Day1: Buenos Aires:/ southern part
Day2: Buenos Aires / Northern part
Day3: BA to Ushuaia / Tierra del Fuego national park
Day4: Ushuaia / Beagle channel navigation and walk with penguin at Martillo island
Day5: Ushuaia - El Calafate - El Chalten
Day6 : El Chalten ( Cerro Fitz Roy / Laguna de Los tres )
Day7: El Chalten to El calafate / Perito Moreno Glaciares
Day8:El calafate / Upsala - Spegazzini glaciares
Day9: From Argentina ( El Calafate ) to Chile ( Puerto Natales )
Day10: Puerto Natales : Balmaceda - serrano glaciares in Bernado O' Higgins park
Day11: Puerto Natales : Torres del Paine national park
Day12-13 : Puerto natales to Santiago ( Santiago-Valparaiso )
พอพูดถึงภูเขา ทุกคนก็ไม่แน่ใจว่าFull day Torres del Paine tripจะโหดเหมือน Mount Fitz Royหรือเปล่า สมาชิกเราบางคนเมื่อวานได้รองเท้ามาใหม่เรียบร้อย. ส่วนเราถุงน้ำใต้ฝ่าเท้าอันเกิดจากตอน Hiking Laguna de Los Tres trailในวันที่6ของการเดินทางก็ยุบไปเยอะ พร้อมแล้วที่จะเกิดถุงใหม่ ไม่ใช่ ไม่เอา พร้อมสำหรับการเดินทาง
วันนี้รถมารับเราช้าตามเคย . ช้าไป20นาที แต่วันนี้เราไม่ต้องไปเที่ยวรวมกับใคร private service จ้า ไกด์โผล่หน้ามาตัวนิดเดียว แอบคิดนี่ถ้าวันนี้โหดแบบวันที่แล้ว จะช่วยชั้นได้มั้ยหนอ. ทักทายพอประมาณก็ขึ้นรถ ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว เริ่มต้นเราจะมุ่งหน้าไปยัง Torres Del Paine national parkขึ้นทะเบียนเป็นมรกดโลกตั้งแต่ปี 1978
ระหว่างทางไป national parkซึ่งใช้เวลาประมาณ1ชม.จากโรงแรม เค้าก็แวะให้เราเข้าห้องน้ำ ตอนเราผ่านด่านชิลีก็ผ่านที่นี่แต่ไม่ได้แวะลง . ดูข้างนอกเหมือนสถานที่ร้าง.
แต่ข้างในเป็นร้านขายของที่ระลึกเยอะมาก และมีขนม ชากาแฟขาย พวกเราตังค์หมด เพราะshopไปเมื่อวานเย็นยังไม่มีใครแลก Pesoใหม่ เลยพอทำให้เราดับกิเลสไปได้บ้าง. เอาแค่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับเข้าห้องน้ำ. รอคนขับกับคุณไกด์หาอะไรอุ่นท้องไปพลางๆ ไม่งั้นเห็นผลัดกันซดชาMatteกันไปมา จนเรานึกว่าเป็นสารเสพติดซะแล้ว
แผนที่เส้นทางเดินรถน้ำเงินคู่และ hiking trail จุดประ เส้นที่คนนิยมtrekking คือ ( W ) ตรงกลางของแผนที่ ( แต่เราคงจะไม่แล้ว . เพราะใช้เวลาหลายวันในการเดินครบWเลย) ในTorres del paine national park ที่จำได้เราแวะถ่ายรูปใน parkประมาณสามจุดที่วงไว้ น้ำเงิน แดงและสุดท้ายtrailส้นๆประมาณ1-2 ชม.ที่ลูกศรสีเหลือง
ระหว่างทางเราเจอตัวGuanaco เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับ Alpacaในเปรู กับอูฐในบ้านเรา แต่อันนี้หูยาว. ไกด์บอกเจ้าตัวนี้คงจะซนเลยกระโดดออกมา นอกรั้วแล้วกลับไปไม่ได้ ทำให้มันผลัดกับฝูงที่อยู่ข้างใน
น่าสงสารเพราะถ้ามันอยู่เดี่ยวๆ ตกกลางคืนมันอาจจะกลายเป็นเหยื่อของเจ้าเสือ Pumaซึ่งมีอยู่ชุกชุมพอควรแถวนี้
ที่เหลือก็หาหญ้ากินกันไป ชาวบ้านไม่ค่อยชอบให้ตัวGuanacoอยู่ใกล้. มักจะคอยไล่มันไป เพราะมันกินหญ้าจุและกินเร็วกว่าสัตว์ที่ชาวบ้านเค้าเลี้ยงไว้
ไปอีกไม่ไกลคราวนี้เราเจอทั้งฝูงอยู่นอกรั้วเลยขอเข้าไปใกล้ๆ ท่าทางมันจะคุ้นชินเพราะใครผ่านมาก็ต้องแวะลงไปถ่ายรูป
แล้วจู่ๆคนขับก็เบรครถถอยให้เราเห็นเจ้านกกระจอกเทศปาตาโกเนีย ตัวน่าจะเท่าไก่งวงได้ เตี้ยมาก
ก่อนจะเข้าเขตNational park ก็แวะให้เราได้ถ่ายรุปกับ Laguna Amarga โดยมีกลุ่มภูเขา Torres del Paineเป็นฉากหลัง
ระหว่างถ่ายอยู่ๆเมฆก็เป็นรูปแสงพวยพุ่งมาจากหลังเขา ถ่ายรูปกันพักใหญ่ก็ไปต่อ
แล้วก็ถึงปากทางเข้า National parkแวะเข้าห้องน้ำเก็บภาพป้ายแล้วก็เริ่มเข้าเขตอุทยาน
ระหว่างทางก็จะผ่าน Lake Samiento Chico
แล้วก็ถึงจุด Salto Grande lookout (ในแผนที่คือวงกลมสีน้ำเงิน) จุดนี้ก่อนลงไกด์เตือน windy มาก ก็จริงแต่ละคนแทบไม่ต้องเดินลมพัดไปเองข้างหลังไกลๆไกด์บอกเป็นน้ำตก
แล้วก็ขับผ่าน lakeต่างๆมากมายสวยงามเพราะเขียวจริงๆ
ไกด์บอกว่ากลุ่มภูเขาที่นี่เกิดจากการดันตัวของMagma ขึ้นมา ( Magmaคือหินที่ละลายแต่อยู่ใต้ผิวโลก. แต่ Lavaคือพวกที่ปะทุขึ้นมาอยู่บนต่อผิวโลก )
แล้วพอมีหิมะมีglacierไปกัดเซาะก็เลยเกิดเป็นภูเขาหน้าตาเป็นแท่งๆ. กลุ่มภูเขา Torres Del Paineมีหลายลูกแต่ละลูกก็มีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น Granda horn North horn South horn ใครอยากรู้ก็ไปหาอ่านเอาละกันนะ
อีกจุดที่จอดให้ลงไปเก็บภาพคือ View point ตรงPehoe Lake( ในแผนที่จะเป็นวงกลมสีแดง) มีสะพานข้ามไปยังโรงแรมPehoe Hostelและร้านอาหาร ด้วยเราต้องเดินขึ้นมาจากถนนที่รถวิ่งประมาณ50เมตรเพื่อขึ้นมาถ่ายภาพมุมสูง
ดอกไม้ตรงบริเวณPehoe lake view point
แล้วก็แวะให้เราเข้าห้องน้ำที่พิพิธภัณฑ์เล็กๆก่อนถึงที่ร้านอาหาร
อารมณ์หิวเลยไม่ได้ถ่ายรูป จะเป็นร้านอาหารที่มีเมนูให้เลือกไม่มาก จากนั้นเค้าจะให้beepเรา พอมันดังก็ไปรับอาหาร เวลาไปให้ไปทั้งกลุ่ม. แล้วก็ไปเลือกเครื่องดื่ม เย็น ขนมหวาน และ ชากาแฟ ได้อีกอย่างละที่ เข้าห้องน้ำทานอาหารกันเรียบร้อยก็บอกไกด์ว่าเราพร้อมไปต่อ คราวนี้ไกด์บอกเราต้องเดินล่ะ. กำลังคุยกันอยู่ Torres del Paine ชิวๆ บ่ายของจริง แต่ไม่โหดเลย ( ถ้าฝนไม่ตกลมไม่แรง )
เริ่มจากเดินไปแบบป่าๆอย่างนี้ตอนแรกเราขอใช้poleช่วยลดแรงกดส้นเท้า ส่วนคนอื่นแข้งขาดีเลิศไม่ต้องใช้ตัวช่วย
แล้วก็มาถึงสพะานให้เดินไม่เกิน6คน ทั้งลมทั้งโยก ก็ต้องเชื่อฟังนะเกินหกตกน้ำไปโทษใครไม่ได้ด้วย
จากนั้นก็เดินไปตลอดทางเป็นกรวด เหมือนทะเลแยก ลมแรงฝนตก
ให้ดูแต่ละฟากของทางเดิน
แวะพักนิดเดินยากอยู่นะ หินๆ
ชื่นชมะรรมชาติบ้างไรบ้างระหว่างทางขึ้นไปถามไหล่เขา
ขึ้นถึงข้างบนล่ะ( ในแผนที่จะเป็นลูกศรสีเหลือง )glaciaes มัวๆข้างหน้าคือ Grey Glaciares ทะเลก็ชื่อเดียวกันมันสีเทาๆ เพราะแร่ธาตุต่างๆแถวนี้ อากาศไม่ดีมองไม่ค่อยเห็น พอยังไม่หายเหนื่อยแต่ไม่มีที่หลบฝน. เลยทำให้ต้องจำใจเดินลงกัน.
หนทางที่เดินกันมาและเราต้องเดินกันกลับ สอยไปทีละก้าวเดี๋ยวก็ถึง
ดื่มด่ำธรรมชาติข้างทางบ้างพอได้สดชื่นนิสนึง หลังจากถึงบริเวณที่เราทานอาหาร และเป็นที่เดียวกับที่เราจอดรถ ก็ได้เวลากลับ เพื่อไปยังที่เที่ยวในเมืองอีกที่ของPuerto Natales
ถึงแล้วถ้ำ Cueva del Milodon เป็นถ้ำที่พบซากกระดูกของสัตว์กินพืชยุคหมื่นกว่าปีที่แล้วและสูญพันธุ์เรียบร้อย
ทางเดินไปถ้ำทีแรกก็ดูราบเรียบ
แล้วก็เริ่มมีขึ้นๆลงๆ
ก่อนจะถึงหน้าผาเล็กๆ
รุปปั้นจินตนาการว่าหน้าตาน่าจะเป็นแบนี้ตามโครงกระดูกที่ขุดพบ
ปากทางเข้ามาในถ้ำ
ในถ้ำมีให้เดินไปอีกเยอะแยะ แต่พวกเราไม่ค่อย enjoyเลยขอจบถ้ำแค่นี้จากนั้นก็กลับโรงแรมกัน
ระหว่างทางเกือบจะหลับ ตกใจนึกว่ามีกายกรรมกลางแจ้ง.....
ถึงห้องอาบน้ำอาบท่าลมเย็นสบาย......พรุ่งนี้เราจะcheck outไปเมืองหลวงของชิลี Santiago. ไม่รู้จะเจอกับอะไร. เมืองนี้มีข่าวจราจลหลายเดือนก่อน...หวังว่าทุกอย่างคงราบรื่น
[CR] Patagonia(ปาตาโกเนีย) Day11
Day2: Buenos Aires / Northern part
Day3: BA to Ushuaia / Tierra del Fuego national park
Day4: Ushuaia / Beagle channel navigation and walk with penguin at Martillo island
Day5: Ushuaia - El Calafate - El Chalten
Day6 : El Chalten ( Cerro Fitz Roy / Laguna de Los tres )
Day7: El Chalten to El calafate / Perito Moreno Glaciares
Day8:El calafate / Upsala - Spegazzini glaciares
Day9: From Argentina ( El Calafate ) to Chile ( Puerto Natales )
Day10: Puerto Natales : Balmaceda - serrano glaciares in Bernado O' Higgins park
Day11: Puerto Natales : Torres del Paine national park
Day12-13 : Puerto natales to Santiago ( Santiago-Valparaiso )
พอพูดถึงภูเขา ทุกคนก็ไม่แน่ใจว่าFull day Torres del Paine tripจะโหดเหมือน Mount Fitz Royหรือเปล่า สมาชิกเราบางคนเมื่อวานได้รองเท้ามาใหม่เรียบร้อย. ส่วนเราถุงน้ำใต้ฝ่าเท้าอันเกิดจากตอน Hiking Laguna de Los Tres trailในวันที่6ของการเดินทางก็ยุบไปเยอะ พร้อมแล้วที่จะเกิดถุงใหม่ ไม่ใช่ ไม่เอา พร้อมสำหรับการเดินทาง
วันนี้รถมารับเราช้าตามเคย . ช้าไป20นาที แต่วันนี้เราไม่ต้องไปเที่ยวรวมกับใคร private service จ้า ไกด์โผล่หน้ามาตัวนิดเดียว แอบคิดนี่ถ้าวันนี้โหดแบบวันที่แล้ว จะช่วยชั้นได้มั้ยหนอ. ทักทายพอประมาณก็ขึ้นรถ ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว เริ่มต้นเราจะมุ่งหน้าไปยัง Torres Del Paine national parkขึ้นทะเบียนเป็นมรกดโลกตั้งแต่ปี 1978
ระหว่างทางไป national parkซึ่งใช้เวลาประมาณ1ชม.จากโรงแรม เค้าก็แวะให้เราเข้าห้องน้ำ ตอนเราผ่านด่านชิลีก็ผ่านที่นี่แต่ไม่ได้แวะลง . ดูข้างนอกเหมือนสถานที่ร้าง.
แต่ข้างในเป็นร้านขายของที่ระลึกเยอะมาก และมีขนม ชากาแฟขาย พวกเราตังค์หมด เพราะshopไปเมื่อวานเย็นยังไม่มีใครแลก Pesoใหม่ เลยพอทำให้เราดับกิเลสไปได้บ้าง. เอาแค่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับเข้าห้องน้ำ. รอคนขับกับคุณไกด์หาอะไรอุ่นท้องไปพลางๆ ไม่งั้นเห็นผลัดกันซดชาMatteกันไปมา จนเรานึกว่าเป็นสารเสพติดซะแล้ว
แผนที่เส้นทางเดินรถน้ำเงินคู่และ hiking trail จุดประ เส้นที่คนนิยมtrekking คือ ( W ) ตรงกลางของแผนที่ ( แต่เราคงจะไม่แล้ว . เพราะใช้เวลาหลายวันในการเดินครบWเลย) ในTorres del paine national park ที่จำได้เราแวะถ่ายรูปใน parkประมาณสามจุดที่วงไว้ น้ำเงิน แดงและสุดท้ายtrailส้นๆประมาณ1-2 ชม.ที่ลูกศรสีเหลือง
ระหว่างทางเราเจอตัวGuanaco เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับ Alpacaในเปรู กับอูฐในบ้านเรา แต่อันนี้หูยาว. ไกด์บอกเจ้าตัวนี้คงจะซนเลยกระโดดออกมา นอกรั้วแล้วกลับไปไม่ได้ ทำให้มันผลัดกับฝูงที่อยู่ข้างใน
น่าสงสารเพราะถ้ามันอยู่เดี่ยวๆ ตกกลางคืนมันอาจจะกลายเป็นเหยื่อของเจ้าเสือ Pumaซึ่งมีอยู่ชุกชุมพอควรแถวนี้
ที่เหลือก็หาหญ้ากินกันไป ชาวบ้านไม่ค่อยชอบให้ตัวGuanacoอยู่ใกล้. มักจะคอยไล่มันไป เพราะมันกินหญ้าจุและกินเร็วกว่าสัตว์ที่ชาวบ้านเค้าเลี้ยงไว้
ไปอีกไม่ไกลคราวนี้เราเจอทั้งฝูงอยู่นอกรั้วเลยขอเข้าไปใกล้ๆ ท่าทางมันจะคุ้นชินเพราะใครผ่านมาก็ต้องแวะลงไปถ่ายรูป
แล้วจู่ๆคนขับก็เบรครถถอยให้เราเห็นเจ้านกกระจอกเทศปาตาโกเนีย ตัวน่าจะเท่าไก่งวงได้ เตี้ยมาก
ก่อนจะเข้าเขตNational park ก็แวะให้เราได้ถ่ายรุปกับ Laguna Amarga โดยมีกลุ่มภูเขา Torres del Paineเป็นฉากหลัง
ระหว่างถ่ายอยู่ๆเมฆก็เป็นรูปแสงพวยพุ่งมาจากหลังเขา ถ่ายรูปกันพักใหญ่ก็ไปต่อ
แล้วก็ถึงปากทางเข้า National parkแวะเข้าห้องน้ำเก็บภาพป้ายแล้วก็เริ่มเข้าเขตอุทยาน
ระหว่างทางก็จะผ่าน Lake Samiento Chico
แล้วก็ถึงจุด Salto Grande lookout (ในแผนที่คือวงกลมสีน้ำเงิน) จุดนี้ก่อนลงไกด์เตือน windy มาก ก็จริงแต่ละคนแทบไม่ต้องเดินลมพัดไปเองข้างหลังไกลๆไกด์บอกเป็นน้ำตก
แล้วก็ขับผ่าน lakeต่างๆมากมายสวยงามเพราะเขียวจริงๆ
ไกด์บอกว่ากลุ่มภูเขาที่นี่เกิดจากการดันตัวของMagma ขึ้นมา ( Magmaคือหินที่ละลายแต่อยู่ใต้ผิวโลก. แต่ Lavaคือพวกที่ปะทุขึ้นมาอยู่บนต่อผิวโลก )
แล้วพอมีหิมะมีglacierไปกัดเซาะก็เลยเกิดเป็นภูเขาหน้าตาเป็นแท่งๆ. กลุ่มภูเขา Torres Del Paineมีหลายลูกแต่ละลูกก็มีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น Granda horn North horn South horn ใครอยากรู้ก็ไปหาอ่านเอาละกันนะ
อีกจุดที่จอดให้ลงไปเก็บภาพคือ View point ตรงPehoe Lake( ในแผนที่จะเป็นวงกลมสีแดง) มีสะพานข้ามไปยังโรงแรมPehoe Hostelและร้านอาหาร ด้วยเราต้องเดินขึ้นมาจากถนนที่รถวิ่งประมาณ50เมตรเพื่อขึ้นมาถ่ายภาพมุมสูง
ดอกไม้ตรงบริเวณPehoe lake view point
แล้วก็แวะให้เราเข้าห้องน้ำที่พิพิธภัณฑ์เล็กๆก่อนถึงที่ร้านอาหาร
อารมณ์หิวเลยไม่ได้ถ่ายรูป จะเป็นร้านอาหารที่มีเมนูให้เลือกไม่มาก จากนั้นเค้าจะให้beepเรา พอมันดังก็ไปรับอาหาร เวลาไปให้ไปทั้งกลุ่ม. แล้วก็ไปเลือกเครื่องดื่ม เย็น ขนมหวาน และ ชากาแฟ ได้อีกอย่างละที่ เข้าห้องน้ำทานอาหารกันเรียบร้อยก็บอกไกด์ว่าเราพร้อมไปต่อ คราวนี้ไกด์บอกเราต้องเดินล่ะ. กำลังคุยกันอยู่ Torres del Paine ชิวๆ บ่ายของจริง แต่ไม่โหดเลย ( ถ้าฝนไม่ตกลมไม่แรง )
เริ่มจากเดินไปแบบป่าๆอย่างนี้ตอนแรกเราขอใช้poleช่วยลดแรงกดส้นเท้า ส่วนคนอื่นแข้งขาดีเลิศไม่ต้องใช้ตัวช่วย
แล้วก็มาถึงสพะานให้เดินไม่เกิน6คน ทั้งลมทั้งโยก ก็ต้องเชื่อฟังนะเกินหกตกน้ำไปโทษใครไม่ได้ด้วย
จากนั้นก็เดินไปตลอดทางเป็นกรวด เหมือนทะเลแยก ลมแรงฝนตก
ให้ดูแต่ละฟากของทางเดิน
แวะพักนิดเดินยากอยู่นะ หินๆ
ชื่นชมะรรมชาติบ้างไรบ้างระหว่างทางขึ้นไปถามไหล่เขา
ขึ้นถึงข้างบนล่ะ( ในแผนที่จะเป็นลูกศรสีเหลือง )glaciaes มัวๆข้างหน้าคือ Grey Glaciares ทะเลก็ชื่อเดียวกันมันสีเทาๆ เพราะแร่ธาตุต่างๆแถวนี้ อากาศไม่ดีมองไม่ค่อยเห็น พอยังไม่หายเหนื่อยแต่ไม่มีที่หลบฝน. เลยทำให้ต้องจำใจเดินลงกัน.
หนทางที่เดินกันมาและเราต้องเดินกันกลับ สอยไปทีละก้าวเดี๋ยวก็ถึง
ดื่มด่ำธรรมชาติข้างทางบ้างพอได้สดชื่นนิสนึง หลังจากถึงบริเวณที่เราทานอาหาร และเป็นที่เดียวกับที่เราจอดรถ ก็ได้เวลากลับ เพื่อไปยังที่เที่ยวในเมืองอีกที่ของPuerto Natales
ถึงแล้วถ้ำ Cueva del Milodon เป็นถ้ำที่พบซากกระดูกของสัตว์กินพืชยุคหมื่นกว่าปีที่แล้วและสูญพันธุ์เรียบร้อย
ทางเดินไปถ้ำทีแรกก็ดูราบเรียบ
แล้วก็เริ่มมีขึ้นๆลงๆ
ก่อนจะถึงหน้าผาเล็กๆ
รุปปั้นจินตนาการว่าหน้าตาน่าจะเป็นแบนี้ตามโครงกระดูกที่ขุดพบ
ปากทางเข้ามาในถ้ำ
ในถ้ำมีให้เดินไปอีกเยอะแยะ แต่พวกเราไม่ค่อย enjoyเลยขอจบถ้ำแค่นี้จากนั้นก็กลับโรงแรมกัน
ระหว่างทางเกือบจะหลับ ตกใจนึกว่ามีกายกรรมกลางแจ้ง.....
ถึงห้องอาบน้ำอาบท่าลมเย็นสบาย......พรุ่งนี้เราจะcheck outไปเมืองหลวงของชิลี Santiago. ไม่รู้จะเจอกับอะไร. เมืองนี้มีข่าวจราจลหลายเดือนก่อน...หวังว่าทุกอย่างคงราบรื่น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น