ก่อนหน้านี้คิสมักจะล้อเลียนพี่แพทว่า "ไม่ได้จบหมอหรอก จบเอกการแสดงมา"
นั่นเพราะพี่แพทไม่เคยทำตัวให้เหมือนคนเรียนจบหมอสักนิด
คิสเคยให้พี่แพทติดพลาสเตอร์ตอนมีดบาด พี่แพทพันเอียงและมีรูใหญ่ขนาดที่แมวน่าจะลอดไปเล่นรีรีข้าวสารได้
คิส "ทำไมพันพลาสเตอร์ยังไม่เป็นเลย จบหมอจริงหรอเนี้ย"
พี่แพทส่ายหัว "มันงานหมอที่ไหนละให้มาแปะพลาสเตอร์"
คิส "ซื้อปริญญามาสินะ"
พี่แพท "ใช่คับ ซิ้อมาสองบาท"
พี่แพทมักจะเล่นมุกโบ๊ะบ๊ะกะคิสแบบนี้ จนกระทั่ง...10 วันที่ผ่านมานี่ น้ำหนักคิสขึ้นมา 5 กิโล!!
ต้องบอกก่อนว่าพี่แพทกะคิสเราระมัดระวังเรื่องการกินมากๆ และไออาการอ้วนบวมขนาดนี้มันแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
พี่แพทล้อคิสที่อ้วนขึ้น แต่ก็ล้อขำๆ เพราะชวนคิสให้กินนู่นนี่นั่นตลอดทุกวัน
คิสรู้สึกเท้าบวม...หน้าบวม...ขาบวม...พุงที่ไม่เคยมีก็ไหลออกมาเป็นชั้นๆ
มันโอเคที่อ้วน แต่มันไม่โอเคที่อ้วนเร็วผิดปกตินะสิ
คิสตัดสินใจว่าจะต้องบอกเรื่องนี้กับพี่แพทเช้านี้ ก่อนจะสายเกินไป
คิส "พี่คะ หนูมีเรื่องจะบอกค่ะ"
พี่แพท "คับ"
คิส "หนูรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ"
พี่แพท "ยังไง"
คิส "ตัวหนูบวมมากๆ บวมทั้งตัวในช่วงเวลาแค่ 10 วัน"
พี่แพท "ก็คิสอ้วนไงคับ"
คิส "ไม่ใช่ค่ะ อ้วนมันควรใช้เวลามากกว่านี้ มันเร็วเกินไป"
พี่แพทจับไปที่พุงคิส "นี่เค้าเรียกว่าไขมันสะสมคับ มันอ้วนมานานแล้วละ แต่คิสเพิ่งสังเกตไง"
คิส "ก่อนหน้านี้หนูไม่มีพุงเลยนะคะ ตอนนี้คือบวมยันนิ้ว บวมยันข้อศอก ไขมันขึ้นมาที่หัวไหล่เลยค่ะ พี่ไม่เข้าใจ"
พี่แพท "โอเค งั้นคิสได้จดตัวเลขไว้รึป่าว ขึ้นมายังไงบ้าง เร็วแค่ไหน"
คิส "ไม่ได้จด ก่อนพี่กลับมาจากดำน้ำหนูหนัก 43 และตอนนี้หนูไม่กล้าชั่งน้ำหนักแล้ว ล่าสุดก็ 47-48 และมันเร็วเกินไป"
พี่แพท "มีอะไรอีกที่ผิดปกติคับ"
พี่แพทถามไถ่อาการต่างๆของคิสที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง
พี่แพท "พี่ก็รู้สึกน้า ว่าขาคิสทำไมมันใหญ่ขึ้นปิดปกติ... เอางี้ดีมั๊ย พี่จะไม่บังคับให้คิสกินข้าวเย็นแล้ว คิสไม่อยากกิน พี่จะไม่ชวนอีก ดีมั๊ยคับ"
คิส "พี่ไม่เข้าใจคิสเลยค่ะ"
พี่แพท "โอเค ตอนนี้คิสคิดว่าคิสเป็นอะไรคับ"
คิส "อาการมันเหมือนไทรอยด์เลยค่ะ"
พี่แพท "แต่คิสก็ยังเดินหาอะไรทำปกติ ถ้าไทรอยด์ต่ำ อาการมันต้องมากกว่านี้คับ คิสคงไม่มีแรงแล้ว"
คิสเริ่มเครียดที่เหมือนไม่มีใครเข้าใจ น้ำตาเริ่มจะปริ่มๆล้นเขื่อนออกมา
พี่แพท "เอาแบบนี้นะคับ เราจะมาเริ่มจดอาการของคิสกัน คิสออกกำลังกายให้มากขึ้น เดินมากขึ้น ทุกอย่างจะดีขึ้นเองคับ"
คิส "มันไม่ใช่แค่อ้วนค่ะ"
พี่แพท "งั้นเราจะไปตรวจกัน แต่ถ้าไม่เจออะไร คิสต้องยอมรับนะคับ คิสต้องไม่กังวลแบบนี้"
คิส "ถ้าไม่เจออะไรก็ยิ่งแย่สิ มันผิดปกติแต่ดันไม่เจอ"
พี่แพท "คิสอาจจะไม่ได้ตรวจก็ได้คับ ถ้าหมอซักประวัติแล้วไม่มีอาการน่าสงสัยอะไรเค้าก็ไม่ตรวจกันคับ เว้นแต่หมอที่พาณิชย์มากๆ ขอให้ตรวจ CT scan เค้าก็ตรวจ"
คิส "ถ้าหนูอ้วนไม่หยุดแล้วกลายเป็นผู้หญิงอ้วน ทำไงละคะ"
พี่แพท "ถ้าคิสอ้วนเพราะอาการป่วยจริงๆมันรักษาได้คับ และก็จะกลับมาปกติเอง คิสไม่ต้องคิดมากแล้วนะ แต่งตัว เราจะไปหาหมอกัน"
...
...
...
ขณะที่กำลังพิมพ์อยู่นี้คิสกำลังไปหาหมอที่รพ. พี่แพทกดสั่งซื้อ fitbit ให้คิสเมื่อคืน และเพิ่งไปรับที่เซนทรัลมาตะกี้นี้
พี่แพทบอกว่า เครื่องนี้จะช่วยดูว่าคิสนอนและเดินมากน้อยแค่ไหน ถ้าคิสเดินมากพอ วิ่งมากพอ นอนมากพอ คิสก็จะแข็งแรงดี
คิสยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้คิสไม่สบายจริงๆรึป่าว
คิสไม่เคยสนใจว่าพี่แพทเรียนจบหมอมั๊ย ที่เคยพูดล้อๆไปก็หยอกเล่นสนุกๆเท่านั้น
คิสหวังว่าผลตรวจจะบอกให่คิสสบายใจได้มากขึ้น ถ้าคำตอบคือคิสไม่ได้เป็นอะไร คิสก็จะไม่เครียดอีก
คิสแค่อยากบันทึกความรู้สึกและคำขอบคุณที่พี่แพท "ใจเย็นโคตรๆ" กับคิสเสมอ ในเวลาที่คิสโคตรเป็นตัวของตัวเอง จนเวลาที่ไม่เหลือความเป็นตัวเองแบบในวันนี้
ถามว่าอยากไม่สบายหรอ ถึงได้อยากมาตรวจ
คิสบอกพี่แพทเมื่อเช้าว่า "นี่คือคิสในวันนี้ คิสที่จะบอกพี่แพททุกเรื่อง ถ้าเป็นคิสคนเดิมก็จะไปตรวจคนเดียวและเลือกจะไม่บอกใครเลย"
คิสไม่เคยกลัวตายมากเท่าวันนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ
พี่แพทเคยสั่งซื้อวิตามินราคาสูง(สูงสำหรับคิส) คิสบอกว่าให้พี่แพทกินคนเดียว คิสจะไม่กิน อย่างน้อยก็ในตอนนี้
พี่แพทบอกว่าพี่แพทไม่เคยเสียดายเงิน ถ้ามันแปลว่าสุขภาพเราสองคนจะดี มีอายุยืนยาว เพราะพี่แพทคงไม่ได้อยากอายุยืนอยู่คนเดียว
"สิ่งที่พี่ขอคือขอให้คิสรักตัวเอง"
ให้ตายเหอะ ไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ
พี่แพทย้ำอีกครั้งแม้แต่ตอนนั่งรอผลเลือด ณ นาทีนี้ว่า "คิสไม่ได้เป็นอะไร คิสแค่ต้องออกกำลังกาย"
เค้ายื่น fitbit ที่ sync กะมือถือของคิส พร้อมหน้าจอที่เค้าเซทให้เป็นพิกาจู (น้ำตาแทบจะไหลออกมา อุตสาห์เปลี่ยนให้อีก)
ที่เล่าไปในตอนที่แล้วที่คนแบบพี่แพทไม่บอกรัก
...ดูที่การกระทำดีกว่ามั๊ยคับ...
คิสเห็นมันทุกวันจนเหมือนเห็นคุณพระอาทิตย์จากใจกลางระบบสุริยจักรวาลเลยค่ะ
เ้มื่อฉันตัดสินใจบอกแฟน(หมอ)ว่าฉันอยากไปหาหมอ
นั่นเพราะพี่แพทไม่เคยทำตัวให้เหมือนคนเรียนจบหมอสักนิด
คิสเคยให้พี่แพทติดพลาสเตอร์ตอนมีดบาด พี่แพทพันเอียงและมีรูใหญ่ขนาดที่แมวน่าจะลอดไปเล่นรีรีข้าวสารได้
คิส "ทำไมพันพลาสเตอร์ยังไม่เป็นเลย จบหมอจริงหรอเนี้ย"
พี่แพทส่ายหัว "มันงานหมอที่ไหนละให้มาแปะพลาสเตอร์"
คิส "ซื้อปริญญามาสินะ"
พี่แพท "ใช่คับ ซิ้อมาสองบาท"
พี่แพทมักจะเล่นมุกโบ๊ะบ๊ะกะคิสแบบนี้ จนกระทั่ง...10 วันที่ผ่านมานี่ น้ำหนักคิสขึ้นมา 5 กิโล!!
ต้องบอกก่อนว่าพี่แพทกะคิสเราระมัดระวังเรื่องการกินมากๆ และไออาการอ้วนบวมขนาดนี้มันแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
พี่แพทล้อคิสที่อ้วนขึ้น แต่ก็ล้อขำๆ เพราะชวนคิสให้กินนู่นนี่นั่นตลอดทุกวัน
คิสรู้สึกเท้าบวม...หน้าบวม...ขาบวม...พุงที่ไม่เคยมีก็ไหลออกมาเป็นชั้นๆ
มันโอเคที่อ้วน แต่มันไม่โอเคที่อ้วนเร็วผิดปกตินะสิ
คิสตัดสินใจว่าจะต้องบอกเรื่องนี้กับพี่แพทเช้านี้ ก่อนจะสายเกินไป
คิส "พี่คะ หนูมีเรื่องจะบอกค่ะ"
พี่แพท "คับ"
คิส "หนูรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ"
พี่แพท "ยังไง"
คิส "ตัวหนูบวมมากๆ บวมทั้งตัวในช่วงเวลาแค่ 10 วัน"
พี่แพท "ก็คิสอ้วนไงคับ"
คิส "ไม่ใช่ค่ะ อ้วนมันควรใช้เวลามากกว่านี้ มันเร็วเกินไป"
พี่แพทจับไปที่พุงคิส "นี่เค้าเรียกว่าไขมันสะสมคับ มันอ้วนมานานแล้วละ แต่คิสเพิ่งสังเกตไง"
คิส "ก่อนหน้านี้หนูไม่มีพุงเลยนะคะ ตอนนี้คือบวมยันนิ้ว บวมยันข้อศอก ไขมันขึ้นมาที่หัวไหล่เลยค่ะ พี่ไม่เข้าใจ"
พี่แพท "โอเค งั้นคิสได้จดตัวเลขไว้รึป่าว ขึ้นมายังไงบ้าง เร็วแค่ไหน"
คิส "ไม่ได้จด ก่อนพี่กลับมาจากดำน้ำหนูหนัก 43 และตอนนี้หนูไม่กล้าชั่งน้ำหนักแล้ว ล่าสุดก็ 47-48 และมันเร็วเกินไป"
พี่แพท "มีอะไรอีกที่ผิดปกติคับ"
พี่แพทถามไถ่อาการต่างๆของคิสที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง
พี่แพท "พี่ก็รู้สึกน้า ว่าขาคิสทำไมมันใหญ่ขึ้นปิดปกติ... เอางี้ดีมั๊ย พี่จะไม่บังคับให้คิสกินข้าวเย็นแล้ว คิสไม่อยากกิน พี่จะไม่ชวนอีก ดีมั๊ยคับ"
คิส "พี่ไม่เข้าใจคิสเลยค่ะ"
พี่แพท "โอเค ตอนนี้คิสคิดว่าคิสเป็นอะไรคับ"
คิส "อาการมันเหมือนไทรอยด์เลยค่ะ"
พี่แพท "แต่คิสก็ยังเดินหาอะไรทำปกติ ถ้าไทรอยด์ต่ำ อาการมันต้องมากกว่านี้คับ คิสคงไม่มีแรงแล้ว"
คิสเริ่มเครียดที่เหมือนไม่มีใครเข้าใจ น้ำตาเริ่มจะปริ่มๆล้นเขื่อนออกมา
พี่แพท "เอาแบบนี้นะคับ เราจะมาเริ่มจดอาการของคิสกัน คิสออกกำลังกายให้มากขึ้น เดินมากขึ้น ทุกอย่างจะดีขึ้นเองคับ"
คิส "มันไม่ใช่แค่อ้วนค่ะ"
พี่แพท "งั้นเราจะไปตรวจกัน แต่ถ้าไม่เจออะไร คิสต้องยอมรับนะคับ คิสต้องไม่กังวลแบบนี้"
คิส "ถ้าไม่เจออะไรก็ยิ่งแย่สิ มันผิดปกติแต่ดันไม่เจอ"
พี่แพท "คิสอาจจะไม่ได้ตรวจก็ได้คับ ถ้าหมอซักประวัติแล้วไม่มีอาการน่าสงสัยอะไรเค้าก็ไม่ตรวจกันคับ เว้นแต่หมอที่พาณิชย์มากๆ ขอให้ตรวจ CT scan เค้าก็ตรวจ"
คิส "ถ้าหนูอ้วนไม่หยุดแล้วกลายเป็นผู้หญิงอ้วน ทำไงละคะ"
พี่แพท "ถ้าคิสอ้วนเพราะอาการป่วยจริงๆมันรักษาได้คับ และก็จะกลับมาปกติเอง คิสไม่ต้องคิดมากแล้วนะ แต่งตัว เราจะไปหาหมอกัน"
...
...
...
ขณะที่กำลังพิมพ์อยู่นี้คิสกำลังไปหาหมอที่รพ. พี่แพทกดสั่งซื้อ fitbit ให้คิสเมื่อคืน และเพิ่งไปรับที่เซนทรัลมาตะกี้นี้
พี่แพทบอกว่า เครื่องนี้จะช่วยดูว่าคิสนอนและเดินมากน้อยแค่ไหน ถ้าคิสเดินมากพอ วิ่งมากพอ นอนมากพอ คิสก็จะแข็งแรงดี
คิสยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้คิสไม่สบายจริงๆรึป่าว
คิสไม่เคยสนใจว่าพี่แพทเรียนจบหมอมั๊ย ที่เคยพูดล้อๆไปก็หยอกเล่นสนุกๆเท่านั้น
คิสหวังว่าผลตรวจจะบอกให่คิสสบายใจได้มากขึ้น ถ้าคำตอบคือคิสไม่ได้เป็นอะไร คิสก็จะไม่เครียดอีก
คิสแค่อยากบันทึกความรู้สึกและคำขอบคุณที่พี่แพท "ใจเย็นโคตรๆ" กับคิสเสมอ ในเวลาที่คิสโคตรเป็นตัวของตัวเอง จนเวลาที่ไม่เหลือความเป็นตัวเองแบบในวันนี้
ถามว่าอยากไม่สบายหรอ ถึงได้อยากมาตรวจ
คิสบอกพี่แพทเมื่อเช้าว่า "นี่คือคิสในวันนี้ คิสที่จะบอกพี่แพททุกเรื่อง ถ้าเป็นคิสคนเดิมก็จะไปตรวจคนเดียวและเลือกจะไม่บอกใครเลย"
คิสไม่เคยกลัวตายมากเท่าวันนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ
พี่แพทเคยสั่งซื้อวิตามินราคาสูง(สูงสำหรับคิส) คิสบอกว่าให้พี่แพทกินคนเดียว คิสจะไม่กิน อย่างน้อยก็ในตอนนี้
พี่แพทบอกว่าพี่แพทไม่เคยเสียดายเงิน ถ้ามันแปลว่าสุขภาพเราสองคนจะดี มีอายุยืนยาว เพราะพี่แพทคงไม่ได้อยากอายุยืนอยู่คนเดียว
"สิ่งที่พี่ขอคือขอให้คิสรักตัวเอง"
ให้ตายเหอะ ไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ
พี่แพทย้ำอีกครั้งแม้แต่ตอนนั่งรอผลเลือด ณ นาทีนี้ว่า "คิสไม่ได้เป็นอะไร คิสแค่ต้องออกกำลังกาย"
เค้ายื่น fitbit ที่ sync กะมือถือของคิส พร้อมหน้าจอที่เค้าเซทให้เป็นพิกาจู (น้ำตาแทบจะไหลออกมา อุตสาห์เปลี่ยนให้อีก)