อัลกุรอาน บทที่ 4. ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี)
ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี)เป็นบทหนึ่งของคัมภีร์อัลกุรอาน,มีเนื้อเรื่อง 'เกี่ยวกับผู้หญิง, เป็นซูเราะห์หนึ่งใน ซูเราะฮฺมะดะนียะห์
ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องชุมชนมุสลิมที่เพิ่งจัดตั้งใหม่ๆโดยการสรุปพฤติกรรมที่ยอมรับได้สำหรับชาวมุสลิม ที่แสดงให้เห็นถึงบท
บาทของอัลกุรอานในฐานะบทบัญญัติ ของกฎหมายที่เชื่อถือได้ และความสามารถในการสร้างชุมชนที่อยู่ในระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ
จากชุมชนอรับที่ป่าเถื่อนขาดคุณธรรมให้อยู่ในกรอบคุณธรรมตามหลักการของอิสลาม มีหลายบัญญัติในซูเราะห์นี้ ที่วางกฏในการให้
ความยุติธรรมกับผู้หญิงและเด็กกำพร้า ทั้งนี้เพราะว่าชายอรับในยุคก่อนอิสลาม นั้นชอบที่จะเอาเด็กหญิงกำพร้ามาเป็นคู่ครองเพื่อจะ
หลอกใช้ทรัพย์สินของพวกเด็กหญิงกำพร้าเหล่านั้น
ในกระทู้นี้จะกล่าวถึง ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ บัญญัติที่ 4:24 เนื่องจากเป็นบัญญํติที่
ผู้ที่หวังร้ายต่อศาสนาอิสลาม ใช้เป็นเอกสารอ้างอิง
ในการกล่าวหาว่า ตัมภีร์อัลกุรอาน สนับสนุนให้ทหารข่มขืนเชลยศึกหญิงระหว่างสงครามได้
وَالْمُحْصَنَاتُ مِنَ النِّسَاءِ إِلَّا مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۖ كِتَابَ اللَّهِ عَلَيْكُمْ ۚ وَأُحِلَّ لَكُمْ مَا وَرَاءَ ذَٰلِكُمْ أَنْ تَبْتَغُوا بِأَمْوَالِكُمْ مُحْصِنِينَ غَيْرَ مُسَافِحِينَ ۚ فَمَا اسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ فَآتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ
فَرِيضَةً ۚ وَلَا جُنَاحَ عَلَيْكُمْ فِيمَا تَرَاضَيْتُمْ بِهِ مِنْ بَعْدِ الْفَرِيضَةِ ۚ إِنَّ اللَّهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًا {24}
[Shakir 4:24] And all married women except those whom your right hands possess (this is) Allah's ordinance to you, and
lawful for you are (all women) besides those, provided that you seek (them) with your property, taking (them) in marriage
not committing fornication. Then as to those whom you profit by, give them their dowries as appointed; and there is no
blame on you about what you mutually agree after what is appointed; surely Allah is Knowing, Wise.
และผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้ว, เว้นแต่ ผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง (นี้)คือ คำสั่งของอัลลอฮ์ที่กำหนดให้เจ้า และเป็นที่อนุมัติต่อ
พวกเจ้าคือบรรดาหญิงอื่นๆนอกเหนือจากที่ระบุไว้ โดยที่พวกเจ้า จะแสวงหามาด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า ในฐานะเป็นผู้สมรส ไม่ใช่ในฐานะ
ผู้ทำผิดประเวณี ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขกับนาง ในบรรดาหญิงเหล่านั้น ก็จงให้สินตอบแทนของพวกนางนั้นแก่พวกนาง ตามที่มี
กําหนดไว้ และไม่เป็นบาปใด ๆ แก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าต่างยินยอมกันในสิ่งนั้นหลังจากที่มีกําหนดนั้นขึ้น แท้จริง อัลลอฮฺคือพระผู้ทรง
รอบรู้ พระผู้ทรงปรีชาญาณ
คำอธิบาย ตามเนื้อหาของบัญญํติอย่างตรงไปตรงมา ประโยคที่ว่า:
"وَالْمُحْصَنَاتُ مِنَ النِّسَاءِ إِلَّا مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۖ " "และผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้ว, เว้นแต่ ผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง"
ประโยคนี้ เป็นประโยคเริ่มต้นบัญญัติที่ 4:24 เป็นประโยคที่ต่อมาจาก บัญญัติที่ 4:22 และบัญญํติที่ 4:23
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้{4:22} และจงอย่าสมรสกับบรรดาหญิงที่บิดาของพวกเธอได้สมรสมาแล้ว นอกจากที่ได้ผ่านพ้นมาเท่านั้น แท้จริงมันเป็นสิ่งลามกและ
น่ารังเกียจยิ่งและเป็นวิถีทางที่ชั่ว
{4:23} ที่ได้ถูกห้ามแก่พวกเธอนั้น คือมารดาของพวกเธอ บุตรีของพวกเธอ พี่น้องหญิงของพวกเธอ พี่น้องหญิงแห่งบิดาของพวกเธอ
และพี่น้องหญิงแห่งมารดาของพวกเธอ บุตรีของพี่หรือน้องชายของพวกเธอ บุตรีของพี่หรือน้องหญิงของพวกเธอ และมารดาของพวก
เธอที่ให้นมแก่พวกเธอ และพี่น้องหญิงของพวกเธอเนื่องจากการดื่มนม และมารดาภรรยาของพวกเธอ และลูกเลี้ยงของพวกเธอที่อยู่
ในบ้านของพวกเธอ จากภรรยาของพวกเธอที่พวกเธอได้สมสู่กับนาง แต่ถ้าพวกเธอไม่ได้สมสู่กับนาง ก็ไม่เป็นความบาปใด ๆ แก่พวก
เธอ และภรรยาของบุตรพวกเธอที่มาจากเชื้อสายของพวกเธอ และการที่พวกเธอรวมระหว่างหญิงสองพี่น้องไว้ด้วยกัน นอกจากที่ได้
ผ่านพ้นไปแล้วเท่านั้น แท้จริงอัลลอฮฺคือพระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงปรานีเสมอ
เนื่องจากระหว่างการตั้งชุมชนมุสลิมในกรุงมะดินะเป็นช่วงรยะเวลา ที่เปลียนสังคมอรับป่าเถื่อนที่ไม่มีหลักศีลธรรมและคุณธรรมป้องกันเพศ
ที่อ่อนแอ ได้แก่ผู้หญิงและเด็กกำพร้า สังคมมุสลิมได้รับซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี) เป็นกฏหมายในการจัดระเบียบครอบครัว,สังคม และ
ชุมชนอิสลาม มีการยกฐานะทาส และเด็กกำพร้า, วางกฏหมายการแต่งงานและการสร้างครอบครัว, กฏหมายห้ามการบังคับหญิงให้เป็นนาง
บำเรอ และโสเภณี จำกัดการมีภรรยาหลายคนลงมาเหลือไม่เกิน 4 คน, และถ้าไม่อาจจะให้ความยุติธรรมกับภรรยาทุกคนได้ จะต้องมีแต่เพียง
คนเดียว จะเห็นได้ว่ากฏหมายเหล่านี้ใช้ในช่วงระยะเวลาสงครามเพื่อปลดทาสและยกฐานะและสิทธิภรรยาและคุมครองเพศหญิงและเด็กกำพร้า
ให้เท่าเทียมเสมอหน้ากัน
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า อัลกุรอาน บทที่ 4. ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี) นี้ไม่มีบัญญัติใดที่ แสดงให้เห็นว่า ศาสนาอิสลามอนุมัติให้ทหาร
มุสลิม ข่มขืน หรือ มีเพศสัมพันธ์กับเชลยศึกหญิง หรือเด็กหญิงกำพร้าได้ โดยไม่ต้องผ่านการนิกะห์หรือการแต่งงานเป้นสามีภรรยากันเสียก่อน
........................................................................................................................
Ismail ibn Kathir (อิบนุ กอธีร์ (ชื่อย่อ); Abu al-Fida '' Imad Ad-Din Isma'il bin 'อูมาบิน Kathir al-Qurashi Al-Qurashi Al-Damishqi c 1300 - 1373) เป็นนักประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลอย่างสูง,อรรถกถาจารย์ และนักวิชาการในช่วงยุคมัมลุคในซีเรีย ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ tafsir (คัมภีร์อัลกุรอานอรรถกถา) และfaqīh (นิติศาสตร์) เขาเขียนหนังสือหลายเล่มรวมทั้ง ประวัติศาสตร์สากล สิบสี่เล่ม.
อิบนุ กอธีร์ นักวิชาการชื่อดังผู้นี้ ได้ใช้ ฮาดีษข้างล่างนี้อธิบายอัลกุรอาน บัญญํติที่ 24 ของ ซูเราะฮฺอันนิสาอ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำแปลของ คำอธิบายข้างบนนี้:
การเอาเหตุผลจากเรื่องบอกเล่ามาอธิบายอัลกุรอานว่า “เมื่อทหารเกิดความใคร่แต่ไม่กล้ามีเพศสัมพันธ์ กับหญิงเชลยศึกที่แต่งงานแล้ว จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อัลลอฮ์ก็ประทานบัญญัตินี้ (4:24) เพื่ออนุมัติให้ทหารมีเพศสัมพันธ์กับเชลยศึกหญิงได้ โดยที่ต้องรอเวลาจนแน่ใจว่าหญิงเชลยศึกหญิงเหล่านั้นไม่ได้กำลังตั้งครรภ์อยู่หรือจะมีการตั้งครรภ์ในขณะนั้น คือต้องรอจนครบรอบเดือนที่ ประจำเดือนของเธอมาอีกครั้งหนึ่งก่อน
การเอาบัญญํติในอัลกุรอานมาพาดพิงกับเรื่องการทำซินาของทหารต่อเชลยศึก ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดบัญญัติของอัลลอฮ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในอัลกุรอานไม่มีบัญญัติใดที่ อนุมัติให้ทหารล่วงเกินทางเพศต่อเชลยศึกหญิงได้เลย เป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ได้รับการแก้ไขและการอธิบายที่ถูกต้อง และไม่มีการยอมรับข้อผิดพลาดข้อนี้ จึงทำให้ มุสลิมเข้าใจว่า ศาสนาอิสลามยอมให้ ผู้เป็นนายทาสหญิงจากสงครามสามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์กับทาสหญิงได้โดยไม่ต้องมีการแต่งงานเป็นสามีภรรยาเสียก่อน, เรื่องนี้จึงเป็นข้อตำหนิของผู้ที่ไม่เข้าใจศาสนาอิสลามอย่างถูกต้อง รวมทั้งผู้ที่หวังจะทำลายเกียรติของศาสนาอิสลาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://www.answering-islam.org/Authors/Arlandson/women_slaves.htm
อัลกุรอาน บทที่ 4. ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี)
ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี)เป็นบทหนึ่งของคัมภีร์อัลกุรอาน,มีเนื้อเรื่อง 'เกี่ยวกับผู้หญิง, เป็นซูเราะห์หนึ่งใน ซูเราะฮฺมะดะนียะห์
ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องชุมชนมุสลิมที่เพิ่งจัดตั้งใหม่ๆโดยการสรุปพฤติกรรมที่ยอมรับได้สำหรับชาวมุสลิม ที่แสดงให้เห็นถึงบท
บาทของอัลกุรอานในฐานะบทบัญญัติ ของกฎหมายที่เชื่อถือได้ และความสามารถในการสร้างชุมชนที่อยู่ในระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ
จากชุมชนอรับที่ป่าเถื่อนขาดคุณธรรมให้อยู่ในกรอบคุณธรรมตามหลักการของอิสลาม มีหลายบัญญัติในซูเราะห์นี้ ที่วางกฏในการให้
ความยุติธรรมกับผู้หญิงและเด็กกำพร้า ทั้งนี้เพราะว่าชายอรับในยุคก่อนอิสลาม นั้นชอบที่จะเอาเด็กหญิงกำพร้ามาเป็นคู่ครองเพื่อจะ
หลอกใช้ทรัพย์สินของพวกเด็กหญิงกำพร้าเหล่านั้น
ในกระทู้นี้จะกล่าวถึง ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ บัญญัติที่ 4:24 เนื่องจากเป็นบัญญํติที่ ผู้ที่หวังร้ายต่อศาสนาอิสลาม ใช้เป็นเอกสารอ้างอิง
ในการกล่าวหาว่า ตัมภีร์อัลกุรอาน สนับสนุนให้ทหารข่มขืนเชลยศึกหญิงระหว่างสงครามได้
وَالْمُحْصَنَاتُ مِنَ النِّسَاءِ إِلَّا مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۖ كِتَابَ اللَّهِ عَلَيْكُمْ ۚ وَأُحِلَّ لَكُمْ مَا وَرَاءَ ذَٰلِكُمْ أَنْ تَبْتَغُوا بِأَمْوَالِكُمْ مُحْصِنِينَ غَيْرَ مُسَافِحِينَ ۚ فَمَا اسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ فَآتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ
فَرِيضَةً ۚ وَلَا جُنَاحَ عَلَيْكُمْ فِيمَا تَرَاضَيْتُمْ بِهِ مِنْ بَعْدِ الْفَرِيضَةِ ۚ إِنَّ اللَّهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًا {24}
[Shakir 4:24] And all married women except those whom your right hands possess (this is) Allah's ordinance to you, and
lawful for you are (all women) besides those, provided that you seek (them) with your property, taking (them) in marriage
not committing fornication. Then as to those whom you profit by, give them their dowries as appointed; and there is no
blame on you about what you mutually agree after what is appointed; surely Allah is Knowing, Wise.
และผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้ว, เว้นแต่ ผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง (นี้)คือ คำสั่งของอัลลอฮ์ที่กำหนดให้เจ้า และเป็นที่อนุมัติต่อ
พวกเจ้าคือบรรดาหญิงอื่นๆนอกเหนือจากที่ระบุไว้ โดยที่พวกเจ้า จะแสวงหามาด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า ในฐานะเป็นผู้สมรส ไม่ใช่ในฐานะ
ผู้ทำผิดประเวณี ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขกับนาง ในบรรดาหญิงเหล่านั้น ก็จงให้สินตอบแทนของพวกนางนั้นแก่พวกนาง ตามที่มี
กําหนดไว้ และไม่เป็นบาปใด ๆ แก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าต่างยินยอมกันในสิ่งนั้นหลังจากที่มีกําหนดนั้นขึ้น แท้จริง อัลลอฮฺคือพระผู้ทรง
รอบรู้ พระผู้ทรงปรีชาญาณ
คำอธิบาย ตามเนื้อหาของบัญญํติอย่างตรงไปตรงมา ประโยคที่ว่า:
"وَالْمُحْصَنَاتُ مِنَ النِّسَاءِ إِلَّا مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۖ " "และผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้ว, เว้นแต่ ผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง"
ประโยคนี้ เป็นประโยคเริ่มต้นบัญญัติที่ 4:24 เป็นประโยคที่ต่อมาจาก บัญญัติที่ 4:22 และบัญญํติที่ 4:23
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื่องจากระหว่างการตั้งชุมชนมุสลิมในกรุงมะดินะเป็นช่วงรยะเวลา ที่เปลียนสังคมอรับป่าเถื่อนที่ไม่มีหลักศีลธรรมและคุณธรรมป้องกันเพศ
ที่อ่อนแอ ได้แก่ผู้หญิงและเด็กกำพร้า สังคมมุสลิมได้รับซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี) เป็นกฏหมายในการจัดระเบียบครอบครัว,สังคม และ
ชุมชนอิสลาม มีการยกฐานะทาส และเด็กกำพร้า, วางกฏหมายการแต่งงานและการสร้างครอบครัว, กฏหมายห้ามการบังคับหญิงให้เป็นนาง
บำเรอ และโสเภณี จำกัดการมีภรรยาหลายคนลงมาเหลือไม่เกิน 4 คน, และถ้าไม่อาจจะให้ความยุติธรรมกับภรรยาทุกคนได้ จะต้องมีแต่เพียง
คนเดียว จะเห็นได้ว่ากฏหมายเหล่านี้ใช้ในช่วงระยะเวลาสงครามเพื่อปลดทาสและยกฐานะและสิทธิภรรยาและคุมครองเพศหญิงและเด็กกำพร้า
ให้เท่าเทียมเสมอหน้ากัน
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า อัลกุรอาน บทที่ 4. ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี) นี้ไม่มีบัญญัติใดที่ แสดงให้เห็นว่า ศาสนาอิสลามอนุมัติให้ทหาร
มุสลิม ข่มขืน หรือ มีเพศสัมพันธ์กับเชลยศึกหญิง หรือเด็กหญิงกำพร้าได้ โดยไม่ต้องผ่านการนิกะห์หรือการแต่งงานเป้นสามีภรรยากันเสียก่อน
........................................................................................................................
Ismail ibn Kathir (อิบนุ กอธีร์ (ชื่อย่อ); Abu al-Fida '' Imad Ad-Din Isma'il bin 'อูมาบิน Kathir al-Qurashi Al-Qurashi Al-Damishqi c 1300 - 1373) เป็นนักประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลอย่างสูง,อรรถกถาจารย์ และนักวิชาการในช่วงยุคมัมลุคในซีเรีย ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ tafsir (คัมภีร์อัลกุรอานอรรถกถา) และfaqīh (นิติศาสตร์) เขาเขียนหนังสือหลายเล่มรวมทั้ง ประวัติศาสตร์สากล สิบสี่เล่ม.
อิบนุ กอธีร์ นักวิชาการชื่อดังผู้นี้ ได้ใช้ ฮาดีษข้างล่างนี้อธิบายอัลกุรอาน บัญญํติที่ 24 ของ ซูเราะฮฺอันนิสาอ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การเอาเหตุผลจากเรื่องบอกเล่ามาอธิบายอัลกุรอานว่า “เมื่อทหารเกิดความใคร่แต่ไม่กล้ามีเพศสัมพันธ์ กับหญิงเชลยศึกที่แต่งงานแล้ว จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อัลลอฮ์ก็ประทานบัญญัตินี้ (4:24) เพื่ออนุมัติให้ทหารมีเพศสัมพันธ์กับเชลยศึกหญิงได้ โดยที่ต้องรอเวลาจนแน่ใจว่าหญิงเชลยศึกหญิงเหล่านั้นไม่ได้กำลังตั้งครรภ์อยู่หรือจะมีการตั้งครรภ์ในขณะนั้น คือต้องรอจนครบรอบเดือนที่ ประจำเดือนของเธอมาอีกครั้งหนึ่งก่อน
การเอาบัญญํติในอัลกุรอานมาพาดพิงกับเรื่องการทำซินาของทหารต่อเชลยศึก ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดบัญญัติของอัลลอฮ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในอัลกุรอานไม่มีบัญญัติใดที่ อนุมัติให้ทหารล่วงเกินทางเพศต่อเชลยศึกหญิงได้เลย เป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ได้รับการแก้ไขและการอธิบายที่ถูกต้อง และไม่มีการยอมรับข้อผิดพลาดข้อนี้ จึงทำให้ มุสลิมเข้าใจว่า ศาสนาอิสลามยอมให้ ผู้เป็นนายทาสหญิงจากสงครามสามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์กับทาสหญิงได้โดยไม่ต้องมีการแต่งงานเป็นสามีภรรยาเสียก่อน, เรื่องนี้จึงเป็นข้อตำหนิของผู้ที่ไม่เข้าใจศาสนาอิสลามอย่างถูกต้อง รวมทั้งผู้ที่หวังจะทำลายเกียรติของศาสนาอิสลาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้