การเดินทางของผมได้เริ่มอีกครั้งหนึ่ง ประเดินการเดินทางในปี 2563 หลังจากที่ผมได้รับการชักชวนจาก เพื่อนนักเดินทางที่เคยเจอกับ ครั้งเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ที่ยอดดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ โดยในครั้งนี้ได้รับการชักชวนออกทริปร่วมกับ กลุ่ม “การเดินทางของหอยทาก” กับการเดินทางมายังดินแดนที่ชื่อว่า “มุลาอิ” Mulayit Taung
คณะเดินทางของผม เริ่มต้นจาก กรุงเทพมหานคร จากจุดนัดหมาย 11 เพื่อนนักเดินทาง เรามุ่งหน้าสู่จังหวัด ตาก อำเภอพบพระ เรามาถึงที่นี่ ก็เกือบรุ่งสางแล้ว เราพักกินข้าวเช้าเก็บแรงไว้สำหรับการเดินทางอีกยาวไกล ที่เรายังคาดเดาไม่ได้ว่าจะเจออะไรบ้าง มื้อเช้าจากตลาดเช้า เราได้มีเวลาเดินสำรวจวิถีชีวิตของคนพบพระ ความเรียบง่ายของการใช้ชีวิต ที่หาได้ยากจากคนที่อยู่ในเมืองอย่างผม
ก่อนที่เราจะเดินทางกันต่อ มาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนรถเพื่อมุ่งหน้าไปยัง พวกเราล้างหน้าล้างตาให้หายจากการเหน็ดเหนื่อยร่วม 8 ชั่วโมงก่อนจะมาถึงที่นี่ เตรียมเครื่องแต่งกายของเราให้พร้อมกับการเดินทาง (ที่ต้องผ่านฝุ่นควันแบบที่เรียกได้ว่า ไม่คิดว่าจะสามารถผ่านมาได้)
จากนั้นเราก็เก็บกระเป๋าแบคแพคของเราขึ้นรถ เพื่อเตรียมเดินทาง ไปยัง มูลาอิ เขตปกครองกะเหรี่ยง DKBA จังหวัดเมียวดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ผ่านเส้นทาง “หมู่บ้านมอเกอไทย” ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ที่เราต้องฝ่าฟันฝุ่นและควัน รวมทั้งเส้นทางของการคมนาคมที่สมบุกสมบัน ที่ทุกคนนั้นทั้งใส่ผ้าบับ ผ้าปิดจมูก เสื้อคลุม หมวก และแว่นตา เพื่อป้องกันฝุ่นจากถนนในขณะรถวิ่ง
ซึ่งก่อนที่คณะของพวกเราจะขึ้นไปสู่ “มุลาอิ” นั้น เราได้แวะไปยัง น้ำตก “แบลอซู” ที่คนขับของเราได้พาไป กับถนนที่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าการขับรถวิบาก ด้วยความลาดชันของถนน (ที่จริงคนเรียกว่าผืนดิน) โค้งหักศอก ความไหล ความเอียงของสภาพภูมิประเทศ ยิ่งที่ให้ความยากทวีคูณขึ้นไปอีก แต่ด้วยความชำนาญของคนขับของเรา ก็พาเรามาถึงน้ำตก “แบลอซู”
หลังจากออกจาก “แบลอซู” แล้ว เราก็ขับรถกลับมาสู่เส้นทางปกติ เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายของเราในทริปนี้ นั้นคือ “มุลาอิ” ระยะเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง นำพาเรามาถึง “มุลาอิ” ด้วยสภาพของแต่ละคนที่แทบจะจำกันไม่ได้ทีเดียว เพราะฝุ่น ควัน ต่างๆ ติดเต็มเสื้อผ้า หน้าผม ของทุกคนเต็มไปหมด เราลงรถกัน และเตรียมข้าวของ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กันที่นี่
กว่าจะทานอาหารเที่ยง (อาหารเจ) ก็เกือบจะ บ่าย 2 แล้ว พวกเราก็เก็บข้าวของเครื่องใช้ เตรียมของที่จำเป็นในการพักแรม เต้นท์ เครื่องนอน อาหารเย็น ก่อนจะเดินเท้า เข้าไปสู่จุดพักแรมของเราในคืนนี้
ซึ่งที่ “มุลาอิ” แห่งนี้มีกฏข้อบังคับอยู่หลายอย่าง สำหรับนักเดินทาง ที่ต้องยึดถือและปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็น
จะต้องทานอาหารเจเท่านั้น, ชาย หญิง ห้ามนอนด้วยกัน, ผู้หญิงต้องนุ่งผ้าถุงเวลาขึ้นไปบนเจดีย์, ผู้ชายจะต้องทำอาหาร เป็นต้น
และในที่สุดพวกเราก็เดินทางมาถึงในจุดกางเต้นท์ ที่ห่างจากจุดเริ่มเดินของเราประมาณ 1.5 กิโล พวกเราก็แยกย้ายกันเพื่อหาจุดกางเต้นท์สำหรับการ นอนในคืนนี้ ซึ่งผมเลือกมาในจุดที่วิวค่อนข้างดี เพื่อสำหรับไว้ดูพระอาทิตย์ในตอนเช้า ซึ่งห่างจากคณะอื่นๆ ที่มาก่อนหน้าเราค่อนข้างมาก
หลังจากเสร็จสิ้นจากการกางเต้นท์แล้ว พวกเราก็ถ่ายรูปเล่นกันพอหนำใจ ก่อนที่จะตระเตรียมอาหารเย็น ก่อนที่ฟ้าจะมืดลง และพูดคุยกันจากเกือบ 2 ทุ่มก่อนที่จะแยกย้ายกลับไปยังเต้นท์ของตัวเอง
ลมที่นี้ช่วงกลางดึก ถึงก่อนฟ้าสาง ค่อนข้างแรงทีเดียว อุณหภูมิกดลงไปประมาณ 12 อาศา
เวลาประมาณ ตี 3 ผมลองออกมาดูดาว ที่นี่ดาวชัดเจนมาก 360 องศาเลยก็ว่าได้ แต่เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องสำหรับการถ่ายดาวมา จึงเก็บภาพจากโทรศัพท์มือถือไว้เท่านั้น แต่ก็คงจะไม่เท่ากับที่เราเห็ยด้วยตาเปล่า ของเรา จริงมั้ยครับ
พอรุ่งเช้าเราก็มาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน โชคดีที่มุมที่เรากางเต้นท์ สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้จากทิศที่เราอยู่เลย ส่วนอีกข้างนั้นเป็นวิว ของยอดเจดีย์ “มุลาอิ”
ก่อนกลับเราก็ไม่ลืมเก็บข้าว ของ และขยะของเรา กลับมาด้วย แต่ก็ไม่วายระหว่างทางขากลับเราเจอถุงขยะของกลุ่มอื่นที่มา เราจึงเก็บออกมาด้วย เพราะการที่เรามาเที่ยวธรรมชาติเราควรที่จะช่วยกันรักษา ไม่ควรนำส่งที่เรานำมาหรือสร้างขยะมาไว้ที่นี่ จริงมั้ยครับ
จบแล้วครับ การเดินทางของปี 2563 ของผม
ขอบคุณสำหรับการเดินทางที่ทำให้เราได้พบกับมิตรภาพใหม่ๆ เสมอ
สุดท้ายฝากภาพให้เล่าเรื่องแล้วกันครับ
[CR] กาลครั้งหนึ่งที่ ภูเขาแห่งศรัทธา “มุลาอิ”
ก่อนที่เราจะเดินทางกันต่อ มาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนรถเพื่อมุ่งหน้าไปยัง พวกเราล้างหน้าล้างตาให้หายจากการเหน็ดเหนื่อยร่วม 8 ชั่วโมงก่อนจะมาถึงที่นี่ เตรียมเครื่องแต่งกายของเราให้พร้อมกับการเดินทาง (ที่ต้องผ่านฝุ่นควันแบบที่เรียกได้ว่า ไม่คิดว่าจะสามารถผ่านมาได้)
จากนั้นเราก็เก็บกระเป๋าแบคแพคของเราขึ้นรถ เพื่อเตรียมเดินทาง ไปยัง มูลาอิ เขตปกครองกะเหรี่ยง DKBA จังหวัดเมียวดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ผ่านเส้นทาง “หมู่บ้านมอเกอไทย” ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ที่เราต้องฝ่าฟันฝุ่นและควัน รวมทั้งเส้นทางของการคมนาคมที่สมบุกสมบัน ที่ทุกคนนั้นทั้งใส่ผ้าบับ ผ้าปิดจมูก เสื้อคลุม หมวก และแว่นตา เพื่อป้องกันฝุ่นจากถนนในขณะรถวิ่ง
ซึ่งก่อนที่คณะของพวกเราจะขึ้นไปสู่ “มุลาอิ” นั้น เราได้แวะไปยัง น้ำตก “แบลอซู” ที่คนขับของเราได้พาไป กับถนนที่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าการขับรถวิบาก ด้วยความลาดชันของถนน (ที่จริงคนเรียกว่าผืนดิน) โค้งหักศอก ความไหล ความเอียงของสภาพภูมิประเทศ ยิ่งที่ให้ความยากทวีคูณขึ้นไปอีก แต่ด้วยความชำนาญของคนขับของเรา ก็พาเรามาถึงน้ำตก “แบลอซู”
หลังจากออกจาก “แบลอซู” แล้ว เราก็ขับรถกลับมาสู่เส้นทางปกติ เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายของเราในทริปนี้ นั้นคือ “มุลาอิ” ระยะเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง นำพาเรามาถึง “มุลาอิ” ด้วยสภาพของแต่ละคนที่แทบจะจำกันไม่ได้ทีเดียว เพราะฝุ่น ควัน ต่างๆ ติดเต็มเสื้อผ้า หน้าผม ของทุกคนเต็มไปหมด เราลงรถกัน และเตรียมข้าวของ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กันที่นี่
กว่าจะทานอาหารเที่ยง (อาหารเจ) ก็เกือบจะ บ่าย 2 แล้ว พวกเราก็เก็บข้าวของเครื่องใช้ เตรียมของที่จำเป็นในการพักแรม เต้นท์ เครื่องนอน อาหารเย็น ก่อนจะเดินเท้า เข้าไปสู่จุดพักแรมของเราในคืนนี้
ซึ่งที่ “มุลาอิ” แห่งนี้มีกฏข้อบังคับอยู่หลายอย่าง สำหรับนักเดินทาง ที่ต้องยึดถือและปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็น
จะต้องทานอาหารเจเท่านั้น, ชาย หญิง ห้ามนอนด้วยกัน, ผู้หญิงต้องนุ่งผ้าถุงเวลาขึ้นไปบนเจดีย์, ผู้ชายจะต้องทำอาหาร เป็นต้น
หลังจากเสร็จสิ้นจากการกางเต้นท์แล้ว พวกเราก็ถ่ายรูปเล่นกันพอหนำใจ ก่อนที่จะตระเตรียมอาหารเย็น ก่อนที่ฟ้าจะมืดลง และพูดคุยกันจากเกือบ 2 ทุ่มก่อนที่จะแยกย้ายกลับไปยังเต้นท์ของตัวเอง
เวลาประมาณ ตี 3 ผมลองออกมาดูดาว ที่นี่ดาวชัดเจนมาก 360 องศาเลยก็ว่าได้ แต่เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องสำหรับการถ่ายดาวมา จึงเก็บภาพจากโทรศัพท์มือถือไว้เท่านั้น แต่ก็คงจะไม่เท่ากับที่เราเห็ยด้วยตาเปล่า ของเรา จริงมั้ยครับ
พอรุ่งเช้าเราก็มาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน โชคดีที่มุมที่เรากางเต้นท์ สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้จากทิศที่เราอยู่เลย ส่วนอีกข้างนั้นเป็นวิว ของยอดเจดีย์ “มุลาอิ”
ก่อนกลับเราก็ไม่ลืมเก็บข้าว ของ และขยะของเรา กลับมาด้วย แต่ก็ไม่วายระหว่างทางขากลับเราเจอถุงขยะของกลุ่มอื่นที่มา เราจึงเก็บออกมาด้วย เพราะการที่เรามาเที่ยวธรรมชาติเราควรที่จะช่วยกันรักษา ไม่ควรนำส่งที่เรานำมาหรือสร้างขยะมาไว้ที่นี่ จริงมั้ยครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้