🎄 Our Christmas Trip [Strasbourg - Luxembourg - Brussels - Amsterdam - Oslo - Bergen] 🎄
EP. 0 | Overall
.
สำหรับรีวิวทริปนี้เราจะขอแบ่งเป็นแต่ละประเทศแยกกัน จะได้เข้าใจง่ายกว่า และที่สำคัญคือเราสามารถลงรายละเอียดพวกข้อมูลต่างๆที่เราคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆคนได้ดีกว่า แต่ตัว EP. 0 นี้จะเป็น Overall ของทริปคร่าวๆ จะได้มีไอเดียว่าเราไปเที่ยวได้ไหนยังไงบ้างตามไปดูกันเลย
.
📌 แพลนทริป
.
เราเลือกแพลนทริปจากประเทศที่ต้องไปและอยากไป ประเทศแรกที่ต้องไปก็คือฝรั่งเศส เพราะเราจะทำวีซ่าเชงเก้นของฝรั่งเศส (เนื่องจากเคยทำแล้ว และคาดว่าจะทำให้ได้ multiple ในระยะที่ยาวกว่าทริปที่ไป ไปเที่ยวครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องไปขอใหม่) ส่วนอีกประเทศที่ต้องไปก็คือนอร์เวย์ เพราะเรามีเพื่อนจากไทย ญี่ปุ่น และฟินแลนด์ที่จะไปรวมตัวกันที่นอร์เวย์ ก็เลยปักหมุดเป็นอีกที่ที่จะต้องไปในทริปนี้
.
ส่วนประเทศที่อยากไป พอลิสออกมาแล้วก็ยาวเหยียดเป็นห่างว่าว การคัดประเทศที่เข้ารอบสำหรับทริปนี้ก็จะเป็นเส้นทางการเดินทางที่ไม่ยากลำบาก และที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่สูงจนเกินไป เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวของประเทศฝั่งตะวันตก ราคาตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมจะสูงกว่าช่วงเวลาอื่นพอสมควร
.
จากเกณฑ์ต่างๆที่พูดไป ทำให้เราเหลือผู้เข้ารอบทั้งหมด 5 ประเทศด้วยกัน ได้แค่ ฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ โดยเมืองที่เราเลือกไปก็จะเป็น Strasbourg Luxembourg Brussels Amsterdam Oslo และ Bergen
.
ระยะเวลาการเดินทางเริ่มตั้งแต่ 26 ธันวาคม จนถึง 3 มกราคม เนื่องจากเรามีแผนที่แน่ชัด สำหรับ Oslo ทำให้การจัดวันก็ไล่ลำดับกันมาตามนี้เลย
.
--
✈️ การเดินทาง
.
การเดินทางข้ามประเทศหลักๆเราจะนั่งเป็นรถไฟ มีบางประเทศที่นั่งเครื่องบิน และการเดินทางภายในเมืองต่างๆก็ขึ้นอยู่กับการคมนาคมของประเทศนั้นๆ ทั้งรถบัส และรถราง (tram)
.
🇬🇧 UK
เริ่มจากเมือง Leicester ประเทศอังกฤษเลยแล้วกัน เราเลือกนั่งรถบัส (coach) เข้าไปลอนดอน ลงที่สถานี Victoria จากนั้นนั่ง tube ไปลงที่ King Cross St. Pancras ซึ่งการนั่ง tube ในลอนดอนสะดวกสบายมาก แค่แตะบัตรเครดิต/ เดบิต หรือพวก travel card ที่มีสัญลักษณ์ contactless ไม่จำเป็นต้องไปกดซื้อตั๋วจากตู้อีกต่อไป
.
ออกจากประเทศอังกฤษ เรานั่งรถไฟ Eurostar ไปเมือง Paris ประเทศฝรั่งเศส ที่นั่งของรถไฟ Eurostar ค่อนข้างสบาย เบาะสูงใหญ่ ความสูงระดับสาวเอเชียอย่างเราก็คือสูงไม่ถึงครึ่งของเบาะ เนื่องจากเมื่อต้นปีเรามีโอกาสได้ไปทำงาน/ เที่ยว ที่ Paris เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม และด้วยความไม่อยากเข้าไปเจอกับความวุ่นวายในช่วงเทศกาลแบบนี้ เราจึงเลือกจะเดินทางต่อจาก Paris ไปอีกเมืองทันที รถไฟ Eurostar จาก London จะมาจอดที่สถานที Gare du Nord ซึ่งเป็นเหมือนสถานีหลักของที่นี่ จากนั้นเราก็เดินต่อไปอีกไม่ไกลเพื่อไปสถานี Gare de l'Est สำหรับรถไฟไปเมือง Strasbourg
.
(สำหรับรถไฟในยุโรปเราจองผ่าน
https://www.thetrainline.com/ เป็นหลักเลยนะฮะ)
🇫🇷 France
การเดินทางหลักๆในเมือง Strasbourg จะเป็นการเดิน แต่เมื่ออยู่ๆเราก็ไปเช็คมาว่าเราสามารถข้ามไปประเทศเยอรมันได้ในเวลาไม่กี่นาที จึงมีโอกาสได้นั่งแทรมข้ามประเทศ แล้วก็เดินจากเยอรมันกลับเข้ามาฝรั่งเศสแบบงงๆ
.
จากเมือง Strasbourg เราเดินทางต่อไปยังเมือง Luxembourg ประเทศ Luxembourg ด้วยรถไฟ เป็นรถไฟสองชั้น เราได้นั่งเป็น family seat นั่งรับประทานอาหารพร้อมจ้องตาคู่รักฝั่งตรงข้าม ที่นั่งค่อนข้างสบาย แม้เบาะจะไม่ใหญ่และสูงเท่ารถไฟ Eurostar แต่ก็ยังนั่งสบายมากๆอยู่ดี
Strasbourg, France
.
🇱🇺 Luxembourg
สำหรับในเมือง Luxembourg เราสามารถเดินเที่ยวชมเมืองได้สบายมาก เพราะสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ก็มีรถ tram ให้เลือกใช้ได้เช่นกัน
Luxembourg, Luxembourg
.
ต่อจากเมือง Luxembourg เราใช้บริการ Flixbus เข้าไปเมือง Brussels ประเทศเบลเยียม เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากทีเดียว เนื่องจากจุดขึ้นรถที่เขียนในใบจอง บอกว่าเป็น P+R Bullion (car park) เมื่อเราเดินไปถึงก็พบว่าเป็นลานจอดรถบัสที่ว่างเปล่า พร้อมกับกลุ่มคนกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ ไม่มีป้ายบอกข้อมูลใดใด มีแต่รถบัสวิ่งเข้ามาจอด คนลง คนขึ้น แล้วก็ออกไป เราพยายามเช็คจาก application ในมือถือก็ไม่มีแจ้งเรื่องรถล่าช้า ได้แต่รอไปเรื่อยๆ ด้วยความที่มันไม่มีป้ายรถ ไม่มีหลังคาคลุม มีแต่ม้านั่ง 2-3 อัน โชคดีที่ฝนหรือหิมะไม่ตก แต่ก็ยังหนาวมากๆอยู่ดี เมื่อถึงเวลารถออกแต่ก็ยังไม่มีรถบัสวนเข้ามา หลายคนก็เริ่มกระวนกระวาย มีการหาเพื่อนร่วมทางที่ไปรอบเดียวกันแล้วเกาะกันเป็นกลุ่ม และในที่สุดรถบัสก็วิ่งเข้ามา จัดการยกกระเป๋า ขึ้นรถหาที่นั่ง แต่โชคดีที่เราจองที่นั่งติดกันมา และที่สำคัญคือเป็นที่นั่งชั้นล่าง (รถบัส 2 ชั้น) และ facing forward (คือหันหน้าไปทางเดียวกับที่รถวิ่ง) เพราะเราจะเวียนหัวมากๆถ้านั่งรถบัสหันหลัง แต่ปรากฎว่ามีคนนั่งที่นั่งของเราอยู่และบอกให้เราขึ้นไปนั่งชั้น 2 ต้องอธิบายก่อนว่าปกติ Flixbus จะไม่กำหนดที่นั่ง ใครมาก่อนได้ก่อน ยกเว้นแต่เราเสียเงินเพิ่ม (ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้เยอะมาก) เพื่อจองที่นั่งไว้ เราจึงยืนยันจะนั่งที่ที่เราเสียเงินจองมา พร้อมกับยื่นตั๋วที่เราปรินท์ใส่กระดาษไว้ และในที่สุดก็ได้ที่นั่งของเราคืนมา
.
🇧🇪 Belgium
ในตัวเมือง Brussels เราเดินเท้าตลอด 2 วัน แต่ด้วยความที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวสถานที่ไกลๆ จึงถือว่าโอเคมากๆ เน้นเป็น City Tour และ Christmas Market เป็นหลัก
.
ที่พักเราอยู่บริเวณ Central Brussels แต่สถานีรถไฟที่เราจะนั่งไป Amsterdam อยู่ที่ Brussels Midi ซึ่งจริงๆสามารถเดินเท้าได้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แต่พื้นถนนไม่ค่อยเป็นใจให้กับการลากกระเป๋า แถมเส้นทางจะต้องเดินผ่านเข้าเมืองน่าจะไม่สะดวกเท่าไร เราจึงนั่งเป็นรถ Metro ไปที่สถานี Brussels Midi ซึ่งก็สะดวกสบายมาก ซื้อตั๋วได้จากตู้ข้างหน้าทางเข้าเลย เมื่อไปถึงเราก็มองหาป้ายรถไฟไป Amsterdam ซึ่งเราใช้บริการของ Thalys ซึ่งระบุที่นั่งไว้เรียบร้อย ขอบอกว่าเป็นเส้นทางรถไฟที่วิวสวยมากๆอีกที่นึงเลยล่ะ
Brussels, Belgium
.
Brussels, Belgium -> Amsterdam, Netherlands
.
🇳🇱Netherlands
ในเมือง Amsterdam เราก็ใช้การเดินเป็นหลักอีกเช่นกัน แต่จะบอกว่าเป็นเมืองที่วุ่นวายมาก ต้องระวังทั้งคน รถยนต์ รถแทรม รถจักรยาน บางครั้งมีรถมอเตอร์ไซค์อีก แนะนำว่าคนที่ขี่จักรยานไม่คล่องอย่าเพิ่งมาลองที่เมืองนี้เลย เดินเอาสบายใจกว่า แถมซึมซับบรรยากาศได้ดีอีกด้วย
Amsterdam, Netherlands
.
ต่อจาก Amsterdam เราจะเดินทางขึ้นไปเมือง Oslo ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเราจองตั๋วเครื่องบินของ Norwegian Airline ไว้ เราได้ทำการ Online Check-in ล่วงหน้าคืนก่อนวันเดินทางเพื่อความสะดวกสบาย การเดินทางจากตัวเมือง Amsterdam ไปยังสนามบินถือว่าสะดวกมาก นั่งรถไฟไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น สำหรับสายการบิน Norwegian Airline ก็ถือได้ว่าเป็น Low Cost ที่ไม่แย่เลย พื้นที่กว้างขวางกว่าสายการบิน Low Cost ของไทย เบาะสบายเลย น่าจะเป็นเพราะเราตัวเล็กกว่าชาวยุโรปแหละเนอะ และใช้เวลาบินเกือบๆ 2 ชั่วโมงสำหรับ Amsterdam - Oslo
Oslo, Norway
.
🇳🇴 Norway (การเดินทางระหว่างข้ามเมืองของนอร์เวย์เพื่อนเราจองผ่าน
https://www.vy.no/en เป็นหลักจ้า)
ภายในเมือง Oslo เราเลือกนั่งรถ tram ไปเที่ยวตามจุดสถานที่ที่อยู่ใกล้ออกไปหน่อย จากนั้นก็เดินชมเมืองเอา สำหรับการนั่งรถ tram ที่นอร์เวย์อาจจะงงๆหน่อย ให้ดูจาก Google Map และดูเลขจากป้ายรถและขบวนรถให้ตรงกัน การซื้อตั๋ว บางป้ายจะมีตู้กดซื้อตั๋ว ส่วนบางป้ายจะไม่มี สามารถซื้อตั๋วได้จาก application ในมือถือเลย
Oslo, Norway
Oslo, Norway
Oslo, Norway
.
จาก Oslo เรามีจุดหมายสุดท้ายเป็น Bergen แต่เราไม่ได้จะไป Bergen แบบธรรมดา เพราะเราจะนั่งเรือ Fjord Tour จาก Flam แล้วจากนั้นค่อยนั่งรถไฟไป Bergen อีกที โดยเราจองทุกอย่างที่ว่ามานี้ล่วงหน้า เริ่มจากการนั่งรถไฟจาก Oslo ไปยัง Myrdal และจาก Myrdal ก็นั่งรถไฟอีกขบวนที่เป็นเหมือนรถไฟชมวิวไปยัง Flam จาก Flam ก็นั่งเป็นเรือไปที่ Gudvangen แล้วก็นั่งรถบัสเข้าเมือง Vosssevangen เพื่อไปขึ้นรถไฟต่อไปยัง Bergen ทุกอย่างราบรื่นดีมาก จนกระทั่งลงเรือและต้องรอรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมงท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือป้ายรถบัสเล็กมาก แถมไม่มีข้อมูลใดใดอีกเช่นกัน และฝนก็ตกลงมา เมื่อถึงเวลาแล้วรถบัสไม่มา ความกระวนกระวายบังเกิดอีกครั้ง แต่ในที่สุดรถก็มารับเราจนได้ และยังทันเวลาสำหรับรถไฟไป Bergen
Myrdal, Norway
Flam -> Gudvangen, Norway
.
สำหรับการเดินทางใน Bergen ก็เหมือนกับทุกๆเมืองที่ผ่านมาคือเดินเท้า เพราะด้วยเวลาที่เรามีเหลือ และจุดท่องเที่ยวที่พอจะไปได้ การเดินเท้าเหมาะสมที่สุด จาก Bergen ไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับประเทศอังกฤษนั้น สามารถเดินทางได้สองวิธี คือรถบัส และรถ tram ซึ่งราคาและเวลาในการเดินทางต่างกันพอสมควร รถบัสเร็วกว่าและแพงกว่า แน่นอนว่าเราจะต้องเลือกรถ tram เพราะมันถูกกว่า และที่สำคัญคือเหมือนเราได้นั่งรถชมวิวอีกครั้งก่อนจะจบทริปลง
Bergen, Norway
.
เราเลือกบิน Norwigian Airline เหมือนเดิม สำหรับขากลับ ก็ถือว่าไม่ผิดหวัง แม้ว่าตอนขึ้นจะมีสั่นบ้าง เพราะลมแรงมาก ฝนตกหนักมาก ตอนแรกกลัวว่าจะไม่ได้กลับซะแล้ว แต่กัปตันก็พาเรากลับเกาะอังกฤษได้อย่างปลอดภัย
.
เที่ยวบินกลับจาก Bergen เราเลือกลงที่สนามบิน London Gatwick เพราะราคาถูกกว่า และไม่ต้องไปรอคิวตม.นานที่ Heathrow อีกต่อไป ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเพราะว่าใช้เวลาไม่นานเลย ส่วนมากคนที่บินมาลง Gatwick ก็มักจะเป็นชาวอังกฤษและยุโรปนี่แหละ ทำให้แถว non-EU อย่างเราโล่งสบายเลย
[CR] Christmas Trip EP. 0 | Strasbourg - Luxembourg - Brussels - Amsterdam - Oslo - Bergen
EP 1 | สตราสบูร์ก Strasbourg https://ppantip.com/topic/39579119
EP 2 | ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) https://ppantip.com/topic/39593414
EP. 3 | บรัสเซลส์ (Brussels) https://ppantip.com/topic/39627549
EP. 4 | อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) https://ppantip.com/topic/39655298
EP. 5 | ออสโล-เบอร์เกน (Oslo-Bergen) https://ppantip.com/topic/39700488
.
เราเลือกแพลนทริปจากประเทศที่ต้องไปและอยากไป ประเทศแรกที่ต้องไปก็คือฝรั่งเศส เพราะเราจะทำวีซ่าเชงเก้นของฝรั่งเศส (เนื่องจากเคยทำแล้ว และคาดว่าจะทำให้ได้ multiple ในระยะที่ยาวกว่าทริปที่ไป ไปเที่ยวครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องไปขอใหม่) ส่วนอีกประเทศที่ต้องไปก็คือนอร์เวย์ เพราะเรามีเพื่อนจากไทย ญี่ปุ่น และฟินแลนด์ที่จะไปรวมตัวกันที่นอร์เวย์ ก็เลยปักหมุดเป็นอีกที่ที่จะต้องไปในทริปนี้
.
ส่วนประเทศที่อยากไป พอลิสออกมาแล้วก็ยาวเหยียดเป็นห่างว่าว การคัดประเทศที่เข้ารอบสำหรับทริปนี้ก็จะเป็นเส้นทางการเดินทางที่ไม่ยากลำบาก และที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่สูงจนเกินไป เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวของประเทศฝั่งตะวันตก ราคาตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมจะสูงกว่าช่วงเวลาอื่นพอสมควร
.
จากเกณฑ์ต่างๆที่พูดไป ทำให้เราเหลือผู้เข้ารอบทั้งหมด 5 ประเทศด้วยกัน ได้แค่ ฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ โดยเมืองที่เราเลือกไปก็จะเป็น Strasbourg Luxembourg Brussels Amsterdam Oslo และ Bergen
.
ระยะเวลาการเดินทางเริ่มตั้งแต่ 26 ธันวาคม จนถึง 3 มกราคม เนื่องจากเรามีแผนที่แน่ชัด สำหรับ Oslo ทำให้การจัดวันก็ไล่ลำดับกันมาตามนี้เลย
.
--
✈️ การเดินทาง
.
การเดินทางข้ามประเทศหลักๆเราจะนั่งเป็นรถไฟ มีบางประเทศที่นั่งเครื่องบิน และการเดินทางภายในเมืองต่างๆก็ขึ้นอยู่กับการคมนาคมของประเทศนั้นๆ ทั้งรถบัส และรถราง (tram)
.
🇬🇧 UK
เริ่มจากเมือง Leicester ประเทศอังกฤษเลยแล้วกัน เราเลือกนั่งรถบัส (coach) เข้าไปลอนดอน ลงที่สถานี Victoria จากนั้นนั่ง tube ไปลงที่ King Cross St. Pancras ซึ่งการนั่ง tube ในลอนดอนสะดวกสบายมาก แค่แตะบัตรเครดิต/ เดบิต หรือพวก travel card ที่มีสัญลักษณ์ contactless ไม่จำเป็นต้องไปกดซื้อตั๋วจากตู้อีกต่อไป
.
ออกจากประเทศอังกฤษ เรานั่งรถไฟ Eurostar ไปเมือง Paris ประเทศฝรั่งเศส ที่นั่งของรถไฟ Eurostar ค่อนข้างสบาย เบาะสูงใหญ่ ความสูงระดับสาวเอเชียอย่างเราก็คือสูงไม่ถึงครึ่งของเบาะ เนื่องจากเมื่อต้นปีเรามีโอกาสได้ไปทำงาน/ เที่ยว ที่ Paris เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม และด้วยความไม่อยากเข้าไปเจอกับความวุ่นวายในช่วงเทศกาลแบบนี้ เราจึงเลือกจะเดินทางต่อจาก Paris ไปอีกเมืองทันที รถไฟ Eurostar จาก London จะมาจอดที่สถานที Gare du Nord ซึ่งเป็นเหมือนสถานีหลักของที่นี่ จากนั้นเราก็เดินต่อไปอีกไม่ไกลเพื่อไปสถานี Gare de l'Est สำหรับรถไฟไปเมือง Strasbourg
.
(สำหรับรถไฟในยุโรปเราจองผ่าน https://www.thetrainline.com/ เป็นหลักเลยนะฮะ)
🇫🇷 France
การเดินทางหลักๆในเมือง Strasbourg จะเป็นการเดิน แต่เมื่ออยู่ๆเราก็ไปเช็คมาว่าเราสามารถข้ามไปประเทศเยอรมันได้ในเวลาไม่กี่นาที จึงมีโอกาสได้นั่งแทรมข้ามประเทศ แล้วก็เดินจากเยอรมันกลับเข้ามาฝรั่งเศสแบบงงๆ
.
จากเมือง Strasbourg เราเดินทางต่อไปยังเมือง Luxembourg ประเทศ Luxembourg ด้วยรถไฟ เป็นรถไฟสองชั้น เราได้นั่งเป็น family seat นั่งรับประทานอาหารพร้อมจ้องตาคู่รักฝั่งตรงข้าม ที่นั่งค่อนข้างสบาย แม้เบาะจะไม่ใหญ่และสูงเท่ารถไฟ Eurostar แต่ก็ยังนั่งสบายมากๆอยู่ดี
🇱🇺 Luxembourg
สำหรับในเมือง Luxembourg เราสามารถเดินเที่ยวชมเมืองได้สบายมาก เพราะสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ก็มีรถ tram ให้เลือกใช้ได้เช่นกัน
ต่อจากเมือง Luxembourg เราใช้บริการ Flixbus เข้าไปเมือง Brussels ประเทศเบลเยียม เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากทีเดียว เนื่องจากจุดขึ้นรถที่เขียนในใบจอง บอกว่าเป็น P+R Bullion (car park) เมื่อเราเดินไปถึงก็พบว่าเป็นลานจอดรถบัสที่ว่างเปล่า พร้อมกับกลุ่มคนกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ ไม่มีป้ายบอกข้อมูลใดใด มีแต่รถบัสวิ่งเข้ามาจอด คนลง คนขึ้น แล้วก็ออกไป เราพยายามเช็คจาก application ในมือถือก็ไม่มีแจ้งเรื่องรถล่าช้า ได้แต่รอไปเรื่อยๆ ด้วยความที่มันไม่มีป้ายรถ ไม่มีหลังคาคลุม มีแต่ม้านั่ง 2-3 อัน โชคดีที่ฝนหรือหิมะไม่ตก แต่ก็ยังหนาวมากๆอยู่ดี เมื่อถึงเวลารถออกแต่ก็ยังไม่มีรถบัสวนเข้ามา หลายคนก็เริ่มกระวนกระวาย มีการหาเพื่อนร่วมทางที่ไปรอบเดียวกันแล้วเกาะกันเป็นกลุ่ม และในที่สุดรถบัสก็วิ่งเข้ามา จัดการยกกระเป๋า ขึ้นรถหาที่นั่ง แต่โชคดีที่เราจองที่นั่งติดกันมา และที่สำคัญคือเป็นที่นั่งชั้นล่าง (รถบัส 2 ชั้น) และ facing forward (คือหันหน้าไปทางเดียวกับที่รถวิ่ง) เพราะเราจะเวียนหัวมากๆถ้านั่งรถบัสหันหลัง แต่ปรากฎว่ามีคนนั่งที่นั่งของเราอยู่และบอกให้เราขึ้นไปนั่งชั้น 2 ต้องอธิบายก่อนว่าปกติ Flixbus จะไม่กำหนดที่นั่ง ใครมาก่อนได้ก่อน ยกเว้นแต่เราเสียเงินเพิ่ม (ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้เยอะมาก) เพื่อจองที่นั่งไว้ เราจึงยืนยันจะนั่งที่ที่เราเสียเงินจองมา พร้อมกับยื่นตั๋วที่เราปรินท์ใส่กระดาษไว้ และในที่สุดก็ได้ที่นั่งของเราคืนมา
.
🇧🇪 Belgium
ในตัวเมือง Brussels เราเดินเท้าตลอด 2 วัน แต่ด้วยความที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวสถานที่ไกลๆ จึงถือว่าโอเคมากๆ เน้นเป็น City Tour และ Christmas Market เป็นหลัก
.
ที่พักเราอยู่บริเวณ Central Brussels แต่สถานีรถไฟที่เราจะนั่งไป Amsterdam อยู่ที่ Brussels Midi ซึ่งจริงๆสามารถเดินเท้าได้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แต่พื้นถนนไม่ค่อยเป็นใจให้กับการลากกระเป๋า แถมเส้นทางจะต้องเดินผ่านเข้าเมืองน่าจะไม่สะดวกเท่าไร เราจึงนั่งเป็นรถ Metro ไปที่สถานี Brussels Midi ซึ่งก็สะดวกสบายมาก ซื้อตั๋วได้จากตู้ข้างหน้าทางเข้าเลย เมื่อไปถึงเราก็มองหาป้ายรถไฟไป Amsterdam ซึ่งเราใช้บริการของ Thalys ซึ่งระบุที่นั่งไว้เรียบร้อย ขอบอกว่าเป็นเส้นทางรถไฟที่วิวสวยมากๆอีกที่นึงเลยล่ะ
ในเมือง Amsterdam เราก็ใช้การเดินเป็นหลักอีกเช่นกัน แต่จะบอกว่าเป็นเมืองที่วุ่นวายมาก ต้องระวังทั้งคน รถยนต์ รถแทรม รถจักรยาน บางครั้งมีรถมอเตอร์ไซค์อีก แนะนำว่าคนที่ขี่จักรยานไม่คล่องอย่าเพิ่งมาลองที่เมืองนี้เลย เดินเอาสบายใจกว่า แถมซึมซับบรรยากาศได้ดีอีกด้วย
ต่อจาก Amsterdam เราจะเดินทางขึ้นไปเมือง Oslo ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเราจองตั๋วเครื่องบินของ Norwegian Airline ไว้ เราได้ทำการ Online Check-in ล่วงหน้าคืนก่อนวันเดินทางเพื่อความสะดวกสบาย การเดินทางจากตัวเมือง Amsterdam ไปยังสนามบินถือว่าสะดวกมาก นั่งรถไฟไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น สำหรับสายการบิน Norwegian Airline ก็ถือได้ว่าเป็น Low Cost ที่ไม่แย่เลย พื้นที่กว้างขวางกว่าสายการบิน Low Cost ของไทย เบาะสบายเลย น่าจะเป็นเพราะเราตัวเล็กกว่าชาวยุโรปแหละเนอะ และใช้เวลาบินเกือบๆ 2 ชั่วโมงสำหรับ Amsterdam - Oslo
🇳🇴 Norway (การเดินทางระหว่างข้ามเมืองของนอร์เวย์เพื่อนเราจองผ่าน https://www.vy.no/en เป็นหลักจ้า)
ภายในเมือง Oslo เราเลือกนั่งรถ tram ไปเที่ยวตามจุดสถานที่ที่อยู่ใกล้ออกไปหน่อย จากนั้นก็เดินชมเมืองเอา สำหรับการนั่งรถ tram ที่นอร์เวย์อาจจะงงๆหน่อย ให้ดูจาก Google Map และดูเลขจากป้ายรถและขบวนรถให้ตรงกัน การซื้อตั๋ว บางป้ายจะมีตู้กดซื้อตั๋ว ส่วนบางป้ายจะไม่มี สามารถซื้อตั๋วได้จาก application ในมือถือเลย
จาก Oslo เรามีจุดหมายสุดท้ายเป็น Bergen แต่เราไม่ได้จะไป Bergen แบบธรรมดา เพราะเราจะนั่งเรือ Fjord Tour จาก Flam แล้วจากนั้นค่อยนั่งรถไฟไป Bergen อีกที โดยเราจองทุกอย่างที่ว่ามานี้ล่วงหน้า เริ่มจากการนั่งรถไฟจาก Oslo ไปยัง Myrdal และจาก Myrdal ก็นั่งรถไฟอีกขบวนที่เป็นเหมือนรถไฟชมวิวไปยัง Flam จาก Flam ก็นั่งเป็นเรือไปที่ Gudvangen แล้วก็นั่งรถบัสเข้าเมือง Vosssevangen เพื่อไปขึ้นรถไฟต่อไปยัง Bergen ทุกอย่างราบรื่นดีมาก จนกระทั่งลงเรือและต้องรอรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมงท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือป้ายรถบัสเล็กมาก แถมไม่มีข้อมูลใดใดอีกเช่นกัน และฝนก็ตกลงมา เมื่อถึงเวลาแล้วรถบัสไม่มา ความกระวนกระวายบังเกิดอีกครั้ง แต่ในที่สุดรถก็มารับเราจนได้ และยังทันเวลาสำหรับรถไฟไป Bergen
สำหรับการเดินทางใน Bergen ก็เหมือนกับทุกๆเมืองที่ผ่านมาคือเดินเท้า เพราะด้วยเวลาที่เรามีเหลือ และจุดท่องเที่ยวที่พอจะไปได้ การเดินเท้าเหมาะสมที่สุด จาก Bergen ไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับประเทศอังกฤษนั้น สามารถเดินทางได้สองวิธี คือรถบัส และรถ tram ซึ่งราคาและเวลาในการเดินทางต่างกันพอสมควร รถบัสเร็วกว่าและแพงกว่า แน่นอนว่าเราจะต้องเลือกรถ tram เพราะมันถูกกว่า และที่สำคัญคือเหมือนเราได้นั่งรถชมวิวอีกครั้งก่อนจะจบทริปลง
เราเลือกบิน Norwigian Airline เหมือนเดิม สำหรับขากลับ ก็ถือว่าไม่ผิดหวัง แม้ว่าตอนขึ้นจะมีสั่นบ้าง เพราะลมแรงมาก ฝนตกหนักมาก ตอนแรกกลัวว่าจะไม่ได้กลับซะแล้ว แต่กัปตันก็พาเรากลับเกาะอังกฤษได้อย่างปลอดภัย
.
เที่ยวบินกลับจาก Bergen เราเลือกลงที่สนามบิน London Gatwick เพราะราคาถูกกว่า และไม่ต้องไปรอคิวตม.นานที่ Heathrow อีกต่อไป ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเพราะว่าใช้เวลาไม่นานเลย ส่วนมากคนที่บินมาลง Gatwick ก็มักจะเป็นชาวอังกฤษและยุโรปนี่แหละ ทำให้แถว non-EU อย่างเราโล่งสบายเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้