ค่ายไหนไม่มี 5G หรือไม่ชนะประมูล 5G ลูกค้าจะย้ายหนี 90% คำกล่าวนี้เวอร์เกินจริงมั้ย

กระทู้คำถาม
ถ้าพูดกันถึง 5G  หลายคนก็จะรู้แล้วว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีกว่า 4G ในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของความเร็วการใช้งาน ความเสถียร ความหน่วงที่ต่ำกว่ามาก ซึ่งทำให้ใครหลายคนรู้สึกอยากใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง 5G มากกว่า หากราคาโปรโมชั่น 5Gและราคาเครื่อง 5G เป็นราคาที่เขาสนใจ เขายินดีซื้อแน่นอน

   แต่ถ้าถามว่า หากค่ายไหนไม่มี 5G หรือแพ้ประมูล 5G  ลูกค้าจะแห่ย้ายหนีกันถึง 90% เลยมั้ย เพื่อไปหาค่ายที่ชนะประมูล 5G มั้ย ตอบยากเหมือนกันนะ

   มาดูสถิติจำนวนลูกค้า 3G และ 4G  ของ 2 ค่ายใหญ่อย่าง ais และ dtac
   ais เปิดบริการ 4G มาตั้งแต่ช่วงธันวา 58 จนมาถึงมกรา 63 เป็นเวลาได้ 4 ปีแล้ว มีลูกค้า 4G คิดเป็น 71% จำนวนลูกค้าทั้งหมดคือ 42 ล้านราย เท่ากับว่า ais มีลูกค้า 4G อยู่ที่ประมาณ 29.8 ล้านเลขหมาย  กว่าจะได้ลูกค้า 4G ถึง 71% ใช้เวลานานถึง 4 ปี
   Dtac เปิดบริการ 4G มาตั้งแต่กุมภา 57 จนมาถึงช่วงมี.ค. 62 นับเป็นเวลาราวๆ 5 ปี มีลูกค้า 4G อยู่ที่ 9.9 ล้านราย จากลูกค้าทั้งหมด 21 ล้านราย ลูกค้า 4G dtac คิดเป็นราวๆ 47% ของลูกค้าทั้งหมด เมื่อเปิดบริการ 4G มาได้นานประมาณ 5 ปีแล้ว

    จากตัวเลขที่กล่าวมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า มีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เร่งรีบกระยิ้มกระสนวิ่งหาใช้ของใหม่ๆเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายคนก็เลือกที่จะซื้อมือถือรุ่นใหม่เพื่อรองรับสิ่งใหม่ๆในช่วงเวลาที่เขาพอใจและต้องการจะซื้อ ทั้งๆที่หลังจากจบการประมูล 900 รอบ 2 ปี 59 ไม่นาน ก็มีเครื่องรองรับ 4G ราคาไม่เกิน 3,000 บาทมาให้ลูกค้า ais ได้ใช้แล้ว เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องอาศัยระยะเวลาปรับเปลี่ยนตัวมันเอง

    ยุคต่อไป ยุค 5G คงใช้เวลานานกว่ายุค 4G แน่ กว่าที่จะให้แต่ละค่ายมีลูกค้า 5G เกินกว่า 70% เพราะเครื่อง 5G ที่ออกสู่ตลาดตอนนี้ราคาแพงมากอยู่ ความรู้สึกของผู้ใช้บริการ 4G ก็ยังรู้สึกว่า 4G ใช้งานได้คล่องตัวอยู่ 5G ไม่จำเป็นเท่าไร ซึ่งต่างจากยุค 3G มาก ที่ผู้ใช้บริการ 3G ส่วนมากรู้สึกว่า 3G ที่ใช้อยู่ช้าเหมือนเต่า ขอให้ได้ใช้ 4G ไวๆเถอะ

   คิดว่า 5G คงใช้เวลาซัก 6-7 ปี กว่าที่จะให้แต่ละค่ายมีลูกค้า 5G เกินกว่า 60% ราวปี 69-70 นั่นแหละ
   และต่อให้ค่ายไหนมี 5G ซึ่งมีความเร็วในการใช้งานมากกว่า 4G ประมาณ 5-10 เท่าตามที่โฆษณาไว้ ก็คงไม่สามารถทำโปรเน็ต 5G ที่มีความเร็วเน็ตมากกว่า 4G ราว 5-10 เท่าออกมาให้ลูกค้าใช้งานได้จริง
   ถามว่า เป็นเพราะอะไรที่กล่าวเช่นนี้
ยกตัวอย่างว่า ทุกวันนี้แต่ละค่ายมีโปร 4G เร็ว 10 mbps ความเร็วเน็ต 10 mbps ที่ว่านี้ก็วิ่งอยู่บนคลื่น 1800/2100/2300 ซึ่งทั้ง 3 คลื่นนี้มีความเร็วในการใช้งานที่ใกล้เคียงกันและความครอบคลุมสัญญาณที่ไม่ค่อยต่างกัน สามารถทดแทนกันได้ในแต่ละพื้นที่
    แต่ถ้าสมมติว่า ทำโปร 5G ซึ่งมีความเร็วเน็ตมากกว่า 4G อย่างเช่นโปร 5G เร็ว 50 mbps เล่นได้ไม่อั้น บนคลื่น 700/2600 หรือ 700/3500
     ความแตกต่างและคุณสมบัติของคลื่นในเรื่องความเร็วและความครอบคลุมนั้นต่างกันมาก
   คลื่น low band 700 ส่งสัญญาณได้ไกลทะลุสิ่งกีดขวางดี กว้างแค่ 10 mhz ทำความเร็วได้น้อย
   คลื่น mid band 2600/3500 ที่แต่ละค่ายจะได้ น่าจะมีความกว้าง 60-100 mhz ซึ่งก็อาจจะทำความเร็วอยู่ในช่วง 600-1500 mbps แต่ส่งสัญญาณได้ระยะใกล้ๆ

    คลื่นหลักที่จะมาทำโปร 5G ระดับ 50 mbps ขึ้นไป ก็คงเป็นคลื่น 2600 และ 3500 ซึ่งมีความกว้าง 60-100 mhz ซึ่งส่งสัญญาณได้ระยะทางสั้น ผ่านกำแพงยาก พอพ้นรัศมีสัญญาณคลื่น 2600/3500 แล้ว ความเร็วเน็ตที่บอกไว้ตามโปร ก็จะห่างไกลจากที่โฆษณาไว้ตามโปรเยอะทีเดียว อาจเหลือเพียง 25 mbps หรือต่ำกว่านี้อีก
   ส่วน 5G 700 ที่กว้าง 10 mhz ก็ไม่สามารถทำความเร็วทดแทนคลื่น 2600/3500 ได้อยู่แล้ว ที่ดูจากข้อมูลเปรียบเทียบ 5G 700 จะเร็วกว่า 4G 700 เพียงแค่ 30% ได้ 
   ถ้า 4G 700 และ 5G 700 วิ่งบนความกว้างคลื่นที่เท่าๆกัน
4G 700 จะวิ่งราวๆ 150 mbps  
5G 700 ก็วิ่งราวๆ 200 mbps ใกล้เคียง 4G 3CA นั่นแหละ
https://www.soyacincau.com/2020/01/12/tm-5g-sa-700mhz-streamyx-solution/

   คลื่น 700 นี้เป็นคลื่นที่ส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด ส่วนคลื่น 2600,3500 ก็จะส่งสัญญาณได้ในระยะทางสั้นๆครอบคลุมพื้นที่เป็นหย่อมๆไป พอพ้นรัศมีสัญญาณ 2600/3500 ความเร็ว 5G ที่เร็วกว่า 4G 5-10 เท่า ก็จะไม่เป็นอย่างโฆษณา

   เพราะฉะนั้น หากแต่ละค่ายต้องการทำโปร 5G ก็ต้องดูศักยภาพคลื่น 700 เป็นหลักว่าทำความเร็วได้แค่ไหน ซึ่งเท่าที่ดูก็เท่า 4G 3CA ในตอนนี้หรือต่ำกว่าอีก
   ถ้าเป็นเช่นนี้ ในความเป็นจริง คงจะทำโปร 5G ให้เน็ตเร็วขึ้นได้ประมาณ 2-2.5 เท่าจากโปร 4G เท่านั้น
   สมมติโปร 4G เร็ว 10 mbps
ก็คงทำโปร 5G ได้เร็วราวๆ 20-25 mbps ไม่น่าทำได้ถึง 50-100 mbps อย่างที่ใครหลายคนนึกฝันไว้ 
   หากใครทำโปร 5G ระดับความเร็ว 50 mbps ขึ้นไป คงโดนด่าว่าโฆษณาหลอกลวง

  แล้วอีกอย่างหนึ่ง ความเร็วการใช้งานเน็ตมีผลต่อการตัดสินใจย้ายค่ายขนาดไหน ก็พอจะมีตัวอย่างจาก next G ของ ais ให้เห็นมาแล้วบ้าง ซึ่งเป็น 4G+wifi ที่มีความเร็วราวๆ 300/100  mbps ขึ้นไปก็จัดว่าได้ความเร็วการใช้งานที่เหนือกว่า 4G อยู่เยอะพอสมควร มีคนบางกลุ่มได้ย้ายค่ายมา ais เพราะ next G เหมือนกัน ต่อไปหาก 5G ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ก็คงดึงลูกค้าให้ช่วยย้ายค่ายได้มากกว่า next G หากผู้ใช้บริการชอบเน็ตเร็วๆแรงๆ

   แต่สิ่งที่ผ่านมา ที่ดึงดูดลูกค้าได้ดีกว่า next G คือโปร 4 และ 10 mbps เล่นได้ไม่จำกัด แสดงว่าปัจจัยหลักที่ลูกค้าตัดสินใจเลือกใช้งาน คือ ความคุ้มค่าและราคามากกว่าอย่างอื่น การลงทุนขยายโครงข่าย 5G จึงน่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ พิจารณาตามความคุ้มค่าการลงทุนและความสนใจของผู้ใช้งาน

  ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่เข้ามาช่วยเติมความเร็วแรงของ 5G ให้สมบูรณ์ ก็คงจะเป็น wifi 6 หรือ 5 ก็ได้ เพราะเวลาเข้าบ้านไปก็เจอกำแพงกีดขวาง จะใช้งานเน็ต 5G ได้เร็วเหมือนอยู่นอกบ้านหรือเปล่าไม่รู้ น่าจะดรอปไปเยอะพอสมควร ถ้าได้เน็ตบ้านความเร็วซัก 100 mbps ขึ้นไป ก็คงชดเชยความเร็วเน็ต 5G ได้อยู่ เพราะฉะนั้น โปรยุคต่อไป คงให้ความสำคัญกับโปรเน็ตมือถือ 5G+เน็ตบ้าน wifi 5/6 มากทีเดียว  5G ไว้เน้นการเล่นนอกบ้าน  wifi 6 หรือ 5 ก็ได้ ไว้เล่นในบ้าน

   ส่วนคลื่นที่นำมาทำ 5G ก็ส่อแววว่า คงทำ 5G ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่เกิดบริการที่มีคุณภาพที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น เพราะคลื่น 2600 mhz จำนวน 190 mhz มีคนเข้าประมูล 3-4 เจ้า หากมีคนเอา 2600 อยู่ 3 เจ้า ก็ต้องแบ่งปันไปเจ้าละประมาณ 60 mhz อาจมีค่ายนึงได้ 70 mhz เท่ากับได้คลื่นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน 5G ซึ่งแต่ละค่ายควรได้คลื่นกว้าง 80-100 mhz 

  ถ้าจะทำให้ดี ควรให้แต่ละค่ายได้คลื่นกว้าง 100 mhz ไปเลย หากแต่ละค่ายได้คลื่นกว้าง 100 mhz ไป ก็จะทำให้เกิดการบริการ 5G กันอย่างเต็มประสิทธิภาพ ลูกค้าก็จะได้บริการที่มีคุณภาพดีไปด้วย

  นี่ทำการประมูลคลื่น 5G ดูหยุมหยิม หยิบโหย่ง แบ่งคลื่นกันไปอย่างไม่ได้มาตราฐาน 5G ไม่พยายามทำให้เกิด 5G ที่มีคุณภาพที่ดีจริง เกิดบริการที่ดีจริง  ไม่ได้นึกถึงผู้ประกอบการ ไม่ได้ผู้ใช้บริการ เหมือนกับมองได้แค่ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับคนบางกลุ่มมากกว่าคนจำนวนมาก

   จริงๆถ้าอยากได้ตังค์กันมาก ก็บวกราคาที่ตั้งต้นประมูลคลื่นไปซัก 15-20% ก็ได้ แล้วให้แต่ละค่ายประมูลคลื่นในช่วง mid band อย่าง 2600,3500 คลื่นใดคลื่นหนึ่ง ไม่เกิน 100 mhz(หรือ 2 คลื่นก็ได้ตามกำลังทุน) ถ้าแต่ละค่ายได้คลื่น mid band กว้าง 100 mhz ในคลื่นเดียวเลย ก็สามารถลงทุนให้มี 5G ประสิทธิภาพที่ดีกว่าแน่นอน ผู้ใช้บริการก็ได้ใช้สิ่งที่มีคุณภาพดีตามไปด้วย ให้รู้จักคิดถึงผู้ใช้บริการกันมากๆบ้าง

  ภาพการประมูล 5G ที่ดี น่าจะออกมาเป็นดังนี้ 
ค่ายแรกที่มีทุนหนา ได้คลื่น 2600 กว้าง 90 mhz และ 3500 mhz กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 2 ได้คลื่น 2600 กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 3 ได้คลื่น 3500 กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 4 NT ได้คลื่น 700 กว้าง 10 mhz ได้คลื่น 1800 กว้าง 20 mhz ได้คลื่น 3500 กว้าง 100 mhz

  ถ้าภาพรวมออกมาลักษณะนี้ ก็จะทำให้เกิดผู้ประกอบการบริการได้เต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ดี ส่วนภาครัฐก็ได้เงินมากอยู่แล้ว ไม่ใช่ทำอย่างที่ผ่านมา ให้ผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนสูง บริการ 5G ได้ไม่เต็มเต็มประสิทธิภาพ ภาระค่าใช้จ่ายก็มาตกที่ประชาชน รัฐบาลชุดนี้ที่ผลักดัน 5G โดนต่อว่าเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาเยอะแล้ว ยังจะหาเรื่องให้โดนต่อว่าเพิ่มขึ้นอีก ก็น่าจะหาทางให้เปิดบริการ 5G ที่ดีที่มีคุณภาพกว่านี้
   ประมูล 5G ภารกิจเพื่อชาติ กสทช.ผนึกรัฐบาล “บีบ” ค่ายมือถือ
https://www.prachachat.net/ict/news-416114
   ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้โจทย์ 5G ปชช.ต้องได้ประโยชน์ แนะระวังต้นทุนสูง-คุณภาพต่ำ
https://www.matichon.co.th/economy/news_1049213

  ที่ตั้งคำถามแต่ทีแรกว่า ถ้าค่ายไหนแพ้ประมูล 5G หรือไม่ได้คลื่นมาทำ 5G ในวันที่ 16 ก.พ.นี้จะเป็นอย่างไร ลูกค้าจะแห่ย้ายหนีมั้ย คำตอบก็คือ ทุกค่ายที่มาประมูลสามารถชนะประมูลกันหมดอยู่แล้ว เพราะจำนวนคลื่นที่ออกมาประมูลมีมากกว่าจำนวนค่ายที่เข้าประมูล  เพียงแต่ใครจะได้คลื่นอะไรไป  ได้ไปกว้างกี่ mhz แบกรับต้นทุนเท่าไร เอาไปให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพขนาดไหน ลูกค้าแต่ละค่ายจะได้ใช้ของดีแค่ไหน ทั้งหมดนี้ก็ต้องคอยดูกันต่อไป
  
  หุ้นสื่อสารขึ้นกันหมดอยู่แล้วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ พอจบประมูล 5G ซักพักจนถึงระยะยาว น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเยอะทีเดียว

  ก็ดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร 5G บ้านเราจะเป็นอย่างที่โฆษณากันไว้ได้ขนาดไหน
   5G แบบไม่ขายฝัน
https://youtu.be/ELXXQAjO_gY
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่