อยากแชร์เรื่องแชร์ประสบการณ์ในการเดินทางเมื่อเดือนมีนาปีที่แล้ว 2019 ไปนาโกย่า (ปกติผมเดินทางคนเดียวตลอด) ผมทำกระเป๋าใบยาวหล่นหายแบบไม่รู้ตัวซึ่งในนั้นมีพาสปอร์ต เงินสด บัตรต่างๆนาๆ (ไม่ได้แยกเงินแยกกระเป๋า) หล่นแบบไม่รู้ตัวในแท๊กซี่เนื่องจากมีเสื้อผ้าบางส่วนอยู่ในเป้ด้วยทำให้เป้แน่นเต็ม ถามว่าทำไมต้องขึ้นแท๊กซี่เพราะโดยส่วนตัวถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะพยายามเลี่ยงการขึ้นแท๊กซี่ญี่ปุ่น (เพราะมันแพงบวกกับที่พักจะพยายามเลือกไม่ไกลจากสถานีรถไฟหลักๆในแต่ละเมือง) แต่ ณ ตอนนั้นคือเดินหายังไงมันก็ไม่เจอบวกกับเพิ่งไปโซนนาโกย่าครั้งแรก (มารู้ตอนไปถึงว่าที่พักอยู่ในซอย) พอเดินเข้าไปที่ reception อารมณ์ประมาณว่าเด่วขอฝากกระเป๋าไว้ก่อนนะเพราะมีเช็คอินตอนห้าโมงเย็น พอเปิดเป้ดูเท่านั้นแหละใจหายว๊าบเลยว่ากระเป๋าตังค์หาย (ซึ่งแอบคิดในใจว่าหล่นในแท๊กซี่แน่ๆ) หัวหน้าพนักงานต้อนรับดีมากถามไถ่ทุกอย่างเรื่องทะเบียนรถ เรียกรถจากตรงไหน หน้าตาคนขับ สี่ ยี่ห้อรถ ซึ่งผมไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลยขณะนั่งรถ (ข้อมูลจากผมเอาจริงๆไม่ได้ช่วยอะไรมากนักแต่คงเก็บข้อมูล ซึ่งต่อไปจะต้องถ่ายรูปขณะนั่งบนแท๊กซี่) อีกอย่างคือรถเข้าผิดซอยไปนิดนึงเลยไม่ได้จอดด้านหน้าโรงแรมกล้องเลยจับไม่ได้ แต่ผมสัมผัสได้แบบมี six-sense ว่าคุณลุงใจดีขับรถใจเย็นผมน่าจะมีหวังได้คืนนะ ณ ตอนนั้นคิด 60:40 ด้วยความที่ผมเครียดมากตอนนั้นแบบว่าเอาแล้วมาวันแรกก็มีประสบการณ์ซะแร้ว ซึ่งที่ผ่านๆมากับญี่ปุ่นผมไม่เคยเผลอเรอหรือสับเพร่าแบบนี้มาก่อน ณ ตอนนั้นก็เลยฝากของไว้ที่ lobby ที่พักแล้วขอเดินออกมาตั้งสติบวกกับคิดอะไรเรื่อยเปื่อยว่าจะเอาอย่างไรดี ใจคือก็ไม่อยากกลับเพราะทุกอย่างพร้อมหมดแล้วกับการเดินทางสองสัปดาห์อีกใจนึงก็ภาวนาว่าคุณลุงกลับมาเถอะแอบบอกตัวเองแอบขอพระพระญี่ปุ่นในใจว่าผมตั้งใจมาประเทศญี่ปุ่นมาก็หลายครั้งแล้วขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย เดินเล่นเรื่อยเปื่อยซักพักผมก็กลับมานั่งพักที่ล๊อบบี้โรงแรมอยู่พักนึงประมาณยี่สิบนาทีได้ และแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ดลใจให้คุณลุงกลับมา คุณลุงเดินเข้ามาที่ล๊อบบี้ยื่นกระเป๋าตังค์ใบยาวผมให้ที่ล๊อบบี้ ณ ตอนนั้นผมเก็บอาการไม่อยู่จริงๆผมส่งเสียงดีใจ Oh my god Oh my god...Thank you so much หลายครั้งมาก ผมจับมือคุณลุงโค้งคำนับคุณลุงแบบดีใจสุดๆ ขอคุณลุงถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกแต่ด้วยความเป็นคนญี่ปุ่นคุณลุงเขินอายพร้อมกับบอกผมว่าไม่เป็นไรๆหลายครั้ง ผมก็บอกว่า please please คุณลุงก็มีท่าทีอายๆและรีบเดินจากไป พนักงาน reception เค้าก็ดีใจกับผมด้วย โทรแจ้งกลับทางสถานทูตให้ว่าลูกค้าได้กระเป๋าตังค์คืนแล้ว ผมก็คุยกับพี่ผู้หญิงทางสถานทูตคนเดิมว่าผมดีใจมากเลยพี่ พี่เค้าก็บอกว่าน้องโชคดีมากๆโชคดีจริงๆที่เจอคนดีดี เอาล่ะพี่ขอให้น้องเที่ยวให้สนุกสองสัปดาห์นี้ ผมขอบคุณพี่เค้าอีกครั้งด้วยรอยยิ้มและความดีใจ กลับมานั่งเปิดกระเป๋าเช็คทุกสิ่งอย่างอยู่ครบทุกอย่าง ณ ตอนนั้นผมรักกระเป๋าตังค์ใบนี้อย่างที่สุด รักแบบว่าโอ๊ยยยยแม้มันจะใบเก่าแต่มันก็กลับมาหาเราโดยที่มีคุณลุงเป็นสะพานให้ นั่งรออีกซักครึ่งชั่วโมงห้าโมงเย็นพอดีได้เวลาเช็คอินก็เลยเป็นการเช็คอินที่มีความสุขและมีรอยยิ้มจากพนักงานอีกครั้ง ผมบอกตัวเองเสมอว่าต่อไปตัวเราจะต้องมีสติมากขึ้นจากที่มีอยู่แล้วก็จะมีมากขึ้นอีก บางอย่างก็ต้องยอมช้าหน่อยแต่ชัวร์ตรงที่จะต้องตรวจตราสิ่งของให้ถ้วนถี่แล้วค่อยเดินทางไปในจุดต่อไป กลางเดือนกุมภา 2020 นี้ไปญี่ปุ่นอีกครั้งบอกตัวเองเสมอว่า สติ สติ และไม่ขอให้เรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอีก...
คุณลุงแท๊กซี่ที่นาโกย่า