หมดกำลังในการลดน้ำหนักค่ะ บางทีก็เคยคิดอยากหายไปเฉยๆ เก็บตัวไม่กล้าออกไปเจอเพื่อนๆญาติๆคนรู้จักเลย อายรูปร่างตัวเอง

เริ่มต้นเลยนะคะ เราขอเกริ่นไว้ก่อนว่าไม่ใช่คนที่มีความคิดดีเลยค่ะ อาจจะถือว่าแย่มากๆเลยด้วย ตั้งใจตั้งกระทู้ปรึกษาเผื่อจะมีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญหรือเพื่อนๆที่มีประสบการณ์และเข้าใจเรามาช่วยกันค่ะ กลัวโป๊ะมากๆค่ะ..แต่ไม่รู้จะคุยกับใครแล้วจริงๆ

จุดทั้งหมดน่าจะเริ่มจากช่วงม.2ค่ะ ปกติเราเป็นคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนมาตลอด จนกระทั่งตอนนั้นน้ำหนักมันขึ้นมา53.8 ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่ที่รรปกติจะเขียนน้ำหนักไม่ตรงตามจริงอยู่แล้ว เราเขียนไปว่า52.9ค่ะ .. เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันมาเห็น แล้วเอาไปล้อว่าเราอ้วนค่ะ
ใส่ข้อความ สูง163ค่ะ
 จากนั้นเราก็รู้สึกว่าเป็นปมด้อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 เลยงดทุกอย่างพวกขนมน้ำอัดลม ลงมาได้ราวๆ48.9ค่ะ
หลังจากนั้นไม่ได้เกิดไรขึ้นค่ะ เราเป็นคนปกติไม่โดดเด่นไม่คิดว่าตัวเองสวย ไม่มั่นใจเรื่องขาเพราะรู้สึกว่าตัวเองขาใหญ่ตลอด สิ่งเดียวที่ภูมิใจคือเอวค่ะ เพราะขนาดวัดนอกเสื้อนักเรียน+ทับขอบกระโปรงยังได้น้อยกว่า60ซม.
ใส่ข้อความ เราภูมิใจเพราะเอวเราเล็กกว่าคนที่น้ำหนักน้อยมากๆๆค่ะ เพื่อนคนนั้นสูง160แต่หนักแค่40 ..แต่สะโพกเราใหญ่ค่ะ เกือบ36นิ้วเลย เราเป็นคนมีเอวค่ะ ส่วนเพื่อนจะหุ่นตรงๆ .. นอกจากนั้นนิสัยเสียอีกอันที่แก้ไม่ได้คือ จะมองวิเคราะห์และเปรียบเทียบขาของตัวเองตลอดค่ะ เพราะเป็นส่วนที่ไม่มั่นใจมากที่สุด บ้างก็เปรียบเทียบว่าเขาใหญ่กว่ากล้าใส่รัดๆสั้นๆโชว์ได้ไง หรือไม่ก็อิจฉาคนที่ขาเล็กๆ ยิ่งถ้าคนขาเล็กพวกนั้นเอวใหญ่หรือไม่มีเอวก็จะแอบเยาะค่ะ .. เหมือนพยายามกลบจุดด้อยตัวเอง ทำให้ตัวเองรู้สึกดีหรือสูงขึ้นโดยการกดคนอื่น อยากแก้ตรงนี้มากๆค่ะ รู้สึกเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้มากเลย
 จนกระทั่งไปเรียนตปทค่ะ

พอไปที่นู่น ทุกอย่างกลับกัน สไตล์การแต่งตัวเราจะเน้นขาบานรัดเอวตามสรีระค่ะ..และคนที่นู่นมีแต่อิจฉา บอกเราหุ่นดี ทีนี้เราก็เหลิง ซัดแหลกไม่ยั้ง ซีเรียลกล่องใหญ่ๆสองพันแคลหมดในสองถึงสามวัน ขนมทุกมื้อ ขนมปังกระเทียมของโปรดก็ต้องเบิ้ลซักหน่อย น้ำหนักขึ้นไปถึง54.5ในเดือนกว่าค่ะ ก่อนหน้านั้นไม่เคยชั่งจนกระทั่งเอะใจว่ากางเกงเริ่มแน่นขึ้น เลยไปยืมตาชั่งของเพื่อนมา ..ช็อคสิคะ คือมันเยอะกว่าตอนที่เราคิดว่าอ้วนมากๆอีก ขึ้นมา7โล (ไม่กล้าชั่งต่อค่ะแต่คิดว่าขึ้นแน่เพราะยังไม่หยุดอะไรเยอะ)

หลังจากนั้นเรากลับมาช่วงปีใหม่ ลดขนมลงแต่ไม่ออกกำลังกาย ลงไป52.3ค่ะ ไม่ได้ดีใจอะไร แต่ก็ไม่ได้เสียใจ..แค่เศร้าว่าอ้วน ตอนนั้นก็ไม่กล้าไปเจอเพื่อนเก่าค่ะ กลัวโดนทัก .. กลับไปที่นู่นตอนเปิดเทอมใหม่อีกที รอบนี้กลับตัวเองค่ะ พอดีก่อนหน้านั้นเคยเสิร์ชเน็ตหาวิธีออกกำลังกาย ได้เป็นว่ากระโดดเชือกทุกวันค่ะ..แรกๆก็แค่10นาที ต่อมาก็เป็น15ค่ะ และบวกกับท่าวอร์มมั่วๆประกอบจังหวะเพลงของเรา กับซิตอัพวันละ100ที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ออกแบบมีความสุขค่ะ สามเดือนลดมาเหลือ46 ดีใจค่ะเพราะเลยเป้าหมายเดิมที่ขอแค่ไม่เกิน50 แต่กลับกลายเป็นว่ามันทำร้ายตัวเอง เราคิดว่าเรายังไม่ผอม คิดว่าตัวเองขาใหญ่ ยิ่งลดเหมือนจะดีใจแต่กลับเครียดว่ามันจะขึ้น ชั่งน้ำหนักทุกครั้งหลังมื้ออาหารและการเข้าห้องน้ำ ปากบอกว่าพอใจหยุดลดแล้วแต่จริงๆก็เครียดตลอดว่าจะรักษาตัวเลขนี้ต่อไปยังไง แต่นี่แค่ขั้นเบาๆค่ะ
กลับไปอีกรอบตอนช่วงซัมเมอร์ของเขา เราเริ่มกลับมากินตามปกติแบบแตะขนมนิดหน่อย แต่จะกินพวกเลย์ไม่ได้เลยเพราะรู้สึกขยาดตัวเอง ช่วงนี้ไม่ได้ออกกำลังกายแล้วค่ะ น้ำหนักลดไป43.38
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 จุดพีคของเราเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่กลับกลายเป็นว่าดันส่งนิสัยแย่ให้เราซะงั้น.. กลับไทยมาช่วงปลายมิถุนาเรากลายเป็นคนชอบกินโชว์ค่ะ ชอบอสดหน้ากล้องหรือตอนไปเจอเพื่อนว่ากินได้เยอะเป็นคนกินไม่อ้วน แต่เรารู้ดีค่ะว่าไม่ใช่และลับหลังเพื่อนๆก็จะทำอีกแบบค่ะ ภูมิใจมากเวลาคนอิจฉาบอกเราโชคดีกินไม่อ้วน แต่จะทุกข์มากถ้าเห็นคนอื่นกินน้อยกว่าเรา จะพยายามขุนให้กินเยอะๆแบบชั้นกินแกกิน มีความสุขค่ะเวลาเห็นคนผอมๆอ้วนขึ้น และยิ่งมีความสุขมากๆถ้าเกิดคนนั้นเคยผอมกว่าเราแล้วกลับกลายมาเป็นอ้วนกว่า

เราทำแบบนั้นมาสองเดือนกว่าไม่ขึ้นเลยค่ะ คงเพราะกล้ามเนื้อช่วย เราเลยยิ่งเหลิง .. กลับมาตปทรอบนี้ย้ายรรค่ะ คนทุกคนที่เจอคือคนใหม่ที่ไม่เคยเห็นตอนเราอ้วน แต่ละคนคือบอกเราผอมมาก เรากินโชว์ค่ะ ทุกคนแปลกใจว่าทำไมกินเยอะไม่อ้วน และเราก็ดีใจ ..แบบว่าเบิ้ลขนมตลอดค่ะ ไม่เคยต่ำกว่าสองครั้งต่อมื้อ

น้ำหนักเราขึ้นค่ะภายใน2-3วัน ขึ้นมา46 เครียดค่ะ ช็อค ลองไปออกกำลังที่ยิมเพราะรรนี้มียิมให้เล่น ไปได้ไม่ถึงสี่วันค่ะ เลิก กลับมาชั่งมันไม่กลับไปเท่าเดิม..เครียด ว่าทำไมไม่กี่วันขึ้นมาเยอะ แต่ไม่กี่วันทำไมไม่ลงไปเท่าเดิม เราเริ่มกินเยอะกินจุกจิกหลังสายตาผู้คนค่ะ น้ำหนักก็ขึ้นมาเรื่อยๆ.. 48 50 53 54 55 56 57 ..จนเกือบ58 (ทั้งหมดนี่ชั่งในตอนเช้านะคะ) จากเดิมที่ขึ้น7โลแล้วเราพีค รอบนี้ขึ้นมาดับเบิ้ลค่ะ..14 ท้อค่ะ บอกเลย
เหมือนกับว่าเรารู้ว่าถ้าหยุดทั้งหมดก็คงจะลด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 เลยยัดเข้าไปเรื่อยๆค่ะ ทั้งขนมถุงวันละ7 ช็อกโกแลตสำหรับแบ่งกินใน1วัน ถั่ว ป็อปคอร์น ขาไก่ อัดมาหมด เครียดมากเวลาเห็นรูปร่างตัวเอง จากหน้าท้องแบนเรียบก็เป็นพุงโตๆยื่นออกมา ใส่อะไรก็ไม่สวย เสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยนแนวเพราะแนวเอวคอดขาบานแบบเดิมก็ใส่ไม่ได้แล้วเพราะเอวเริ่มไม่มี
ใส่ข้อความ เพิ่มไปสี่นิ้วได้ค่ะ ตอนนี้ไม่กล้าวัดต่อ แต่ขาก็เบียดตามเดิมแล้ว เวลาถ่ายรูปก็ไม่สวยเห็นเหนียงเห็นแก้ม เครียดมากๆ แม้จะลองใส่พวกกางเกงรัดพุงแต่มันก็ไม่ช่วยเลย

 พยายามจะลดแต่ก็ทำได้ไม่เกินรอบละสองสามวันละก็จะกินเยอะมากเพราะเหมือนโหย หรือไม่ก็พอชั่งแล้วมันลดมาครึ่งโล ก็จะเหลิงกินเยอะวันต่อมาชั่งขึ้นมาสองโลแทน เป็นวงจรอุบาทว์ค่ะ
เคยมีความคิดว่าอยากหายไปจากโลกนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยบอกใครเลยนอกจากพ่อแม่ในรอบหนึ่ง เราศึกษามาซักพักตั้งแต่เมนส์หายไปได้ราวๆสามเดือนค่ะ พบว่าเอี่ยวกับโรคกลัวอ้วน..ไม่อยากยอมรับค่ะ แต่อาการตรงเยอะมาก ทั้งมีขนอ่อนขึ้นเยอะ ยึดติดกับเครื่องชั่ง ยิ่งลดยิ่งเครียด นับแคลอรี่ในทุกอย่าง มือสั่นในบางที แต่ไม่เคยกล้ายอมรับค่ะว่าเป็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนกระทั่งเรากินเยอะ เสิร์ชเจอโรคกินเยอะ และหนึ่งในสาเหตุคือมาจากโรคกลัวอ้วน เรากลัวมากๆ..แต่ก็ตรงหมดเลย เอี่ยวอีกคือเมนส์ไม่มา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และอาการสำคัญคือกินเยอะหยุดไม่ได้ แต่ไม่กล้ากินให้คนอื่นดูทั้งหมดเพราะอาย จะกินอยู่ในห้องคนเดียว และจะรู้สึกผิดทุกครั้งที่กินมากเกินไปแต่ก็ยังกินต่อ เราตัดสินใจบอกพ่อแม่ตอนช่วงก่อนปีใหม่ที่ผ่านมาค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 โดยการส่งรายละเอียดโรคทั้งสองให้ดู แค่รอบเดียวค่ะ..ทั้งสองเหมือนไม่เข้าใจpurposeของเรา เราเลยตัดใจไม่ส่งไปอีกและเลี่ยงคุยเรื่องนั้น
ใส่ข้อความ ปกติจะสนิทกับพ่อแม่มากค่ะ มากจริงๆ คือเพื่อนตายในชีวิตมีแค่พวกเขาเลย

ที่เราเอาเรื่องทั้งหมดมาเล่า เพราะอยากปรึกษาค่ะ ไม่รู้จะไปถามใคร เพราะจะไปหาหมอก็ไปคนเดียวไม่ได้ บอกพ่อแม่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ จะโทรก็โทรไม่ได้อีกเพราะอยุ่ตปทการโทรข้ามประเทศมันแพง เลยเอามาลงต่อในนี้ เผื่อใครจะช่วยแนะนำหรือจิตแพทย์ท่านไหนจะมาเห็น เพราะเราก็อยากหายเหมือนกัน แต่ขอร้องนะคะ ถ้าใครจะเข้ามาตอบแบบสมน้ำหน้าหรือเยาะเย้ยเราขอเลย เราเครียดมากจริงๆและไม่ได้สนุกด้วย ใจเขาใจเรานะคะ ..เรื่องนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับคุณ แต่สำหรับเรามันยากมากเลยในการจะหอบร่างแบบนี้ไปเจอคนอื่น กลับไทยไปรอบล่าสุดคือเลี่ยงการเจอเพื่อนที่สุดเลยค่ะ ออกไปห้างทีต้องใส่หน้ากากเพราะกลัวเจอคนรู้จักจำได้แล้วทัก กลัวมากๆ

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่เข้าใจและให้คำปรึกษามาล่วงหน้าจริงๆนะคะ จากใจจริงเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่