คิดหนักก่อนจะตั้งกระทู้นี้ เพราะกลัวว่าถ้าโดนใครพูดซ้ำเติมแล้วอาจจะจมดิ่งลงเหวหนักกว่าเดิม
ขอร้อง กราบกราน หากใครคิดว่าใช้คำรุนแรงเพื่อให้เรามีพลัง มีแรงต่อสู้ นั่นไม่เหมาะกับจขกท.ในเวลานี้
ขอบคุณและขอโทษคนอ่านไว้ด้วยค่ะ
ที่จริงคิสได้ใช้พื้นที่พันทิปมาตั้งแต่เริ่มเล่นเนท จำไม่ได้แล้วว่ามันกี่ปี คิสเหมือนคนอื่นๆที่มีช่วงเวลาที่ดี ที่ห่วย
คิสมีปัญหาพื้นฐานครอบครัว แม้ว่าคิสจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่พ่อแม่รักกัน พ่อแม่ไม่มีปัญหาทางการเงิน พ่อแม่คิสวางแผนชีวิตไว้ค่อนข้างดีมาก เรียกว่าเป็นบุญหล่นทับของคิสจริงๆที่คิสหมดห่วงเรื่องนี้
พ่อแม่คิสมีเรื่องกลุ้มใจก็แค่มีลูกสาวที่ไม่ได้เรื่องหนึ่งคน แต่...
แต่เค้าโชคดีที่มีลูกอีกคนที่เป็นดวงใจของเค้า เค้าได้วางแผนชีวิตลูกอีกคนไว้อย่างดี ดีมากพอที่คิสรู้สึกว่านั่นเป็นโชคทอง 2 ชั้นของคิส
คิสไม่ต้องห่วงพ่อแม่ ไม่ต้องห่วงพี่น้อง มีใครโชคดีกว่านี้อีก
คิสเคยเจอคำถามหนึ่งจากเพื่อนบ้าน ที่มองบ้านคิสห่างๆ
อาอี๊ "หนูเคยคิดมั๊ยว่าถ้าหนูเกิดมาเป็นลูกคนเดียวคงดีกว่านี้"
คิส "ไม่เลยค่ะ แต่คิดว่ามันคงดีกว่านี้มากๆถ้าหนูไม่ต้องเกิดมา
อาอี๊ "พูดจริงหรอเนี้ย"
คิส "จริงๆค่ะ เค้าจะได้ให้ความรักต่อลูกเค้าได้แบบดีที่สุด"
คำตอบ MU2020 ของคิสไม่ได้เกิดเพื่อสร้างภาพหรือย้อนคำถามใคร แต่เกิดจากความจริงที่เกิดมาในชีวิต
ย้อนหลังไปเมื่อราว 10 ปีก่อน คิสเรียนจบมาไม่นาน เพราะดรอปเรียนไป 2 ปี ทำงานได้ปีกว่าๆ ตอนนั้นน่าจะอายุ 26
คิสรินน้ำชาไหว้พระเหมือนทุกวัน หม่ามี๊คิสเดินมาหา นั่งตรงข้าม พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
มี๊ "พี่ชายเธอเค้าบอกว่า...วันนึงเค้าจะให้เงินเธอก้อนนึงไปอยู่ข้างนอก"
...
คิสจำได้ว่าตัวเองวางกาน้ำชา คิดสักพักว่าที่มี๊มาพูดมันแปลว่าอะไร
คิส "มี๊...วันนี้ปะป๊าหม่ามี๊แข็งแรงดีอยู่ หนูเองก็เพิ่งเริ่มทำงานได้ปีกว่าๆ เพิ่งจะทำงานเอง เค้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน..."
...ให้ตายสิ คิสย้อนกลับไปนึก...ตอนนั้นคิสพูดได้ตรงกับใจของตัวเองในวันนี้ที่อายุ 35 ปีจริงๆ....
คิส "เอาว่าในเวลาที่เหมาะสม แล้ววันนึงหนูจะไปในพื้นที่ๆเป็นของหนู โดยไม่ขอพึ่งพาเงินของใครแม้แต่เศษสตางค์เดียว...แค่ยังไม่ถึงเวลา อย่าเพิ่งรีบพูดเลย"
มันน่าอายจริงๆที่ต้องขอเวลาใครเพื่อต่อเวลาความอยู่รอดของตัวเอง
คิสมีเรื่องราว personal ที่เปิดเผยไม่ได้ค่อนข้างเยอะ และคิสไม่ใช่ลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นลูกที่ทำให้พ่อแม่ร้องไห้ เสียใจ ผิดหวัง
คิสเป็นคนที่สร้างความเจ็บช้ำและทรมานให้แก่พ่อแม่เอง
นั่นเป็นเหตุผลที่คิสไม่สามารถโทษใครได้เลย
ในขณะเดียวกันคิสเองก็ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ต้องมาเกิดขึ้นกับตัวเอง
เมื่อ 10 กว่าปีนั้น ปะป๊าเคยเรียกคิสไปปรับทัศนคติเมื่อคิสขอทำธุรกิจแล้วปะป๊าไม่ให้
ป๊า "อั้วให้เงินลื้อสักล้าน 2 ล้านไปถลุงก็ได้ แต่ลื้อจะไม่ได้อะไรอีกเลย"
คิส "ทำไมป๊าต้องบอกว่าถลุง หนูยังไม่ได้บอกเลยว่ามี BP อะไร ป๊ายังไม่ได้ฟังหนูพูดเลย"
ป๊า "ก็เพราะว่าลื้อมันต้องเจ๊งไง"
น้ำตาคิสไหล มองหน้าป๊า น้ำตามันออกมาเอง นี่หรอคือคำอวยพรเมื่อคนนึงคนอยากไปมีหนทางของตัวเอง
คิส "ทำไม P ถึงได้ทุกอย่าง หนูกลับไม่มีอะไรเลย"
ป๊า "ลื้อเทียบทำไม ลื้อเทียบลื้อได้อะไร อั้วไม่เข้าใจ ลื้อไม่เทียบได้มั๊ย ไม่เกี่ยวเลย"
คิส "ป๊ารู้ป่าวว่าถ้าหนูเทียบตัวเองกับเพื่อน ลูกเพื่อนบ้าน หนูคงน้อยใจตายไปแล้ว แค่คนที่เทียบคนๆนั้นเกิดจากท้องเดียวกัน พ่อแม่คนเดียวกัน หนูขอเทียบ ไม่ได้หรอ"
ป๊า "ลื้อไม่ต้องเทียบ ไม่ได้อะไรขึ้นมา"
คิสควรเข้าใจเส้นทางชีวิตตัวเองตั้งแต่สิ้นสุดประโยคนั้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่วันนี้คิสกลับจำได้ขึ้นมานี่สิ
ป๊า "ลื้อรู้มั๊ยว่า P อะน่าสงสาร เค้าไม่มีโอกาสเหมือนลื้อ ลื้อคิดไม่เป็น คิดไม่ได้ ปล่อย P ให้สบาย เค้าจะสบายได้นานแค่ไหน"
คิส "..."
ป๊า "ชีวิตลื้อมันต้องลำบาก ลื้อลำบากไป 10 ปีลื้อก็สบายแล้ว ลื้อแค่ต้องลำบากก่อน P วันนี้ให้เค้าสบาย วันหน้าเค้าก็ไม่ได้แบบลื้อ"
อิหยังวะ มาไม่เข้าใจก็ตอนนี้ละ
10 ปีกับบททดสอบที่ปะป๊าทำเทสอะไรสักอย่างเหมือน stat จะ reject Ho Ha มั๊ย ยังไง จริงไม่จริง
ที่แน่ๆ ลูกสาวป๊าคนนี้ลำบากมาตลอด 10 ปีจริงๆ
และลูกอีกคนก็สบายมา 10 ปีจริงๆ อย่างคำที่ป๊าว่าไว้ไม่มีผิด
ในวันนี้ถึงรู้ว่ามันไม่มีทางถึงป๊า ขอแค่บันทึกนี้ไว้เตือนใจคนเป็นพ่อแม่
คุณอย่าเล่นเกมส์อะไรกับชีวิตลูกตัวเองเลย
พี่ชายเพียงคนเดียวในชีวิตคิส ผู้ชายคนที่สองที่คิสรักรองลงมาจากพ่อ คิสไม่ได้เห็นหน้าเค้าราวๆปีกว่า ก่อนเดือน 12 ปีที่แล้ว
"เราควรกินข้าวกันสักมื้อ" นั่นคือสิ่งที่คิสแค่คิด
คิสโทรไปหาพี่ชาย เพราะสิ้นปีแล้ว ไหนคิสจะไปดูสมุด moleskine ให้แฟน(ซึ่งเป็นแฟนเก่าในปัจจุบัน) ด้วย
คิส "ฮัลโหล คุยได้มั๊ย"
P "อ่อ มีอะไร"
คิส "ว่างมั๊ย ไปกินข้าวที่ embassy กัน"
P "ต้องการคนขับรถหรอ"
ต้อง
การ
คน
ขับ
รถ
หรอ
นี่คืออะไรวะ งงๆ ขอสติค่ะ
คิส "P เราไม่ได้เจอกันปีกว่าได้แล้ว เราเจอกัน กินข้าวกันสักมื้อนะ"
P "อ่อ"
คิส "อีกเรื่อง น้องสาวของ P คนนี้ยังพอมีเงินเรียก grab เรียกแทกซี่นะ"
นั่นคือหนึ่งช่วงเวลาก่อนสิ้นปี ที่คิสได้ใช้เวลาร่วมกับผู้ชายที่คิสรักคนนั้น คิสฝากของขวัญจิ๋วๆให้ว่าที่ภรรยาเค้า มันไม่ได้มากมาย แต่นั่นก็เป็นคำขอบคุณที่เค้าช่วยดูแลพี่ชายของคิส
เค้าเปลี่ยนรถคันใหม่ เค้าเป็นคนจ่ายค่าอาหารในคืนนั้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่คิสยินดีและเต็มใจให้พี่ชายได้ทำหน้าที่ของเค้า
คิสถามถึงชีวิตเค้า ถามว่าเหนื่อยมั๊ย คำตอบมีแค่ว่า "เรื่อย เรือย"
คิส "มีแต่เรื่อยๆเลยหรอ เล่าให้ฟังได้นะ"
P "ก็มันไม่มีอะไร จะให้เล่าอะไร"
คิส "อ่อ ก็ดีแล้วละ"
เรื่อย...เรื่อย...มันคงแปลรวมๆว่าดีกว่าคิสในเวลานี้
เวลาที่เสียงานตัวเองไป
เวลาที่แฟนมาเป๋เพราะเหตุผลส่วนตัว
เวลาที่คิสและแฟนเก่าตัดสินใจจบความสัมพันธ์
เวลาที่เหลือเหตุผลเดียวที่ยังคงหายใจอยู่ นั่นคือแมวที่เลี้ยงไว้
คิสมักง่ายมากพอจะทิ้งชีวิตตัวเองไป เพราะคิสมองไม่เห็นว่าอยู่เพื่ออะไร
คิสแค่ยังไม่มักง่ายมากพอที่จะทิ้งแมวที่เลี้ยงมาไป
มันน่าตลกที่เหตุผลตอนนี้เป็นแมวหนึ่งตัว
คิสอยากฝากบันทึกนี้ไว้หากวันนึงมันยังอยู่
"ป๊า 10 ปีที่ลำบากผ่านมาแล้ว หนูถึงเวลาสบายแล้วรึยัง"
[บันทึกถึงคำสั่งของปะป๊าเมื่อ 10 ปีก่อน] ในวันที่ชั้นไม่เหลืออะไรนอกจากแมวหนึ่งตัว
ขอร้อง กราบกราน หากใครคิดว่าใช้คำรุนแรงเพื่อให้เรามีพลัง มีแรงต่อสู้ นั่นไม่เหมาะกับจขกท.ในเวลานี้
ขอบคุณและขอโทษคนอ่านไว้ด้วยค่ะ
ที่จริงคิสได้ใช้พื้นที่พันทิปมาตั้งแต่เริ่มเล่นเนท จำไม่ได้แล้วว่ามันกี่ปี คิสเหมือนคนอื่นๆที่มีช่วงเวลาที่ดี ที่ห่วย
คิสมีปัญหาพื้นฐานครอบครัว แม้ว่าคิสจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่พ่อแม่รักกัน พ่อแม่ไม่มีปัญหาทางการเงิน พ่อแม่คิสวางแผนชีวิตไว้ค่อนข้างดีมาก เรียกว่าเป็นบุญหล่นทับของคิสจริงๆที่คิสหมดห่วงเรื่องนี้
พ่อแม่คิสมีเรื่องกลุ้มใจก็แค่มีลูกสาวที่ไม่ได้เรื่องหนึ่งคน แต่...
แต่เค้าโชคดีที่มีลูกอีกคนที่เป็นดวงใจของเค้า เค้าได้วางแผนชีวิตลูกอีกคนไว้อย่างดี ดีมากพอที่คิสรู้สึกว่านั่นเป็นโชคทอง 2 ชั้นของคิส
คิสไม่ต้องห่วงพ่อแม่ ไม่ต้องห่วงพี่น้อง มีใครโชคดีกว่านี้อีก
คิสเคยเจอคำถามหนึ่งจากเพื่อนบ้าน ที่มองบ้านคิสห่างๆ
อาอี๊ "หนูเคยคิดมั๊ยว่าถ้าหนูเกิดมาเป็นลูกคนเดียวคงดีกว่านี้"
คิส "ไม่เลยค่ะ แต่คิดว่ามันคงดีกว่านี้มากๆถ้าหนูไม่ต้องเกิดมา
อาอี๊ "พูดจริงหรอเนี้ย"
คิส "จริงๆค่ะ เค้าจะได้ให้ความรักต่อลูกเค้าได้แบบดีที่สุด"
คำตอบ MU2020 ของคิสไม่ได้เกิดเพื่อสร้างภาพหรือย้อนคำถามใคร แต่เกิดจากความจริงที่เกิดมาในชีวิต
ย้อนหลังไปเมื่อราว 10 ปีก่อน คิสเรียนจบมาไม่นาน เพราะดรอปเรียนไป 2 ปี ทำงานได้ปีกว่าๆ ตอนนั้นน่าจะอายุ 26
คิสรินน้ำชาไหว้พระเหมือนทุกวัน หม่ามี๊คิสเดินมาหา นั่งตรงข้าม พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
มี๊ "พี่ชายเธอเค้าบอกว่า...วันนึงเค้าจะให้เงินเธอก้อนนึงไปอยู่ข้างนอก"
...
คิสจำได้ว่าตัวเองวางกาน้ำชา คิดสักพักว่าที่มี๊มาพูดมันแปลว่าอะไร
คิส "มี๊...วันนี้ปะป๊าหม่ามี๊แข็งแรงดีอยู่ หนูเองก็เพิ่งเริ่มทำงานได้ปีกว่าๆ เพิ่งจะทำงานเอง เค้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน..."
...ให้ตายสิ คิสย้อนกลับไปนึก...ตอนนั้นคิสพูดได้ตรงกับใจของตัวเองในวันนี้ที่อายุ 35 ปีจริงๆ....
คิส "เอาว่าในเวลาที่เหมาะสม แล้ววันนึงหนูจะไปในพื้นที่ๆเป็นของหนู โดยไม่ขอพึ่งพาเงินของใครแม้แต่เศษสตางค์เดียว...แค่ยังไม่ถึงเวลา อย่าเพิ่งรีบพูดเลย"
มันน่าอายจริงๆที่ต้องขอเวลาใครเพื่อต่อเวลาความอยู่รอดของตัวเอง
คิสมีเรื่องราว personal ที่เปิดเผยไม่ได้ค่อนข้างเยอะ และคิสไม่ใช่ลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นลูกที่ทำให้พ่อแม่ร้องไห้ เสียใจ ผิดหวัง
คิสเป็นคนที่สร้างความเจ็บช้ำและทรมานให้แก่พ่อแม่เอง
นั่นเป็นเหตุผลที่คิสไม่สามารถโทษใครได้เลย
ในขณะเดียวกันคิสเองก็ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ต้องมาเกิดขึ้นกับตัวเอง
เมื่อ 10 กว่าปีนั้น ปะป๊าเคยเรียกคิสไปปรับทัศนคติเมื่อคิสขอทำธุรกิจแล้วปะป๊าไม่ให้
ป๊า "อั้วให้เงินลื้อสักล้าน 2 ล้านไปถลุงก็ได้ แต่ลื้อจะไม่ได้อะไรอีกเลย"
คิส "ทำไมป๊าต้องบอกว่าถลุง หนูยังไม่ได้บอกเลยว่ามี BP อะไร ป๊ายังไม่ได้ฟังหนูพูดเลย"
ป๊า "ก็เพราะว่าลื้อมันต้องเจ๊งไง"
น้ำตาคิสไหล มองหน้าป๊า น้ำตามันออกมาเอง นี่หรอคือคำอวยพรเมื่อคนนึงคนอยากไปมีหนทางของตัวเอง
คิส "ทำไม P ถึงได้ทุกอย่าง หนูกลับไม่มีอะไรเลย"
ป๊า "ลื้อเทียบทำไม ลื้อเทียบลื้อได้อะไร อั้วไม่เข้าใจ ลื้อไม่เทียบได้มั๊ย ไม่เกี่ยวเลย"
คิส "ป๊ารู้ป่าวว่าถ้าหนูเทียบตัวเองกับเพื่อน ลูกเพื่อนบ้าน หนูคงน้อยใจตายไปแล้ว แค่คนที่เทียบคนๆนั้นเกิดจากท้องเดียวกัน พ่อแม่คนเดียวกัน หนูขอเทียบ ไม่ได้หรอ"
ป๊า "ลื้อไม่ต้องเทียบ ไม่ได้อะไรขึ้นมา"
คิสควรเข้าใจเส้นทางชีวิตตัวเองตั้งแต่สิ้นสุดประโยคนั้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่วันนี้คิสกลับจำได้ขึ้นมานี่สิ
ป๊า "ลื้อรู้มั๊ยว่า P อะน่าสงสาร เค้าไม่มีโอกาสเหมือนลื้อ ลื้อคิดไม่เป็น คิดไม่ได้ ปล่อย P ให้สบาย เค้าจะสบายได้นานแค่ไหน"
คิส "..."
ป๊า "ชีวิตลื้อมันต้องลำบาก ลื้อลำบากไป 10 ปีลื้อก็สบายแล้ว ลื้อแค่ต้องลำบากก่อน P วันนี้ให้เค้าสบาย วันหน้าเค้าก็ไม่ได้แบบลื้อ"
อิหยังวะ มาไม่เข้าใจก็ตอนนี้ละ
10 ปีกับบททดสอบที่ปะป๊าทำเทสอะไรสักอย่างเหมือน stat จะ reject Ho Ha มั๊ย ยังไง จริงไม่จริง
ที่แน่ๆ ลูกสาวป๊าคนนี้ลำบากมาตลอด 10 ปีจริงๆ
และลูกอีกคนก็สบายมา 10 ปีจริงๆ อย่างคำที่ป๊าว่าไว้ไม่มีผิด
ในวันนี้ถึงรู้ว่ามันไม่มีทางถึงป๊า ขอแค่บันทึกนี้ไว้เตือนใจคนเป็นพ่อแม่
คุณอย่าเล่นเกมส์อะไรกับชีวิตลูกตัวเองเลย
พี่ชายเพียงคนเดียวในชีวิตคิส ผู้ชายคนที่สองที่คิสรักรองลงมาจากพ่อ คิสไม่ได้เห็นหน้าเค้าราวๆปีกว่า ก่อนเดือน 12 ปีที่แล้ว
"เราควรกินข้าวกันสักมื้อ" นั่นคือสิ่งที่คิสแค่คิด
คิสโทรไปหาพี่ชาย เพราะสิ้นปีแล้ว ไหนคิสจะไปดูสมุด moleskine ให้แฟน(ซึ่งเป็นแฟนเก่าในปัจจุบัน) ด้วย
คิส "ฮัลโหล คุยได้มั๊ย"
P "อ่อ มีอะไร"
คิส "ว่างมั๊ย ไปกินข้าวที่ embassy กัน"
P "ต้องการคนขับรถหรอ"
ต้อง
การ
คน
ขับ
รถ
หรอ
นี่คืออะไรวะ งงๆ ขอสติค่ะ
คิส "P เราไม่ได้เจอกันปีกว่าได้แล้ว เราเจอกัน กินข้าวกันสักมื้อนะ"
P "อ่อ"
คิส "อีกเรื่อง น้องสาวของ P คนนี้ยังพอมีเงินเรียก grab เรียกแทกซี่นะ"
นั่นคือหนึ่งช่วงเวลาก่อนสิ้นปี ที่คิสได้ใช้เวลาร่วมกับผู้ชายที่คิสรักคนนั้น คิสฝากของขวัญจิ๋วๆให้ว่าที่ภรรยาเค้า มันไม่ได้มากมาย แต่นั่นก็เป็นคำขอบคุณที่เค้าช่วยดูแลพี่ชายของคิส
เค้าเปลี่ยนรถคันใหม่ เค้าเป็นคนจ่ายค่าอาหารในคืนนั้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่คิสยินดีและเต็มใจให้พี่ชายได้ทำหน้าที่ของเค้า
คิสถามถึงชีวิตเค้า ถามว่าเหนื่อยมั๊ย คำตอบมีแค่ว่า "เรื่อย เรือย"
คิส "มีแต่เรื่อยๆเลยหรอ เล่าให้ฟังได้นะ"
P "ก็มันไม่มีอะไร จะให้เล่าอะไร"
คิส "อ่อ ก็ดีแล้วละ"
เรื่อย...เรื่อย...มันคงแปลรวมๆว่าดีกว่าคิสในเวลานี้
เวลาที่เสียงานตัวเองไป
เวลาที่แฟนมาเป๋เพราะเหตุผลส่วนตัว
เวลาที่คิสและแฟนเก่าตัดสินใจจบความสัมพันธ์
เวลาที่เหลือเหตุผลเดียวที่ยังคงหายใจอยู่ นั่นคือแมวที่เลี้ยงไว้
คิสมักง่ายมากพอจะทิ้งชีวิตตัวเองไป เพราะคิสมองไม่เห็นว่าอยู่เพื่ออะไร
คิสแค่ยังไม่มักง่ายมากพอที่จะทิ้งแมวที่เลี้ยงมาไป
มันน่าตลกที่เหตุผลตอนนี้เป็นแมวหนึ่งตัว
คิสอยากฝากบันทึกนี้ไว้หากวันนึงมันยังอยู่
"ป๊า 10 ปีที่ลำบากผ่านมาแล้ว หนูถึงเวลาสบายแล้วรึยัง"