ปฎิเสธไม่ได้ว่า " ภาคเอกชน " ที่มีนายทุนและคนรวยเป็นเจ้าของหลายเจ้าใหญ่ๆในประเทศนี้ คือ บ่อเกิดแห่งความไม่เท่าเทียมและความเหลื่อมล้ำหลายๆมิติ ไม่นับปัญหาเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่เกิดจากการละโมบโลภมากของภาคเอกชนและคนรวย ในการหากำไรบน ความทุกข์ยากของคนในประเทศ จนโครงสร้างเศรษฐกิจที่ควรจะเป็นได้ผิดเพี้ยนไปหมด
ค่าแรงสามร้อย ค่ารถไฟฟ้า 150 คือตัวอย่างที่ดีของการปล่อยให้ ประเทศดำเนินไปในระบบตลาดเสรีมากเกินไป ใครมีทุนมากกว่าก็ได้เปรียบ ใครไม่มีอะไรก็ เป็น ทาส 300 บาท เรียกร้องก็ไม่ได้ อ้างต้นทุนจะแพงขึ้น ของจะแพงขึ้น ซึ่งแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย เป็นแค่ Propaganda โสโครกของกลุ่มเอกชนและนายทุนที่ต้องการหากำไรให้ได้มากที่สุด นานที่สุด โดยไม่สนใจสภาพสังคม
ครั้งนี้จะมาเสนอ วิถีเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ที่ประเทศไทยและทุกชาติบนโลกควรนำไปปรับใช้ให้เร็วที่สุด
เรียกว่า หลักการ Governmenize & Socialize (คิดขึ้นมาเอง ) แปลตรงตัวคือ การทำให้เป็นรัฐบาลมากที่สุด & การทำให้เป็นสังคมนิยมมากที่สุด
1.ทำให้ การเป็น "เจ้าของกิจการ " ยากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อไม่ให้มีความไม่เท่าเทียมทางรายได้ จากความพยายามจะหากำไรบนความเดือดร้อนของผู้อื่นของคนบางกลุ่ม วิธีการเช่นเก็บภาษี กิจการและ นิติบุคคล 90 %
2.รัฐบาลต้องเป็นผู้จ้างงาน และ นายจ้าง รวมไปถึง ผู้คิดค้นวิจัย ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศหรือ แม้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศ เรียกได้ว่า ทั้งประเทศมีเพียงบริษัทเดียว คือ บริษัทของรัฐบาล ทำหน้าที่ครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่ ภาคเกษตรกรรม บริการ อุตสาหกรรมและการผลิต รายได้และผลผลิตทุกเม็ดหลักหักต้นทุนค่าวัตถุดิบและค่าดำเนินการอื่นๆและ รายได้ที่หักเข้าส่วนกลางเพื่อเป็นงบประมาณแผ่นดิน จะถูกมอบให้ประชาชนที่เป็นลูกจ้างของรัฐทั้งหมด ลดหลั่นลงมาบ้างตามสาขาวิชาชีพ เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการประกอบอาชีพ แต่จะไม่ห่างจนเกินไป วิธีนี้ จะไม่มีการที่เงินหรือผลกำไรจะไปกระจุกอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มนึง
3.ควบคุมการครอบครองทรัพย์สินบางอย่างของประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความมั่นคั่งที่สูงเกินไป เช่น การกำหนดให้แต่ละครอบครัวมีบ้านสูงสุดได้กี่หลัง มีที่ดินสูงสุดได้กี่ไร่เป็นต้น
Cr. Jirayu Suteerattanapirom
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปฎิรูประบบเศรษฐกิจโดยการลดบทบาทและความสำคัญของภาคเอกชนลง มุ่งเข้าสู่ส่วนกลางตามวิถีสังคมนิยม คือ อนาคตประเทศที่แท้จริง
ค่าแรงสามร้อย ค่ารถไฟฟ้า 150 คือตัวอย่างที่ดีของการปล่อยให้ ประเทศดำเนินไปในระบบตลาดเสรีมากเกินไป ใครมีทุนมากกว่าก็ได้เปรียบ ใครไม่มีอะไรก็ เป็น ทาส 300 บาท เรียกร้องก็ไม่ได้ อ้างต้นทุนจะแพงขึ้น ของจะแพงขึ้น ซึ่งแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย เป็นแค่ Propaganda โสโครกของกลุ่มเอกชนและนายทุนที่ต้องการหากำไรให้ได้มากที่สุด นานที่สุด โดยไม่สนใจสภาพสังคม
ครั้งนี้จะมาเสนอ วิถีเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ที่ประเทศไทยและทุกชาติบนโลกควรนำไปปรับใช้ให้เร็วที่สุด
เรียกว่า หลักการ Governmenize & Socialize (คิดขึ้นมาเอง ) แปลตรงตัวคือ การทำให้เป็นรัฐบาลมากที่สุด & การทำให้เป็นสังคมนิยมมากที่สุด
1.ทำให้ การเป็น "เจ้าของกิจการ " ยากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อไม่ให้มีความไม่เท่าเทียมทางรายได้ จากความพยายามจะหากำไรบนความเดือดร้อนของผู้อื่นของคนบางกลุ่ม วิธีการเช่นเก็บภาษี กิจการและ นิติบุคคล 90 %
2.รัฐบาลต้องเป็นผู้จ้างงาน และ นายจ้าง รวมไปถึง ผู้คิดค้นวิจัย ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศหรือ แม้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศ เรียกได้ว่า ทั้งประเทศมีเพียงบริษัทเดียว คือ บริษัทของรัฐบาล ทำหน้าที่ครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่ ภาคเกษตรกรรม บริการ อุตสาหกรรมและการผลิต รายได้และผลผลิตทุกเม็ดหลักหักต้นทุนค่าวัตถุดิบและค่าดำเนินการอื่นๆและ รายได้ที่หักเข้าส่วนกลางเพื่อเป็นงบประมาณแผ่นดิน จะถูกมอบให้ประชาชนที่เป็นลูกจ้างของรัฐทั้งหมด ลดหลั่นลงมาบ้างตามสาขาวิชาชีพ เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการประกอบอาชีพ แต่จะไม่ห่างจนเกินไป วิธีนี้ จะไม่มีการที่เงินหรือผลกำไรจะไปกระจุกอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มนึง
3.ควบคุมการครอบครองทรัพย์สินบางอย่างของประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความมั่นคั่งที่สูงเกินไป เช่น การกำหนดให้แต่ละครอบครัวมีบ้านสูงสุดได้กี่หลัง มีที่ดินสูงสุดได้กี่ไร่เป็นต้น
Cr. Jirayu Suteerattanapirom
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้