลางวัน

เริ่มงานวันที่4 ประเด็นอยู่ที่ช่วงพักกลางวัน พวกพี่เขาซื้อแกงถุงมาแชร์กันกิน ซึ่งเราไม่มีอาหารอะไรเลย เราจึงกลับไปกินข้าวที่บ้านกับแฟนค่ะ ช่วงเย็นเราโดนเรียกเรื่อง เราไม่เข้ากับคนอื่น(เรายอมรับผิดค่ะ) เรื่องกลับบ้านไปกินข้าวตอนพักกลางวัน เรื่องเป็นผู้หญิงแต่สูบบุหรี่ เวลาว่าง งานไม่มี ลูกค้าไม่มี ก็ปลีกตัวไปอยู่โลกส่วนตัวที่โต๊ะตัวเอง ก่อนกลับบ้านมีประชุมเซลล์กับเจ๊เจ้าของเต้นท์รถ ทุกคนมีเสียงเดียวกันว่าเราไม่โอเค เจ๊ก็บอกเราไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ ทำงานที่นี้ต่อไม่ได้หรอก แต่จะให้โอกาส ให้เก็บไปคิดวันนึง ห้ามกลับบ้านตอนพัก ห้ามสูบบุหรี่เพราะเป็นผู้หญิงดูไม่ดี เสียภาพลักษณ์ และเรื่องเลิกงานกลับบ้านทันที ต้องรอให้ผู้จัดการลุกจากโต๊ะก่อน เราโดนคุยเป็นชั่วโมงจนร้องไห้ ใช่ค่ะเราอึดอัดมาก

วันที่5 เราตัดสินใจออกจากงาน  ไปเก็บของที่โต๊ะทำงาน คำลาส่งท้ายของพี่เซลล์คือเราไปอยู่ไหนก็ไม่รอดหรอกถ้ายังทำตัวขวางโลกแบบนี้

เราพยายามแล้วนะคะ แต่เราไม่กล้าไม่รู้ต้องเริ่มจากตรงไหน เราไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้า ไม่มีความมั่นใจ และเราไปคุยเรื่องค่าจ้าง4วัน ก็โดนพี่เซลล์ด่าโดนแขวะออกมาอีก ว่าเรายังไม่ทำประโยชน์อะไรให้ที่นี้เลย คิดว่าควรได้เงินมั้ย? จนตอนนี้ผ่านมา5วัน ติดต่อเจ๊ไปก็เงียบ ก็ไม่ได้ค่าจ้างใดๆ จนแฟนบอกไม่ต้องเอาแล้ว ช่างเขา

เรากำลังจะได้งานใหม่ ควรเริ่มจากตรงไหนดีคะ ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม
และค่าจ้างเราทำยังไงได้บ้างคะ? เคยอ่านกฏหมายว่า ทำงานวันเดียวก็ต้องได้ค่าจ้าง   เรารู้สึกเจ็บใจกับที่นี้มากค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 133
ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเซลล์เท่าไหร่ค่ะ  ตั้งใจไปสมัครแผนก IT ค่ะ   แต่ได้คนทำไปแล้ว ทางนั้นจึงชักชวนมาทำตำแหน่งเซลล์ แนะนำเรื่องค่าคอม เงินเดือน คิดเลขให้ดู เราจึงตอบตกลงไปทันทีโดยไม่ทันคิด พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าเหมาะกับเราหรือไม่

เมื่อ3วันที่ผ่านมา เราสมัครงานใหม่แล้วค่ะ เป็นบริษัทเล็กๆ ตำแหน่ง graphic design แผนก IT วันไปสมัคร ได้สัมภาษณ์ครั้งที่1 แล้วผ่านไปด้วยดีค่ะ เขาให้ส่งผลงาน graphic ใน email ให้ดู วันนี้ทางบริษัทโทรมานัดสัมภาษณ์รอบ2กับผู้บริหารในวันพรุ่งนี้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกความหวังดีและคำแนะนำนะคะ เราจะนำไปปรับปรุงตัวเองต่อไปค่ะ  ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
พี่เคยเป็นเซลล์ขายรถนะ
บอกเลยว่า ต้องแพรวพราว
ไหวพริบต้องดี พูดเก่ง
โน้มน้าวเก่ง ดูแลใส่ใจลูกค้า
ต้องเป๊ะเรื่องไฟแนนซ์ เวลาคิดเงินต่างๆ
ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน
และแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้

>>>>>>มนุษย์สัมพันธ์ต้องมีอย่างมาก<<<<<<
เพราะต้องดิวทั้งไฟแนนซ์บริษัทต่างๆ
เต้นท์มือ2หลายที่ (กรณีลค.เทิร์นรถ)

ที่สำคัญ >>>  น้องไม่โฟกัสที่งาน <<<
แต่ไปโฟกัสที่เวลาพัก กลับไปกินข้าวกับแฟน
แถมยังสูบบุหรี่ที่ทำงานอีก
เป็นเซลล์ ต้องใกล้ชิดให้ข้อมูลรถกับลูกค้า
พาลูกค้าดูรุ่นต่างๆ อธิบายโน่นนี่
มีกลิ่นบุหรี่ จะไม่เหมาะนัก
ถ้าเลิกงานแล้วจะสูบข้างนอกที่บ้านอะไรนั่นไม่มีปัญหา

....


สรุปคือ....
งานนี้ไม่เหมาะกับน้อง
ก็ถือว่าเป็นปสก.
เอาไว้สอนตัวเองเวลาได้งานใหม่นะคะ
ความคิดเห็นที่ 6
เป็นเราก็ไล่ออกค่ะ
เห็นพฤติกรรม ก็ไม่ได้แปลกใจค่ะ
ความคิดเห็นที่ 37
1. ที่บอกว่าคุณไปนั่งหลบมุมดูหนังฟังเพลงอยู่คนเดียว นี่คือใส่หูฟังใช่มั้ยคะ การใส่หูฟังทำให้คนอื่นรู้สึกว่าคุณไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับใคร คนอื่นเห็นก็ไม่กล้าทักหรือชวนคุย
สิ่งที่คุณควรทำคือ ถ้าไม่กล้าชวนเค้าคุยหรือไม่กล้วร่วมวงสนทนากับเค้า ก็นั่งอ่านหนังสือหรือทำอะไรแบบเงียบๆ แต่ไม่ต้องใส่หูฟัง เผื่อว่าใครอยากคุยหรือเรียกใช้คุณจะได้เรียกได้ตลอด

2. เรื่องการกินข้าวเที่ยง นี่ก็ชัดเจนเลยว่าคุณไม่พยายามมีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นเลย ถ้าเราไปทำงานวันแรกเราไม่กล้ากลับไปกินข้าวที่บ้านหรอกค่ะ
จะรอดูท่าทีก่อนว่าคนที่นี่เค้ากินข้าวกันยังไง ไปกินกันที่ไหน ส่วนใหญ่ที่เจอคือวันแรกจะมีคนพาไปกินข้าวพร้อมกับแนะนำว่าแถวนี้มีร้านอาหารที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง
แต่ถ้าไม่มีใครชวนไป เราก็จะถามเค้าว่ามีร้านอาหารที่ไหนบ้างให้เค้าแนะนำมา แล้วเราก็ค่อยออกไปกินคนเดียว
จริงๆถ้าต้องออกไปกินคนเดียวคุณจะกลับบ้านก็ได้ไม่มีใครรู้หรอก แต่อย่างน้อยควรแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นบ้าง
ไม่ใช่พอถึงเวลาพักเที่ยงก็ตั้งใจกลับบ้านเลยโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
แต่ถ้าคุณเลือกที่จะกินแถวที่ทำงาน ถึงแม้จะต้องไปคนเดียว แต่คุณอาจจะไปเจอพนักงานคนอื่นที่ร้านก็ได้ เป็นโอกาสอันดีที่จะได้พูดคุยทำความรู้จักกัน

3. เรื่องการแต่งตัวที่ถูกตำหนินั้น เป็นเพราะคุณคิดเอาเองโดยไม่ถามใคร
สิ่งที่ควรทำคือ ถามค่ะ สงสัยอะไรถามไปให้หมด โดยเฉพาะอะไรที่เราคิดว่ามันแปลกๆ หรือไม่แน่ใจว่าสามารถทำได้มั้ย
การถามนี่เป็นการสร้างมนุษยสัมพันธ์ในที่ทำงานได้อย่างดีเลย

4. เรื่องสูบบุหรี่ ไม่มีความเห็นค่ะ ไม่รู้ว่าคุณออกไปสูบเวลาไหนยังไง และผู้หญิงคนอื่นมีใครสูบอีกมั้ย แต่เราคิดว่าคงไม่ดีแน่ๆถ้าเซลส์มาคุยกับลูกค้าและมีกลิ่นบุหรี่ติดมาด้วย

เท่าที่เล่ามา คือคุณบกพร่องในเรื่องมนุษยสัมพันธ์จริงๆ ก็อย่างที่ทุกคนพูดว่า คุณไม่น่าทำงานนี้ได้ เพราะไม่มีมนุษยสัมพันธ์เลย
ถ้ารู้ว่าตัวเองบกพร่องด้านนี้ ก็ควรหางานอื่นที่ไม่ใช่เซลส์ค่ะ
แต่ถึงจะไปทำงานที่อื่นแต่ถ้าคุณยังคงทำตัวอยู่ในโลกของตัวเองแบบนี้ คุณก็จะประสบกับความยากลำบากแบบนี้อยู่ดีนั่นแหละค่ะ
เพราะเพื่อนร่วมงานคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เรามีความสุขในที่ทำงานหรือไม่
ต่อให้งานดีแค่ไหนแต่ถ้าเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้เลย ก็ไม่แน่ใจว่าคุณจะทนได้แค่ไหนเหมือนกัน

จริงๆแล้วเราเป็นคนโลกส่วนตัวสูงเหมือนกับคุณนั่นแหละค่ะ เราเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม เป็นแบบที่เค้าเรียกว่า introvert นั่นแหละค่ะ
เราจะโดนวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่าเงียบเกินไป ไม่ค่อยคุยกับใคร เข้าถึงยาก
แต่สิ่งที่เราต่างจากคุณคือ เราเป็นผู้ฟังที่ดี เราไม่ชอบคุยกับใครก็จริง แต่เราไม่เคยเสียบหูฟังแล้วอยู่แต่ในโลกส่วนตัวเลย
กลับกันคือ เราจะเข้าไปนั่งร่วมวงกับเค้า แล้วฟังสิ่งที่เค้าคุยกัน เพื่อเป็นการเรียนรู้สิ่งต่างๆไปด้วย ถึงแม้เราจะไม่ค่อยพูดแต่เราก็รับรู้เรื่องในบริษัทมาเยอะจากการฟังนี่แหละค่ะ
เราชอบไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ถ้ามีคนชวนไปกินข้าวเราก็ไม่ขัด หรือบางทีเอาข้าวมากินในที่ทำงานมีคนชวนนั่งด้วยเราก็นั่ง
พอเริ่มรู้จักคนมากขึ้น เราก็จะเริ่มเห็นว่าคนไหนที่พอจะพึ่งพาได้ เราก็จะเข้าหาเค้า และซักถามข้อสงสัยกับเค้า
คนที่ชอบแนะนำเด็กใหม่น่ะมีอยู่แล้วค่ะ ขอให้เลือกให้ถูกคนและใช้คำถามให้ถูกก็พอ

ส่วนเรื่องเงินนี่พูดยากค่ะ ถ้าว่ากันตามกฎหมายมันเป็นสิทธิ์ที่คุณควรได้ ถึงแม้ทำงานแค่วันเดียวก็ต้องได้
แต่ในมุมมองของที่ทำงาน เค้ามองว่าคุณมาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ที่ทำงานเลย
แม้แต่ข้อบกพร่องของตัวเองก็ไม่ยอมแก้ไขทั้งที่แนะนำไปแล้ว
แต่พอจะออกยังจะเอาเงินอีก เค้าเลยมองว่าคุณไม่สมควรได้เงินตรงนี้จากเค้า
ถ้าคุณอยากได้เงินจริงๆต้องใช้กฎหมายเข้าช่วยค่ะ แค่พูดคุยอย่างเดียวไม่ได้ผลแน่นอน
อยู่ที่ว่าคุณพร้อมจะสู้มั้ย กับเงินค่าจ้างแค่ไม่กี่วันนี้
ถ้าพร้อมก็เดินหน้าลุยเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 16
บุคลิกคุณไม่ควรทำเซลล์  ไม่ผ่านอย่างแรง

ควรสมัครงานพวกพนักงานฝ่ายผลิต  คือ  ตอกบัตรปุ๊บไปยืนหรือนั่งประจำต่ำแหน่งเลย  แล้วก็  ทำ  ทำ  ทำ  งานที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อยๆ  
ไม่ต้องสนใจใครหรืออะไรทั้งนั้น  จบวันก็กลับบ้าน  คุณไม่คุยไม่เจ๊าะแจะใครก็ไม่มีใครตำหนิ  พักเที่ยงไม่ไปกับใครก็ไม่มีใครว่า  
ไม่มีเวลาว่างให้คุณมาฟังเพลงหรือดูหนังหรอก

รับรองเหมาะกับคุณที่สุด  สุดๆ  แล้ว
เพี้ยนปูเสื่อรอ
ความคิดเห็นที่ 4
บุคลิกและทัศนคติไม่เหมาะกับเซลล์ค่ะ

แล้วส่วนใหญ่เวลาเที่ยง งานขายคือหน้างานของเซลล์ เขาให้เวลาคุณเรียนรู้ครึ่งเดือน ในขณะที่เซลล์รุ่นพี่ไม่ว่างเซ็นไฟแนนซ์คุณน่าจะตีสนิท ขอตามไปด้วย


ถ้าบอกว่าไม่รู้ล่วงหน้าแปลว่าความสัมพันธ์คุณกับรุ่นพี่เป็นคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิงระดับที่ไม่ได้พูดคุยเข้าหารุ่นพี่ก่อนว่าจะมีงาน 1 2 3 4 มั้ย ขอติดตามเรียนรู้ ขอไปเรียนรู้งาน ว่ารุ่นพี่ทำกันอย่างไร


พูดกันตรงๆในแง่ตัวอักษรคุณไม่ผิด เวลาพักเที่ยงคุณควรได้พัก มันเป็นเรื่องของคุณ แต่ในโลกความเป็นจริง มันดูเหมือนคุณไม่สนใจมากกว่า  กับเพื่อนร่วมงานที่ควรตีสนิทเรียนรู้งานยังไม่ทำ กับลูกค้าคุณจะขายตนเองได้หรอ


กลับมาในส่วนจขกท คุณต้องได้รับค่าจ้างค่ะ อันนี้เราถือง่าบริษัทผิด ไม่แฟร์ ให้ร้องกรมแรงงานไป ถ้าเขาไม่จ่ายจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่