ทริปนี้สอนให้รู้ว่า….จะไปไหนให้วางแผน



.     สวัสดีครับ….คุณเคยอยากเท่บ้างไหม ผมเป็นหนึ่งในคนที่อยากเท่ เคยเปิดอ่านบทความท่องเที่ยว แบบที่ว่าแพ็คกระเป่าคืนนี้ แล้วออกเดินทางวันพรุ่งนี้เช้าแบบไม่มีแผน..แมร่งโคตร Cool เลยอยากทำบ้าง จนเกิดมาเป็นความยิ้มของทริปนี้
.
.
 .     กลางเดือนมกราคม 2563 พี่รุ่งชักชวนไปวิ่งด้วยกันที่สัตหีบ เปิดดูปฏิทิน...อ่าวเห้ย ว่างนี่หว่า จัดปายยยยย !!!! แค่สัตหีบหลับตาเดินทางยังได้เลยใกล้แค่นี้ ขนาด เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สตูล สงขลา หนองคาย สระแก้ว ไกลๆทั้งนั้นยังไปมาหมดแล้วเลย กะอีแค่ชลบุรี จะไปเสียเวลาเตรียมตัวทำไม เชี่ยวชาญการเดินทางระดับนี้แล้ว


.
.
.     วันเดินทางเข้ามาใกล้  ผมไม่รู้สึกถึงความตื่นเต้น รู้ก็แค่กลับมาจะเขียนรีวิว คุยอวด อยากใครเขาบ้าง ว่าข้านี่ แพ็คกระเป๋าเดินทางอย่างมือโปรไม่ต้องวางแผน เดี๋ยวพี่จะโชว์ให้ดู
.
.
!!! ความซวยบทที่ 1 !!!!
.
.     เช้าวันออกเดินทาง ตื่นมาตีห้าอาบน้ำให้ชื่นใจ ระหว่างน้ำไหล ก็นั่งคิด เอ๋ๆๆๆๆ รถไฟที่ดูไว้มันมี 2 รอบ คือ รถด่วน (ต้องจองตั๋วล่วงหน้า) รถธรรมดา (ซื้อตั๋ววันเดินทาง) ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไปรถธรรมดาประหยัดดี แต่พอนึกดีๆ ยิ้ม วันเสาร์ อาทิตย์ มีแค่รถด่วน !!!!
ไม่รอช้ารีบโทรหาการรถไฟ  พี่ครับๆ ตั๋วไปพลูตาหลวง ยังมีเหลือไหมครับ : สวัสดีคะ มีคะเหลือที่เดียวนะคะ ถ้าจะไปก็รีบๆมาจร่ 
ไม่รอช้าใส่เกียร์หมาเดินไปขึ้นรถเมล์ยัง Slow life พร้อมความมั่นใจว่าแมร่งอยู่ให้ตรูแน่ ตรงดิ่งไปช่องขายตั๋ว ไม่ต้องสืบ ตั๋วหมด …..เอาไงละทีนี้เริ่มเท่ไม่ออก นั่งคิดอยู่สองอึดใจ ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า เลือกตั๋วไปฉะเชิงเทรา ถึงนั่นใครว่ากัน



………………………………………………...
รถไฟพาฉันมาถึงฉะเชิงเทราตอนเก้าโมง แวะทานข้าวเช้า พร้อมถามทางไป บขส.จังหวัด ก็ได้คำตอบว่าไม่ไกล เกือบๆหนึ่งโลเอง เดินโซซัดโซเซ ของพลุงพลัง จนถึงบขส.
……………………………………………..


!!! ความซวยบทที่ 2 !!!

.
.     พี่ครับพี่ ซื้อตั๋วไปสัตหีบที่นึง นานไหมพี่  : โอ้ยไม่นาน 40 นาที รถก็ออกแล้ว ……..เห็นไหมฝีมือระดับนี้ ไม่ต้องไปง้อการรถไฟก็ได้ เดี๋ยวนั่งรถตู้แปปเดียวก็ถึง  2 ชั่วโมงผ่านไป โซเฟอร์หน้าเมาๆเพิ่งเข้ามาบอกผมว่า ขึ้นรถเลยไอน้อง เดี๋ยวสักพักพี่ออกแล้ว   โอเค !!! ผมให้อภัย ช้านึดหน่อยเราไม่ว่ากัน จัดการขนสรรพภาระขึ้นรถเรียบร้อย
.
1 ชั่วโมงผ่านไป รถแมร่งเพิ่งจะออก เบ็ดเสร็จตรูรอ 3 ชั่วโมง เป็นเวลา เที่ยงตรง นี่ถ้าเสียสละเวลามาจองตั๋วก่อนล่วงหน้า ป่านนี้ไปนอนตีพุงอยู่ริมชายหาดไปนานละ
………………………………………
ผมเป็นคนนึงที่กลัวรถตู้มาก สาเหตุสามารถไปค้นหาในกูเกิ้ลได้ เพียงพิมพ์ รถตู้พลิกคว่ำ คุณจะเข้าใจอารมร์ผมทันที แต่โชคดี รถคันนี้น่าจะเป็นมรดกตกทอดมาจากสงครามโลก เพราะเหยียบได้ไม่เกิน 90 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง  สรุปการเดินทางมาสัตหีบระยะทาง 200 กิโลเมตรได้ ใช้เวลาไป 7 ชั่วโมง 
……………………………

!!! ความยิ้มบทที่ 3 !!!
.

.     เย้ๆ มาถึงสัตหีบแล้วครับบบ พี่รถตู้มาทิ้งผมไว้ริมถนนสุขุมวิท เส้นที่จะไประยอง  แต่ไม่ต้องกลัวคร้าฟฟฟ มีกูเกิ้ล Map เปิดดูเดินเข้าไปแถวชายหาด กิโลกว่าเอง สบ๊ายยย แดดตอนบ่ายสองไม่ร้อนเท่าไหร่รอกเนอะว่าไหม 


.
.
.     เดินไปหิวข้าวไปก็มาถึง อ่าวดงตาล เห้อออออ ถึงสักทีทะเลที่รัก ขอพี่นั่งกินลมให้ชื่นใจที ระหว่างรอพี่รุ่ง พาไปรับเสื้อวิ่ง  ที่แกบอกว่า อีกแปปเดียวก็ถึงแล้ว  ขอท้าวความนึดนึง พี่รุ่ง คือ คนหูหนวก ผมไปเจอกับพี่รุ่งที่งานวิ่ง พิษณุโลก หลังจากนั้นก็มีคุยกันตลอด จนกระทั่งแกชวนมาวิ่งงานนี้
.

1 ชั่วโมงผ่านไป พี่รุ่งก็ยังไม่มา จนผมไปซื้อผัดกะเพรามากินให้หายหิว ผมนั่งตากลมจนรู้สึกแสบตา
2 ชั่วโมงผ่านไป ยังไร้วี่แวว จนพี่นักวิ่งอีกกลุ่มที่เขานั่งกินเบียร์กันอยู่ข้างๆ สงสาร เรียกให้มานั่งคุยกับเขาได้ 

คุยเพลินจนลืมดูมือถือ คว้ามาดูอีกทีพี่รุ่งก็ทักมาใหญ่ว่าเราอยู่ตรงไหน แล้วความที่เราไม่สามารถโทรคุยกับเขาได้  ประกอบกับการพิมพ์แชทคุยกัน บางคำพูดคนหูหนวกเขาก็จะไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่เคยได้ใช้คำพวกนั้น จึงทำให้การสื่อสารยิ่งยากเข้าไปอีก กว่าจะเจอกันก็ล่อไปนู้น เกือบห้าโมงเย็น
.


………………………………
หมดไปหนึ่งวันเต็มๆ แบบที่แทบไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย แถมเหนื่อยสุดๆ เริ่มเห็นผลของการไม่เตรียมตัว วางแผนการเดินทางมาก่อนแล้วสิ แต่เดี๋ยวก่อนมันยังมีความ ชิหา….. รออยู่
……………………………….


!!!ความซวยบทที่ 4!!!
.

.     มาถึงสักทีจุดหมายปลายทาง ฐานทัพเรือสัตหีบ จุดปล่อยตัวงานวิ่งพรุ่งนี้ พี่รุ่งยื่นบิบมาให้เรา แกบอกว่าเป็นบิบเพื่อนแกเป็นคนหูหนวกเหมือนกันแต่ไม่ได้มา แกเลยมาให้ผมแทน แต่มีข้อแม้ว่า ผมต้องห้ามพูด เพราะเดี๋ยวคนให้บิบจะว่าเอา
.
.     เอาไงละที่นี้พูดก็ไม่ได้ แถมต้องมานั่งช่วยพี่แกขายขนมอีก 55555 แต่ความซวยมันอยู่ตรงนี้ จำกลุ่มพี่นักวิ่งที่ผมเจอตรงอ่าวดงตาลได้ไหม ใช่แล้วครับแกก็มางานนี้เหมือนกัน กล่าวทักทายผมอย่างเสียงดัง อ้าวเป็นไงบ้างน้องมาถึงแล้วอ่อ   ผมได้แต่พยักหน้าทักทาย เพราะตอนนี้กำลังรับบทพูดไม่ได้อยู่…...หายตายเถอะชีวิต รู้งี้สมัครวิ่งเองสบายใจกว่ากันเยอะเลย



……………………….
การเดินทางครั้งนี้ผมนำเต๊นท์มากาง แต่อย่างที่บอกครับ ยังไม่ได้วางแผนว่าจะกางตรงไหน คิดแต่เพียงว่า มันมีที่กางอยู่แล้ว แต่ลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ ที่อากาศมันจะดี เหมาะแก่การนอนได้ทุกพื้นที่ เพราะดูท่าอากาศคืนนี้น่าจะร้อน
………………………………

!!! ความซวยบทที่ 5 !!!
.
.
.    ไม่มีที่ซุกหัวนอน เอาไงดีละทีนี้ เดินวนดูหลายรอบ ยังไม่เจอจุดที่น่ากางเลย แถมผมเป็นคนขี้ร้อน ถ้าอากาศไม่ถ่ายเท รับประกันได้เลยว่า นอนไม่หลับชัวร์   เอาไงดี เอาไงดี เมื่อไม่ได้วางแผน ก็ต้องมาเริ่มกันใหม่ตอนนี้ละ ค้นหาจุดกางเต๊นท์เหมาะๆใน Map ก็เห็นว่าหาดนางรำอยู่ห่างออกไป 2 กิโลเมตร โดยคืนนี้มีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งสิ้น 3 คน คือ ผม พี่รุ่ง และเพื่อนพี่รุ่ง  ตัดสินใจกันอยู่นานกว่าจะรู้เรื่อง (ก็แน่ละคุยกันไม่ได้) สรุปเราจะเสี่ยงไปกางเต๊นท์กันริมชายทะเล ฮิฮิ้ววววววววววววว
.

.    สองทุ่ม ถ้าตามปกติเวลานี้ทุกอย่างควรลงตัวพร้อมให้ผมเริ่มเเข้านอน เพื่อเตรียมพร้อมวิ่งในเช้ามืดวันถัดไป แต่นี่ยังหาจุดกางเต๊นท์ไม่ได้เลย เราวนรถมอเตอร์ไซต์ของเพื่อนพี่รุ่ง ตะเวนริมหาด แต่ก็พบว่าหลายๆพื้นที่ไม่เปิดให้เรากางเต๊นท์ แต่ก็ยังโชคดีที่ใกล้ๆกับ สำนักงานทหารเรือ เขาพอให้เรากางได้ คืนนี้เราเลยรอดตาย แต่คิดค่าเช่าพื้นที่คนละ 100 บาท (ทหารหน้าเลือด)



…………………….
ผมรีบจัดแจ้งกางเต๊นท์ อาบน้ำ เตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้ ความกังวลเดียวที่มีคือกลัวการนอนไม่หลับ แต่ก็ค่อยยังชั่วที่ลมทะเลกล่อมให้ฉันหลับไหลไปกับเสียงคลื่นซัดชายฝั่ง
……………………………..

!!! ความซวยบทที่ 6 !!!!
.
.
.     เช้าแห่งวันแข่งขันวิ่งก็มาถึง วันนี้ผมลงระยะฮาฟมาราธอน 21 กิโลเมตร ระยะถนัด เพราะเคยลงแข่ง 3 ครั้ง ติดถ้วยรางวัลมาทุกครั้ง ครั้งนี้ก็หวังจะติดถ้วยอย่างแน่นอน  เสียงนกหวีดปล่อยตัวนักวิ่งดังลั่น ผมจ้ำเท้า อยู่ในตำแหน่งที่พอได้ลุ้นถ้วยรางวัล รักษาความเร็วไม่ให้เหนื่อยเกินไป แต่รู้สึกแปลกๆ หัวเข่าข้างซ้ายตึงตลอดเวลา ยิ่งวิ่ง ยิ่งตึง สัญญาณแห่งความซวยกำลังคงมาเคาะประตู
.

.   เข้ากิโลเมตรที่ 8 ผมมั่นใจแล้วละว่าอาการเจ็บเข่ามันจะไม่หายไป ผมเลือกได้ สองทาง คือฝืนวิ่งจนกับ กับสองคือ DNF ขอหยุดการแข่งขัน ซึ่งแน่นอนผมยังไม่อยากเอาความสนุกสนามต่อไปๆ มาทิ้งไว้แค่สนามนี้ ผมเลือกหยุด บอกเจ้าหน้าที่ว่าขอรถมารับกลับจุดปล่อยตัวด้วย
      รถไม่มี !!!! หะอะไรนะ ไม่มีรถพากลับ จะบ้ารึเปล่าวะ แล้วจะให้ตรูเดินกลับรึไง ก็ได้คำตอบว่ว เอางี้นะ เดี๋ยวน้องไปกับรถพยาบาล โดยรถพยาบาลจะขับปิดท้ายขบวนของคนสุดท้าย ซึ่งคนสุดท้ายเขาใช้เวลาวิ่งนู้น 3-4 ชั่วโมง พี่จะบ้าหรอให้ผมนั่งรอ 3-4 ชั่วโมงอีก ทริปนี้มันทริปแห่งการรอรึไงว่ะเนี้ย
ผมไม่เอาด้วยหรอก ผมกะยิ้มกะสนเดินกระเผงๆ มาตามทาง กะว่าถ้าแมร่งจะไม่มีรถ ตรูเดินกลับเองก็ได้วะ 10 กว่าโล ดีกว่าให้นั่งรอเปื่อยเป็นไก่ต้ม  แต่ก็ยังโชคดี เจอพี่ตากล้อง ก็เลยขอพี่เขาติดรถไปลงจุดเส้นชัยด้วย 



………………………………………………………..
ถึงแล้วเส้นชัย แต่รู้สึกเฟวๆหน่อย เพราะควรเป็นการถึงด้วยการวิ่งเข้ามารับถ้วยหล่อๆสิ แต่ทำไมคราวนี้ เดินเป็นไอเป๋ เข้ามาวะ แต่ช่างเถอะหาอะไรกิน เตรียมตัวกลับบ้านเราดีกว่า เหนื่อยมามากพอแล้วทริปนี้
…………………………………………


!!! ความซวยบทที่ 7 !!!
.
.
.     เหมือนเดิมครับ ขากลับก็ไม่ได้วางแผน ก็เลยต้องมานั่งหาข้อมูลเอาว่า กลับทางไหนจะปลอดภัยและเร็วสุด หวยก็มาตกที่รถ สวัสดิการทหารเรือ ไปลงสนามหลวง ฟังดูเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ตั๋วราคาถูก ความปลอดภัยไว้ใจได้ ดูรอบรถก็มีตลอด แต่เจือกไม่รู้ว่า เขาไปขึ้นรถกันตรงไหน ช่างเป็นท่ารถที่ลึกลับอะไรเช่นนี้
.
 
.    แต่ไม่ยากเกินไปหรอก ใช้สกิลถามคนพื้นที่แปปเดียวก็ได้คำตอบแล้ว หลังจากทำอะไรเรียบร้อย ก็บอกพี่รุ่งว่ารถจะออก 11 โมงนะ วานไปส่งหน่อย…..แต่ แต่ แต่ ไม่รู้การสื่อสารไปพลาดตรงไหน เพราะ พี่รุ่งบอกว่า ต้องขายขนมให้หมดก่อน ถึงจะไปส่งได้ โอเคคงไม่นาน
1 ชั่วโมงผ่านไป เป็นเวลา เก้าโมงครึ่ง ข้าพเจ้าก็ยังอยู่ที่เดิม นี่คือเหตุผลที่เราไม่ควร มีชีวิตอยู่ด้วยการต้องพึ่งพาคนอื่น แบบที่ไม่มีแผนสำรอง  เพราะคุณจะไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจใดๆ เหมือนผมในตอนนี้ ทำได้อย่างเดียวคือรอ รอ รอ รอ
.

.     10 โมงตรง ขนมขายหมดเกลี้ยง ได้เวลาออกรถ แต่ ยังมีแต่ รถจอดห่างจากจุดที่เราอยู่ 2 กิโลเมตรได้ กับสภาพขาเดี้ยงๆของข้าพเจ้า บวกกับลังขนมใบใหญ่ ที่เขามอบหมายให้ผม แบกไปเก็บที่รถ ครับคุณไม่มีสิทธิ์เลือก เมื่อในโอกาสที่คุณเลือกได้คุณไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้สิ่งที่ผมห่วงมีเพียงอย่างเดียวคือไปขึ้นรถไม่ทันรอบ 11 โมง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่